ด่วน! หาม "ชัยเกษม" ส่ง รพ.พบก้อนเลือดแห้งในสมอง

วันนี้ (25 ก.ค.2566) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมขยายการใช้สิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ ในส่วนของวงเงินค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะรวม 750 บาทต่อคนต่อเดื

วันนี้ (16 ธ.ค.2566) นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมฯ

วันนี้ (10 เม.ย.2568) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ชะลอการขึ้นกำแพงภาษีสูงไปอีก 90 วัน ว่า กรณีดังกล่าวได้ทั้งหมดทุกประเทศ ฉะนั้นในเรื่องของเวล

ดูญี่ปุ่น พลิกวิกฤต ลดอุบัติเหตุทางถนน 4 เท่า ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางท้องถนน ได้รวบรวมและรายงานสถิติอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่และสงกรานต์ในทุกๆ ปี โดยในปี พ.ศ. 2552 พบว่า มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุมากถึง 380 ราย ทั้งนี้จากการสำรวจพบว่า บริเวณสถานที่ที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุดส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นบนถนนในเขตชนบท 47-51 เปอร์เซ็นต์ และถนนในเขตเมือง 20-22 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งประเภทของยานพาหนะที่ประสบอุบัติเหตุมากที่สุดคือรถจักรยานยนต์ คิดเป็นสัดส่วนกว่าร้อยละ 70 ของยานพาหนะที่ประสบอุบัติเหตุทั้งหมด ดูญี่ปุ่น พลิกวิกฤต ลดอุบัติเหตุทางถนน 4 เท่า นายทาคาชิ นากาสึจิ อาจารย์จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮอกไกโด เข้าร่วมเป็นวิทยากรหลักในการพูดคุยในเวทีสัมมนาระดับชาติเรื่อง ความปลอดภัยทางถนนครั้งที่ 10 “ทศวรรษแห่งการลงมือทำ : Time For Action” ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไปเทคบางนา กรุงเทพ ที่ผ่านมา ในหัวข้อ  “การเดินทางปลอดภัย ไม่ไกลเกินฝัน”             นายทาคาชิ บอกเล่าถึงการจัดการความปลอดภัยทางถนนในประเทศญี่ปุ่นว่า “ก่อนหน้านี้ประเทศญี่ปุ่นก็ประสบกับปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนนไม่ต่างจากประเทศอื่นในแถบเอเชีย ซึ่งสาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุ คือการเมาแล้วขับ โดยเมื่อก่อน กฎหมายที่ใช้ลงโทษคนเมาแล้วขับของประเทศญี่ปุ่นไม่ได้มีบทลงโทษที่รุนแรง แต่มีเหตุอุบัติเหตุครั้งสำคัญที่เกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็นอุบัติเหตุที่คนขับรถบรรทุก ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับรถขึ้นทางด่วนโทเมต์ (TOMEI) ชนท้ายรถเก๋งที่มากันทั้งครอบครัว ส่งผลให้รถคันนั้นเกิดไฟลุกไหม้ ทำให้ลูกสาววัย 1 ขวบและวัย 3ขวบของครอบครัวที่ถูกรถสิบล้อชน ถูกไฟคลอกจนเสียชีวิต แต่ผู้ก่อเหตุกลับถูกลงโทษจำคุกแค่ 4 ปี ในข้อหาประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย นอกจากนี้ยังมีอุบัติเหตุที่คนเมา ไม่มีใบอนุญาตขับรถ รถไม่มีประกันอุบัติเหตุ และไม่มีการตรวจสภาพ ขับรถชนนักศึกษาที่เดินอยู่บนทางเท้าเสียชีวิต ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ ผู้ก่อเหตุถูกตัดสินจำคุก 5 ปี 6 เดือน ในข้อหาเดียวกันกับกรณีก่อนหน้านี้ จาก 2 กรณีหลักที่เกิดขึ้น และอีกหลายๆ กรณีของอุบัติเหตุที่เกิดจากการเมาแล้วขับ ผู้ก่อเหตุกลับรับโทษเพียงน้อยนิด ทำให้กลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมญี่ปุ่น จนนำมาสู่การปรับปรุงและแก้ไขกฏหมายการเมาแล้วขับจาก “ข้อหาประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เป็นข้อหา “ก่ออาชญากรรมที่เกิดจากความประมาท Crime of Negligence” ซึ่งผู้ก่อเหตุมีโทษจำคุก 15 ปี ในกรณีที่ทำให้เหยื่อบาดเจ็บ และจำคุกอีก 20 ปี ในกรณีที่ทำให้เหยื่อเสียชีวิต ทั้งนี้ผู้ที่โดยสารมาด้วย ก็จะถูกจำคุกลดหลั่นลงไปในข้อหาให้ความช่วยเหลือการขับรถที่อันตรายโดยไม่ยับยั้งและให้การสนับสนุน นอกจากนี้  เจ้าของร้านอาหารที่คนเมาแล้วขับไปใช้บริการ ก็จะถูกดำเนินคดีด้วยในข้อหาเสริ์ฟเหล้าไม่ยังยั้ง อาจารย์จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮอกไกโดกล่าว             นายทาคาชิ ยังให้ข้อมูลอีกด้วยว่า หลังจากที่มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกฎหมายเมาแล้วขับ ทำให้สถิติของอุบัติเหตุจราจรที่เกิดจากเมาและขับลดลง จากเดิมในปี 1960 มีผู้เสียชีวิตรวมทั้งหมด 25,400 คนต่อปี แต่ในปี 2,000 มีผู้เสียชีวิตเพียงแค่ 7,558 คนต่อปี นายทาคาชิ ยังบอกอีกด้วยว่า สิ่งที่เป็นปัญหามากที่สุดในประเทศไทย คือสถิติการดื่มแอล918kissandroiddownloadlinkกอฮอล์ ที่คนไทยนั้นเป็นนักดื่มระดับต้นๆ ในภูมิภาค เฉลี่ยสถิติของสิงห์นักดื่ม 8 ลิตรต่อคนต่อปี ซึ่งเท่ากับว่าคนไทยทั้งประเทศจะดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปีละ 560 ล้านลิตร ซึ่งเป็นสถิติที่สูงมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ดังนั้นหากประเทศไทยแก้ปัญหาตรงส่วนนี้ได้ก็จะสามารถลดอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในท้องถนนได้            ทั้งนี้ กฎหมายที่เกี่ยวเนื่องในการดำเนินความผิดกับบุคคลที่เมาแล้วขับในประเทศไทย คือประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291 ที่ลงโทษจำคุกบุคคลที่เมาแล้วขับจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย 10 ปี และปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท และในมาตรา 300 ก็ลงโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 6 พันบาท สำหรับบุคคลที่เมาแล้วขับ จนส่งผลให้บุคคลอื่นบาดเจ็บสาหัส ซึ่งเป็นโทษที่น้อยมาก เมื่อเทียบกับกฏหมายของประเทศญี่ปุ่น             ขณะที่นายสิทธา เจนศิริศักดิ์ อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมโยธา ม.อุบลราชธานี ได้กล่าวถึงทางออกในระยะยาวเกี่ยวกับรูปแบบของเมืองกับการขนส่งมวลชน และทางเลือกเพื่อลดอุบัติเหตุบนท้องถนนว่า “จากสถิติที่ตนได้รวบรวมมานั้น พบจำนวนอุบัติเหตุทั่วประเทศไทย เกิดจากรถจักรยานยนต์มากกว่า 60% ซึ่งการใช้รถจักรยานยนต์นั้น เป็นพาหนะที่ใช้อย่างแพร่หลายทั้งในเขตเมืองและเขตชนบท ดังนั้นหากจะจัดการเรื่องการลดอุบัติเหตุบนท้องถนน จะต้องแก้ไขระบบขนส่งมวลชนให้พร้อม เพียงพอและเหมาะสมกับวิถีชีวิตของประชาชนทั้งสองกลุ่มด้วยการออกแบบและวางโครงสร้างพื้นฐานของเมือง  ที่สามารถใช้ประโยชน์การเดินทางทั้งทางรถและทางเท้าได้            นายสิทธา ได้ยกตัวอย่างที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ที่มีการปรับปรุงช่องการจราจรเป็นพื้นที่ถนนคนเดิน และเปลี่ยนระบบขนส่งมวลชนเป็นระบบราง ทำให้อุบัติเหตุลดน้อยลง ส่งผลให้การสัญจรไปมาสะดวกมากขึ้น นอกจากนี้หลายประเทศในแถบยุโรป ยังปรับปรุงระบบขนส่งมวลชนให้ได้มาตรฐาน ซึ่งทางออกของประเทศไทยคือ ต้องพัฒนาทางเลือกการเดินทางที่สะดวกและปลอดภัย รวมถึงต้องมีระบบขนส่งสาธารณะที่ได้มาตรฐาน รวมถึงพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งสาธารณะให้ชัดเจน และไม่ควรลืมการปรับปรุงพื้นที่ให้เหมาะกับการเดินเท้า การใช้จักรยาน และเหมาะกับรถโรงเรียน “อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมโยธา ม.อุบลราชธานีกล่าว             อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญที่สุดในการสร้าง “การเดินทางปลอดภัย ไม่ไกลเกินฝัน” ให้เกิดขึ้นจริง คือการปลูกจิตสำนึกให้เกิดขึ้นกับคนไทยในการเฝ้าระวังใช้รถใช้ถนนให้ถูกต้องตามกฏระเบียบวินัยจราจร เพื่อนำไปสู่การลดอุบัติเหตุไม่ใช่เพื่อตัวเราเองและเพื่อสังคมที่จะใช้รถใช้ถนนด้วยความปลอดภัย นายทาคาชิ นากาสึจิ อาจารย์จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮอกไกโด เข้าร่วมเป็นวิทยากรหลักในการพูดคุยในเวทีสัมมนาระดับชาติเรื่อง ความปลอดภัยทางถนนครั้งที่ 10 “ทศวรรษแห่งการลงมือทำ : Time For Action” ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไปเทคบางนา กรุงเทพ ที่ผ่านมา ในหัวข้อ  “การเดินทางปลอดภัย ไม่ไกลเกินฝัน” นายทาคาชิ บอกเล่าถึงการจัดการความปลอดภัยทางถนนในประเทศญี่ปุ่นว่า “ก่อนหน้านี้ประเทศญี่ปุ่นก็ประสบกับปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนนไม่ต่างจากประเทศอื่นในแถบเอเชีย ซึ่งสาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุ คือการเมาแล้วขับ โดยเมื่อก่อน กฎหมายที่ใช้ลงโทษคนเมาแล้วขับของประเทศญี่ปุ่นไม่ได้มีบทลงโทษที่รุนแรง แต่มีเหตุอุบัติเหตุครั้งสำคัญที่เกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็นอุบัติเหตุที่คนขับรถบรรทุก ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับรถขึ้นทางด่วนโทเมต์ (TOMEI) ชนท้ายรถเก๋งที่มากันทั้งครอบครัว ส่งผลให้รถคันนั้นเกิดไฟลุกไหม้ ทำให้ลูกสาววัย 1 ขวบและวัย 3ขวบของครอบครัวที่ถูกรถสิบล้อชน ถูกไฟคลอกจนเสียชีวิต แต่ผู้ก่อเหตุกลับถูกลงโทษจำคุกแค่ 4 ปี ในข้อหาประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย นอกจากนี้ยังมีอุบัติเหตุที่คนเมา ไม่มีใบอนุญาตขับรถ รถไม่มีประกันอุบัติเหตุ และไม่มีการตรวจสภาพ ขับรถชนนักศึกษาที่เดินอยู่บนทางเท้าเสียชีวิต ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ ผู้ก่อเหตุถูกตัดสินจำคุก 5 ปี 6 เดือน ในข้อหาเดียวกันกับกรณีก่อนหน้านี้ จาก 2 กรณีหลักที่เกิดขึ้น และอีกหลายๆ กรณีของอุบัติเหตุที่เกิดจากการเมาแล้วขับ ผู้ก่อเหตุกลับรับโทษเพียงน้อยนิด ทำให้กลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมญี่ปุ่น จนนำมาสู่การปรับปรุงและแก้ไขกฏหมายการเมาแล้วขับจาก “ข้อหาประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เป็นข้อหา “ก่ออาชญากรรมที่เกิดจากความประมาท Crime of Negligence” ซึ่งผู้ก่อเหตุมีโทษจำคุก 15 ปี ในกรณีที่ทำให้เหยื่อบาดเจ็บ และจำคุกอีก 20 ปี ในกรณีที่ทำให้เหยื่อเสียชีวิต ทั้งนี้ผู้ที่โดยสารมาด้วย ก็จะถูกจำคุกลดหลั่นลงไปในข้อหาให้ความช่วยเหลือการขับรถที่อันตรายโดยไม่ยับยั้งและให้การสนับสนุน นอกจากนี้  เจ้าของร้านอาหารที่คนเมาแล้วขับไปใช้บริการ ก็จะถูกดำเนินคดีด้วยในข้อหาเสริ์ฟเหล้าไม่ยังยั้ง อาจารย์จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮอกไกโดกล่าว นายทาคาชิ ยังให้ข้อมูลอีกด้วยว่า หลังจากที่มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกฎหมายเมาแล้วขับ ทำให้สถิติของอุบัติเหตุจราจรที่เกิดจากเมาและขับลดลง จากเดิมในปี 1960 มีผู้เสียชีวิตรวมทั้งหมด 25,400 คนต่อปี แต่ในปี 2,000 มีผู้เสียชีวิตเพียงแค่ 7,558 คนต่อปี นายทาคาชิ ยังบอกอีกด้วยว่า สิ่งที่เป็นปัญหามากที่สุดในประเทศไทย คือสถิติการดื่มแอลกอฮอล์ ที่คนไทยนั้นเป็นนักดื่มระดับต้นๆ ในภูมิภาค เฉลี่ยสถิติของสิงห์นักดื่ม 8 ลิตรต่อคนต่อปี ซึ่งเท่ากับว่าคนไทยทั้งประเทศจะดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปีละ 560 ล้านลิตร ซึ่งเป็นสถิติที่สูงมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ดังนั้นหากประเทศไทยแก้ปัญหาตรงส่วนนี้ได้ก็จะสามารถลดอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในท้องถนนได้ ทั้งนี้ กฎหมายที่เกี่ยวเนื่องในการดำเนินความผิดกับบุคคลที่เมาแล้วขับในประเทศไทย คือประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291 ที่ลงโทษจำคุกบุคคลที่เมาแล้วขับจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย 10 ปี และปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท และในมาตรา 300 ก็ลงโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 6 พันบาท สำหรับบุคคลที่เมาแล้วขับ จนส่งผลให้บุคคลอื่นบาดเจ็บสาหัส ซึ่งเป็นโทษที่น้อยมาก เมื่อเทียบกับกฏหมายของประเทศญี่ปุ่น ขณะที่นายสิทธา เจนศิริศักดิ์ อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมโยธา ม.อุบลราชธานี ได้กล่าวถึงทางออกในระยะยาวเกี่ยวกับรูปแบบของเมืองกับการขนส่งมวลชน และทางเลือกเพื่อลดอุบัติเหตุบนท้องถนนว่า “จากสถิติที่ตนได้รวบรวมมานั้น พบจำนวนอุบัติเหตุทั่วประเทศไทย เกิดจากรถจักรยานยนต์มากกว่า 60% ซึ่งการใช้รถจักรยานยนต์นั้น เป็นพาหนะที่ใช้อย่างแพร่หลายทั้งในเขตเมืองและเขตชนบท ดังนั้นหากจะจัดการเรื่องการลดอุบัติเหตุบนท้องถนน จะต้องแก้ไขระบบขนส่งมวลชนให้พร้อม เพียงพอและเหมาะสมกับวิถีชีวิตของประชาชนทั้งสองกลุ่มด้วยการออกแบบและวางโครงสร้างพื้นฐานของเมือง  ที่สามารถใช้ประโยชน์การเดินทางทั้งทางรถและทางเท้าได้ นายสิทธา ได้ยกตัวอย่างที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ที่มีการปรับปรุงช่องการจราจรเป็นพื้นที่ถนนคนเดิน และเปลี่ยนระบบขนส่งมวลชนเป็นระบบราง ทำให้อุบัติเหตุลดน้อยลง ส่งผลให้การสัญจรไปมาสะดวกมากขึ้น นอกจากนี้หลายประเทศในแถบยุโรป ยังปรับปรุงระบบขนส่งมวลชนให้ได้มาตรฐาน ซึ่งทางออกของประเทศไทยคือ ต้องพัฒนาทางเลือกการเดินทางที่สะดวกและปลอดภัย รวมถึงต้องมีระบบขนส่งสาธารณะที่ได้มาตรฐาน รวมถึงพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งสาธารณะให้ชัดเจน และไม่ควรลืมการปรับปรุงพื้นที่ให้เหมาะกับการเดินเท้า การใช้จักรยาน และเหมาะกับรถโรงเรียน “อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมโยธา ม.อุบลราชธานีกล่าว อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญที่สุดในการสร้าง “การเดินทางปลอดภัย ไม่ไกลเกินฝัน” ให้เกิดขึ้นจริง คือการปลูกจิตสำนึกให้เกิดขึ้นกับคนไทยในการเฝ้าระวังใช้รถใช้ถนนให้ถูกต้องตามกฏระเบียบวินัยจราจร เพื่อนำไปสู่การลดอุบัติเหตุไม่ใช่เพื่อตัวเราเองและเพื่อสังคมที่จะใช้รถใช้ถนนด้วยความปลอดภัย

ดูญี่ปุ่น พลิกวิกฤต ลดอุบัติเหตุทางถนน 4 เท่า ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางท้องถนน ได้รวบรวมและรายงานสถิติอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่และสงกรานต์ในทุกๆ ปี โดยในปี พ.ศ. 2552 พบว่า มีผู้เสียชีวิตจาก