วันนี้ (11 พ.ค.2566) เวลา 20.00 น. ที่จุดปฎิบัติกา

ความคืบหน้ากรณีตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ขยายผลติดตามขบวนการลักลอบซื้อ-ขาย "ลูกเสือโคร่ง" จับผู้ร่วมขบวนการเพิ่มอีก 4 คน พบหนึ่งในผู้ต้อ
วันนี้ (12 ม.ค.2568) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์คลื่นลมทะเลแนวชายฝั่งอ่าวไทย โดยเฉพาะ อ.สิชล อ.ท่าศาลา อ.ปากพนัง และ อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ประสบภาวะน้ำทะเลหนุนสูงและคลื่นลมรุนแรง คลื่นสูง 3 เมตร
วันนี้ (15 ก.พ.2565) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ปัจจุบันอัตราเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายรายบุคคลที่อุดหนุนให้แก่นักเรียนพิการในโรงเรียนเอกชนต่ำกว่าเงินอุดหนุนที่นักเรียนภาครัฐได้รับ เนื่องจากการอุดหนุนในส่วนของเงินสมทบที่เป็นเงินเดือนครูโรงเรียนเอกชนยังใช้สัดส่วนครูต่อนักเรียนพิการเท่ากับโรงเรียนทั่วไป คือ ระดับก่อนประถมและประถมศึกษา ใช้ครู 1 คน ต่อนักเรียน 25 คน ระดับมัธยมศึกษาใช้ครู 1 คน ต่อนักเรียน 20 คน ขณะที่สัดส่วนข้าราชการครูในโรงเรียนสอนคนพิการของรัฐ กำหนดสัดส่วนความบกพร่องทางการมองเห็น การได้ยิน ทางร่างกาย ใช้ครู 1 คน ต่อนักเรียนพิการ 5 คน บกพร่องทางสติปัญญาใช้ครู 1 คน ต่อนักเรียนพิการ 4 คน และออทิสติก ใช้ครู 1 คน ต่อนักเรียนพิการ 3 คน จึงส่งผลให้โรงเรียนเอกชนมีภาระด้านเงินเดือนครูสูงกว่าโรงเรียนทั่วไป ดังนั้น เพื่อเป็นการแก้ปัญหาดังกล่าว ครม.จึงมีมติเห็นชอjoker slot ฟรี เครดิตโจ๊ก เกอร์ ฝาก ผ่าน วอ เลทบปรับเพิ่มอัตราเงินอุดหนุนรายบุคคลสำหรับนักเรียนพิการในโรงเรียนเอกชน ประเภทสามัญศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) และโรงเรียนเอกชนประเภทอาชีวศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ในปีงบประมาณ 2566 รวมทั้งสิ้น 118.74 ล้านบาท แบ่งเป็นประเภทสามัญศึกษา จำนวน 106.61 ล้านบาท และประเภทอาชีวศึกษา จำนวน 12.13 ล้านบาท โดยปรับเพิ่มค่าจ้างครูและผู้ช่วยครูในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานสำหรับนักเรียนพิการของโรงเรียนเอกชน ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้ 1.ประเภทสามัญศึกษา แบ่งเป็น 1. ระดับก่อนประถมศึกษาและประถมศึกษา คิดสัดส่วนครู 1 คน ต่อนักเรียนพิการ 10 คน ทำให้ครูได้รับค่าจ้างเพิ่มขึ้น 18,060 บาท จากอัตราเดิม 7,224 บาท รวมเงินเดือนที่ครูได้รับทั้งสิ้น 25,284 บาท 2.ระดับมัธยมศึกษา คิดสัดส่วนครู 1 คน ต่อนักเรียนพิการ 15 คน ทำให้ครูได้รับค่าจ้างเพิ่มขึ้น 12,040 บาท จากอัตราเดิม 9,032 บาท รวมเงินเดือนที่ครูได้รับทั้งสิ้น 21,072 บาท 2.ประเภทอาชีวศึกษา (ระดับ ปวช.) คิดสัดส่วนครู 1 คน ต่อนักเรียนพิการ 15 คน ทำให้ครูทั้งแบบประจำและไป-กลับ ได้รับค่าจ้างเพิ่มขึ้น 3,457 บาท จากอัตราเดิม 8,528 บาท รวมเงินเดือนที่ครูได้รับทั้งสิ้น 12,040 บาท 3.ผู้ช่วยครูทุกระดับทั้งประเภทสามัญศึกษาและอาชีวศึกษา (ระดับ ปวช.) คิดสัดส่วนครู 1 คน ต่อนักเรียนพิการ 15 คน เฉลี่ยเงินเดือนที่ได้รับ 7,200 บาท (จากเดิมที่ไม่มีเงินอุดหนุนค่าจ้างผู้ช่วยครู) น.ส.รัชดา กล่าวว่า การปรับเพิ่มอัตราเงินอุดหนุนรายบุคคลสำหรับนักเรียนพิการในโรงเรียนเอกชน ในครั้งนี้ เพื่อให้การจัดการศึกษาสำหรับนักเรียนพิการในโรงเรียนเอกชน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการจัดการศึกษาในรูปแบบมูลนิธิและโรงเรียนเอกชนการกุศล ได้มีการพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้ได้มาตรฐานมากยิ่งขึ้น และสามารถต่อยอดพัฒนาศักยภาพของนักเรียนพิการได้อย่างเต็มที่ เมื่อผู้พิการสำเร็จการศึกษาจะได้นำความรู้และทักษะไปประกอบอาชีพและอยู่ร่วมกับคนในสังคมได้อย่างมีความสุข
วันนี้ (15 ก.พ.2565) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตร
วันนี้ (28 ก.พ.2565) จากกรณีนายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว นายอานนท์ นำภ
วันที่ 24 ต.ค.2566 พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ลงนามในบันทึกข้อความแจ้งเวียนคำสั่ง ตร.เรื่องแนวท
วันนี้ (15 ก.พ.2565) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ปัจจุบันอัตราเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายรายบุคคลที่อุดหนุนให้แก่นักเรียนพิการในโรงเรียนเอกชนต่ำกว่าเงินอุดหนุนที่นักเรียนภาครัฐได้รับ เนื่องจากการอุดหนุนในส่วนของเงินสมทบที่เป็นเงินเดือนครูโรงเรียนเอกชนยังใช้สัดส่วนครูต่อนักเรียนพิการเท่ากับโรงเรียนทั่วไป คือ ระดับก่อนประถมและประถมศึกษา ใช้ครู 1 คน ต่อนักเรียน 25 คน ระดับมัธยมศึกษาใช้ครู 1 คน ต่อนักเรียน 20 คน ขณะที่สัดส่วนข้าราชการครูในโรงเรียนสอนคนพิการของรัฐ กำหนดสัดส่วนความบกพร่องทางการมองเห็น การได้ยิน ทางร่างกาย ใช้ครู 1 คน ต่อนักเรียนพิการ 5 คน บกพร่องทางสติปัญญาใช้ครู 1 คน ต่อนักเรียนพิการ 4 คน และออทิสติก ใช้ครู 1 คน ต่อนักเรียนพิการ 3 คน จึงส่งผลให้โรงเรียนเอกชนมีภาระด้านเงินเดือนครูสูงกว่าโรงเรียนทั่วไป ดังนั้น เพื่อเป็นการแก้ปัญหาดังกล่าว ครม.จึงมีมติเห็นชอjoker slot ฟรี เครดิตโจ๊ก เกอร์ ฝาก ผ่าน วอ เลทบปรับเพิ่มอัตราเงินอุดหนุนรายบุคคลสำหรับนักเรียนพิการในโรงเรียนเอกชน ประเภทสามัญศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) และโรงเรียนเอกชนประเภทอาชีวศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ในปีงบประมาณ 2566 รวมทั้งสิ้น 118.74 ล้านบาท แบ่งเป็นประเภทสามัญศึกษา จำนวน 106.61 ล้านบาท และประเภทอาชีวศึกษา จำนวน 12.13 ล้านบาท โดยปรับเพิ่มค่าจ้างครูและผู้ช่วยครูในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานสำหรับนักเรียนพิการของโรงเรียนเอกชน ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้ 1.ประเภทสามัญศึกษา แบ่งเป็น 1. ระดับก่อนประถมศึกษาและประถมศึกษา คิดสัดส่วนครู 1 คน ต่อนักเรียนพิการ 10 คน ทำให้ครูได้รับค่าจ้างเพิ่มขึ้น 18,060 บาท จากอัตราเดิม 7,224 บาท รวมเงินเดือนที่ครูได้รับทั้งสิ้น 25,284 บาท 2.ระดับมัธยมศึกษา คิดสัดส่วนครู 1 คน ต่อนักเรียนพิการ 15 คน ทำให้ครูได้รับค่าจ้างเพิ่มขึ้น 12,040 บาท จากอัตราเดิม 9,032 บาท รวมเงินเดือนที่ครูได้รับทั้งสิ้น 21,072 บาท 2.ประเภทอาชีวศึกษา (ระดับ ปวช.) คิดสัดส่วนครู 1 คน ต่อนักเรียนพิการ 15 คน ทำให้ครูทั้งแบบประจำและไป-กลับ ได้รับค่าจ้างเพิ่มขึ้น 3,457 บาท จากอัตราเดิม 8,528 บาท รวมเงินเดือนที่ครูได้รับทั้งสิ้น 12,040 บาท 3.ผู้ช่วยครูทุกระดับทั้งประเภทสามัญศึกษาและอาชีวศึกษา (ระดับ ปวช.) คิดสัดส่วนครู 1 คน ต่อนักเรียนพิการ 15 คน เฉลี่ยเงินเดือนที่ได้รับ 7,200 บาท (จากเดิมที่ไม่มีเงินอุดหนุนค่าจ้างผู้ช่วยครู) น.ส.รัชดา กล่าวว่า การปรับเพิ่มอัตราเงินอุดหนุนรายบุคคลสำหรับนักเรียนพิการในโรงเรียนเอกชน ในครั้งนี้ เพื่อให้การจัดการศึกษาสำหรับนักเรียนพิการในโรงเรียนเอกชน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการจัดการศึกษาในรูปแบบมูลนิธิและโรงเรียนเอกชนการกุศล ได้มีการพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้ได้มาตรฐานมากยิ่งขึ้น และสามารถต่อยอดพัฒนาศักยภาพของนักเรียนพิการได้อย่างเต็มที่ เมื่อผู้พิการสำเร็จการศึกษาจะได้นำความรู้และทักษะไปประกอบอาชีพและอยู่ร่วมกับคนในสังคมได้อย่างมีความสุข
ผู้นำประเทศตอนล่างแม่น้ำแม่โขงจะประชุมที่เมืองคุนหมิง ประเทศจีน ในวันที่ 7 พ.ย.2567 นี้ มีนัยยะสำคัญ