วันนี้ (2 ก.ค.2565) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ห

ฟุตบอลโลกเกมบิ๊กแมตช์เมื่อคืนนี้เป็นเกมนัดที่ 2 ของกลุ่ม อี ระหว่าง สเปน แชมป์โลกปี 2010 ที่ถล่ม คอสตาริกา 7-0 ในนัดแรก พบกับ เยอรมนี อดีตแชมป์โลก 4 สมัย ที่หวังแก้มือหลังแพ้ญี่ปุ่นแบบช็อกโลกในนัดก่อน
มวยสากล คัดเลือกโอลิมปิก เลกแรก ที่บูสโต้ อาร์ซีซีโอ้ ประเทศอิตาลี รุ่น 92 กก. รอบแรก จักรพงษ์ ยมโคตร พบ เออร์กิ้น อาร์ดีเบ็ค อูลู่ จากคีร์กีซสถาน คู่นี้ 2 ยกแรก ออกหมัดใส่กันอย่างสูสี ทำให้ต้องตัดสิน
แบคทีเรียได้มีการวิวัฒนาการเพื่อให้ดื้อต่อยาปฏิชีวนะตั้งแต่ครั้งที่เริ่มผลิตยาขึ้นมาเป็นเวลานับศตวรรษ ทุกวันนี้มีเพียงยาแค่กลุ่มเล็ก ๆ เพียงเท่านั้นที่พอจะรักษาโรคบางชนิดได้ แต่ในขณะเดียวกันประสิทธิภาพของยาเหล่านี้ก็กำลังลดลงอีกด้วย อีรีค บราวน์ (Eric Brown) นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแมคมาสเตอร์ (Mcmaster University) และคณะจากประเทศแคนาดาได้ศึกษาการแสดงผลร่วมของยาปฏิชีวนะกับแบคทีเรียสองกลุ่ม กลุ่มแรกเป็นแบคทีเรียที่ดื้อยาโคลิสติน (colistin) ซึ่งเป็นยาปฏิชีวนะทางเลือกสุดท้ายที่ถูกใช้ในการรักษาการติดเชื้อจากยู ฟ่า 8899แบคทีเรียที่ดื้อยาหลายขนาน อีกกลุ่มเป็นแบคทีเรียที่ไม่ดื้อยา จากการทดลองพบว่า แบคทีเรียที่ดื้อยาโคลิสตินจะผลิตไบโอติน (biotin) หรือวิตามินบี 7 ออกมา นักวิจัยจึงได้ลองใช้ยาโคลิสตินร่วมกับยาที่ขัดขวางการผลิตไบโอตินจากแบคทีเรีย และเทียบประสิทธิผล (efficacy) กับแบคทีเรียทั้ง 2 กลุ่มนี้โดยดูจากค่า FIC (fractional inhibitory concentration) ซึ่งยิ่งมีค่า FIC ที่น้อยเท่าไร ประสิทธิผลก็จะมีมากขึ้นเท่านั้น โดยจะมีช่วงค่าอยู่ที่ 0-1 จากการวัดค่า FIC พบว่ากลุ่มของแบคทีเรียที่ดื้อยาโคลิสตินจะมีค่า FIC อยู่ที่ 0.3 ในขณะที่กลุ่มของแบคทีเรียไม่ดื้อยาจะอยู่ที่ 0.5 จากค่าดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าการลดการผลิตไบโอตินจะทำให้แบคทีเรียอ่อนแอลงต่อยาปฏิชีวนะ แต่จะมีผลแค่กับแบคทีเรียที่ดื้อยาอยู่แล้วเท่านั้น "ไบโอติน มีความจำเป็นในแบคทีเรียด้วยเหตุผลอย่างหนึ่ง นั่นคือการทำหน้าที่เป็นสารอนินทรีย์ที่จำเป็นในการทำงานของเอนไซม์หรือโคแฟกเตอร์ (co-factor) สำหรับผลิตกรดไขมัน" บราวน์กล่าว ทางทีมวิจัยจึงได้ศึกษาต่อด้วยการนำไปทดสอบกับหนูทดลอง 18 ตัว โดยทำให้ติดเชื้อแบคทีเรีย Klebsiella pneumoniae ซึ่งก่อให้เกิดโรคปอดบวม (pneumonia) และมีสถานะดื้อยาโคลิสตินอยู่ จากนั้นก็แบ่งหนูออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกทดลองกับยาโคลิสตินเพียงอย่างเดียว อีกกลุ่มทดลองกับยาโคลิสตินและยาที่ยับยั้งการสร้างกรดไขมัน พบว่าหนูที่ได้รับยาทั้งสองชนิดจะมีจำนวนแบคทีเรียน้อยกว่าถึง 99.9% แสดงให้เห็นว่าการยับยั้งการผลิตกรดไขมันจะสามารถเอาชนะการดื้อยาของเชื้อแบคทีเรียได้ อย่างไรก็ตาม ยาที่ยับยั้งการผลิตกรดไขมันก็ยังไม่สามารถเอามาใช้กับมนุษย์ได้ ซึ่งถือเป็นข้อจำกัดที่สำคัญ แต่ถึงอย่างนั้น การค้นพบในครั้งนี้ทำให้เราเข้าใจกลไกการดื้อยาของเชื้อมากขึ้น นำไปสู่การพัฒนาวิธีรักษาเพื่อต่อสู้กับเชื้อดื้อยาต่อไป ที่มาข้อมูล: New Scientist“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech
แบคทีเรียได้มีการวิวัฒนาการเพื่อให้ดื้อต่อยาปฏิชีวนะตั้งแต่ครั้งที่เริ่มผลิตยาขึ้นมาเป็นเวลานับศตวรร
วันนี้ (4 ส.ค.2567) ผูู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 15.50 น. "วิว" กุลวุฒิ วิทิตศานต์ นักกีฬาแบดมินตันชาย
วันนี้ (28 ส.ค.2567) เวลา 05.09 น. (ตามเวลาในประเทศไทย) "บิว" ภูริพล บุญสอน นักกีฬากรีฑาทีมชาติไทย เ
แบคทีเรียได้มีการวิวัฒนาการเพื่อให้ดื้อต่อยาปฏิชีวนะตั้งแต่ครั้งที่เริ่มผลิตยาขึ้นมาเป็นเวลานับศตวรรษ ทุกวันนี้มีเพียงยาแค่กลุ่มเล็ก ๆ เพียงเท่านั้นที่พอจะรักษาโรคบางชนิดได้ แต่ในขณะเดียวกันประสิทธิภาพของยาเหล่านี้ก็กำลังลดลงอีกด้วย อีรีค บราวน์ (Eric Brown) นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแมคมาสเตอร์ (Mcmaster University) และคณะจากประเทศแคนาดาได้ศึกษาการแสดงผลร่วมของยาปฏิชีวนะกับแบคทีเรียสองกลุ่ม กลุ่มแรกเป็นแบคทีเรียที่ดื้อยาโคลิสติน (colistin) ซึ่งเป็นยาปฏิชีวนะทางเลือกสุดท้ายที่ถูกใช้ในการรักษาการติดเชื้อจากยู ฟ่า 8899แบคทีเรียที่ดื้อยาหลายขนาน อีกกลุ่มเป็นแบคทีเรียที่ไม่ดื้อยา จากการทดลองพบว่า แบคทีเรียที่ดื้อยาโคลิสตินจะผลิตไบโอติน (biotin) หรือวิตามินบี 7 ออกมา นักวิจัยจึงได้ลองใช้ยาโคลิสตินร่วมกับยาที่ขัดขวางการผลิตไบโอตินจากแบคทีเรีย และเทียบประสิทธิผล (efficacy) กับแบคทีเรียทั้ง 2 กลุ่มนี้โดยดูจากค่า FIC (fractional inhibitory concentration) ซึ่งยิ่งมีค่า FIC ที่น้อยเท่าไร ประสิทธิผลก็จะมีมากขึ้นเท่านั้น โดยจะมีช่วงค่าอยู่ที่ 0-1 จากการวัดค่า FIC พบว่ากลุ่มของแบคทีเรียที่ดื้อยาโคลิสตินจะมีค่า FIC อยู่ที่ 0.3 ในขณะที่กลุ่มของแบคทีเรียไม่ดื้อยาจะอยู่ที่ 0.5 จากค่าดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าการลดการผลิตไบโอตินจะทำให้แบคทีเรียอ่อนแอลงต่อยาปฏิชีวนะ แต่จะมีผลแค่กับแบคทีเรียที่ดื้อยาอยู่แล้วเท่านั้น "ไบโอติน มีความจำเป็นในแบคทีเรียด้วยเหตุผลอย่างหนึ่ง นั่นคือการทำหน้าที่เป็นสารอนินทรีย์ที่จำเป็นในการทำงานของเอนไซม์หรือโคแฟกเตอร์ (co-factor) สำหรับผลิตกรดไขมัน" บราวน์กล่าว ทางทีมวิจัยจึงได้ศึกษาต่อด้วยการนำไปทดสอบกับหนูทดลอง 18 ตัว โดยทำให้ติดเชื้อแบคทีเรีย Klebsiella pneumoniae ซึ่งก่อให้เกิดโรคปอดบวม (pneumonia) และมีสถานะดื้อยาโคลิสตินอยู่ จากนั้นก็แบ่งหนูออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกทดลองกับยาโคลิสตินเพียงอย่างเดียว อีกกลุ่มทดลองกับยาโคลิสตินและยาที่ยับยั้งการสร้างกรดไขมัน พบว่าหนูที่ได้รับยาทั้งสองชนิดจะมีจำนวนแบคทีเรียน้อยกว่าถึง 99.9% แสดงให้เห็นว่าการยับยั้งการผลิตกรดไขมันจะสามารถเอาชนะการดื้อยาของเชื้อแบคทีเรียได้ อย่างไรก็ตาม ยาที่ยับยั้งการผลิตกรดไขมันก็ยังไม่สามารถเอามาใช้กับมนุษย์ได้ ซึ่งถือเป็นข้อจำกัดที่สำคัญ แต่ถึงอย่างนั้น การค้นพบในครั้งนี้ทำให้เราเข้าใจกลไกการดื้อยาของเชื้อมากขึ้น นำไปสู่การพัฒนาวิธีรักษาเพื่อต่อสู้กับเชื้อดื้อยาต่อไป ที่มาข้อมูล: New Scientist“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech
เมื่อวันที่ 1 ก.ย.2566 เฟซบุ๊ก NuNa Silpa-archa โพสต์ความคืบหน้า น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา และคณะสัตวแพทย์