วันนี้ (17 พ.ย.2565) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ระบุถึงกรณีการลงนามในประก
พระบรมราโชวาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานเนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2565 ความว่า “คนเราทุกคน ย่อมมีหน้าที่ที่ต้องทำ หน้าที่ของเด็กนั้น สำคัญที่สุด ก็คือการศึกษาเล่าเรียน เพื่อให้มีวิ
วันนี้ (17 พ.ย.2565) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ระบุถึงกรณีการลงนามในประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องสมุนไพรควบคุมฉบับใหม่ควบคุมช่อดอกกัญชาว่า เป็นอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของ รมว.สาธารณสุขในการลงนาม และเมื่อลงนามแล้วก็มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาตามขั้นตอน เพื่อลดความวิตกกังวลของสาธารณะในเรื่องควบคุมการใช้กัญชา ส่วนกรณีที่การประชุม ครม.ที่ผ่านมา มีข้อสงสัยและสอบถามเรื่องนี้อาจจะมีเรื่องเข้าใจผิดกัน เพราะการลงนามในประกาศนี้เป็นอำนาจของรัฐมนตรีที่สามารถทำได้อยู่แล้ว โดยไม่ต้องเข้า ครม. เพื่อขอความเห็นชอบก่อน แต่หากมีข้อสงสัยก็สามารถสอบถามได้ ซึ่งการประชุม ครม.ที่ผ่านมาติดภารกิจไม่ได้อยู่ร่วมประชุม หากอยู่ในที่ประชุมก็คงจะจบไปแล้ว ทั้งนี้หากนายกรัฐมนตรีมีข้อสงสัยก็ต้องชี้แจงให้รับทราบอยู่แล้ว นายอนุทิน ย้ำอีกว่า การลงนามประกาศเรื่องนี้ เนื่องจากกังวลเรื่องการเข้าถึงกัญชา จึงต้องระบุชัดเจนว่า ห้ามขายให้นักเรียนนักศึกษา ไม่ใช่เฉพาะการห้ามขายในสถานศึกษาเท่านั้น และครอบคลุมนักเรียนนักศึกษาทุกช่วงอายุ แนวทางที่ดีที่สุด คือ การออก พ.ร.บ.กัญชา แต่มีผู้ที่ออกมาคัดค้าน โดยเฉพาะพรรคร่วมรัฐบาล และต้องการให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ซึ่งย้อนแย้งตําหนิ ฉลากน้ำเต้าปูปลากับนโยบายของรัฐบาล และนโยบายกัญชาเป็นเรื่องที่พรรคภูมิใจไทยหาเสียงมาตั้งแต่ช่วงเลือกตั้งแล้ว และมองว่า พรรคร่วมรัฐบาลก็ควรจะเคารพ และยอมรับนโยบายของแต่ละพรรค เพราะเป็นมารยาททางการเมือง ทั้งนี้ พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคต้องเคารพกติกาการอยู่ร่วมกัน ทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุดและสนับสนุนซึ่งกันและกันเพื่อเสถียรภาพของรัฐบาล ต้องอยู่ร่วมกันอย่างสร้างสรรค์และเป็นปึกแผ่น เพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้าไปได้ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน นายอนุทิน ยืนยันว่า ที่ผ่านมาพรรคภูมิใจไทยมีความรอบคอบในการผลักดัน พ.ร.บ.กัญชา แต่ไม่คิดว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะมาขัดขวางกันเอง แต่ยืนยันว่า หากดำเนินการไม่เสร็จสิ้นภายในรัฐบาลชุดนี้ ก็จะเป็นนโยบายของพรรคภูมิใจไทยในการหาเสียงต่อไป เพราะไม่ใช่นโยบายที่ผิดกฎหมาย และยังไม่เห็นข้อเสียหาย
วันนี้ ( 8 ม.ค.64 ) บริษัท ไทยลีก จำกัด และสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ประสานกับ สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) และได้หารือกับ สโมสรสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด และ สโมสรราชบุรี มิตรผล เอฟซี ในการส่ง