"เจมส์ เวบบ์" เผยภาพกลุ่มดาวที่กำลังถือกำเนิดใหม่ในกาแล็กซีใกล้เคียง

วันนี้ (12 เม.ย.2568) งาน Maha Songkran World Water Festival 2025 ที่ท้องสนามหลวง เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ นอกจากจะเปิดให้ประชาชนเข้ามาเล่นสาดน้ำแล้ว กิจกรรมสำคัญในวันนี้อยู่ที่ขบวนพาเหรดมหาสงกรานต์ใน

ปีนี้ 2567 งานนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ พระบรมบรรพต (ภูเขาทอง) หรือ งานวัดภูเขาทอง มีกำหนดจัดงานระหว่

วันนี้ (10 ก.ค.2566) นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลได้ส่งหนังสือด่วนไปยังสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อคัดค้านการที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง

วันนี้ (23 ม.ค.2568) นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวถึงการแก้ไข พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ หรือ กฎหมายอุ้มบุญ เพื่อรองรับการมีบุตรตาม พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ว่า เนื้อหาสาระที่มีการปรับแก้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการอนุญาตให้คู่สมรสที่เป็นชาวต่างชาติสามารถเข้ามาใช้วิธีตั้งครรภ์แทนในประเทศไทยได้ แต่คนที่ตั้งครรภ์แทนจะต้องเป็นคนสัญชาติเดียวกับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดของคู่สมรส รวมถึงแก้ไขประเด็นที่สอดคล้องกับกฎหมายสมรสเท่าเทียม ที่จากเดิมใช้นิยามว่า "สามีและภรรยา" ขณะนี้ได้เปลี่ยนเป็น "คู่สมรส" ซึ่งหมายความว่าในกรณีที่เป็น ชาย-ชาย หรือ หญิง-หญิง สามารถให้ทำการอุ้มบุญแทนได้ นอกจากนี้ยังมีการปรับแก้เพิ่มเติมกรณีมีความจำเป็น หรือมีความต้องการที่จะมีบุตรและเป็นไปตามเงื่อนไข ก็อาจจะพิจารณาให้ตั้งครรภ์แทนได้เป็นกรณีไป อ่านข่าว : ก้าวสำคัญ "สมรสเท่าเทียม" ก้าวต่อไปความท้าทายแก้กฎหมายเพิ่ม ขณะที่หญิงที่จะตั้งครรภ์แทน ต้องไม่เป็นบุพการีหรือผู้สืบสันดารของคู่สมรส โดยต้องเป็นญาติสืบสายโลหิตกับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ส่วนกรณีที่ไม่มีญาติสืบสายโลหิต อาจให้ผู้อื่นตั้งครรภ์แทนได้ แต่ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด อย่างไรก็ตามก่อนที่จะมีการอนุญาตให้ตั้งครรภ์แทนได้ จะมีการพิจารณาตรวจสอบข้อมูลต่าง ๆ เพื่อป้องกันกระบวนการทางการค้าหรือจ้างตั้งครรภ์ ส่วนกรณีที่คู่สมรสอาจมีถิ่นฐานอยู่ต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นชาวต่างชาติ หรือคนไทยที่สมรสกับชาวต่างชาติแต่มีถิ่นฐานอยู่ต่างประเทศ และเข้ามาทำอุ้มบุญในประเทศไทย แม่อุ้มบุญสามารถเดินทางไปต่างประเทศได้หรือไม่นั้น อธิบดี สบส. ระบุว่า ร่างที่ขอแก้ไขใหม่สามารถเดินทางออกไปต่างประเทศได้ รวมถึงการนำไข่ อสุจิ ตัวอ่อน ของคู่สมรสชาวต่างชาติออกนอกประเทศได้ แต่จะมีการกำหนดหลักเกณฑ์ในการพิจารณาโดยคณะกรรมการ และคณะกรรมการจะพิจารณาเป็นรายกรณีไป ขณะเดียวกันกฎหมายฉบับนี้ยังไม่ได้แก้ไขในกรณีคนโสดหรือหญิงที่ไม่ได้สมรส ต้องการมีลูก แม้ในสังคมปัจจุบันจะพบว่าผู้หญิงอยากมีลูก แต่ไม่อยากแต่งงาน มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตามในอนาคตก็คาดว่าจะมีการปรับเพิ่มประเด็นเหล่านี้ด้วย สอดคล้องกับ ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดี สบส. ระบุว่า ร่าง พ.ร.บ.อุ้มบุญ จะเปิดโอกาสให้คู่สมรสเพศเดียวกัน ผู้หญิงที่มีลูกยากและผู้หญิงอายุ 48 ปีขึ้นไปที่ต้องการมีลูก แต่ตั้งครรภ์ไม่ได้ สามารถใช้เทคโนโลยีการตั้งครรภ์แทนเพื่อมีลูกได้ ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์กับประเทศที่จะเพิ่มอัตราการเกิด โดยร่างกฎหมายฉบับนี้ใช้ระยะเวลาปรับแก้ประมาณ 4 ปี อ่านข่าว : "สมรสเท่าเทียม" เปิดประตูคู่รัก สิทธิมรดก-การยินยอมทางการแพทย์ ส่วนเงื่อนไขการตั้งครรภ์แทนของคู่สมรสเพศหลากหลาย ผู้หญิงที่มีลูกยากและผู้หญิงอายุ 48 ปีขึ้นไป สามารถทำอุ้มบุญได้ โดยต้องให้ญาติหรือคนรู้จักตั้งครรภ์แทน ซึ่งผู้หญิงที่จะตั้งครรภ์แทนต้องมีอายุ 20-35 ปี และไม่สามารถใช้ไข่ของผู้ตั้งครรภ์แทนได้ เพื่อลดปัญหาความผูกพันทางสายเลือด แต่จะใช้ไข่ของผู้หญิงหรือไข่ของผู้หญิงที่บริจาค หรืออสุจิที่บริจาค ส่วนการจ้างผู้หญิงมาตั้งครรภ์แทนถือว่าผิดกฎหมาย รองอธิบดี สบส. ย้ำว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้เปิดโอกาสให้คู่สมรสชาวต่างชาติสามารถมาใช้วิธีการตั้งครรภ์แทนในไทยได้ จากกฎหมายเดิมที่คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นคนไทยเท่านั้น แต่ร่างกฎหมายฉบับนี้ปรับแก้โดยมีเงื่อนไขว่า ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์แทนต้องเป็นสัญญาติเดียวกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งของคู่สมรส ผู้หญิงไทยไม่สามารถตั้งครรภ์แทนได้ เพื่อป้องกันการค้ามนุษย์ รวมทั้งเด็กที่เกิดมาจะต้องมีหลักฐานยืนยันจากประเทศต้นทาง เช่น มีกฎหมายรองรับสิทธิเด็กต้องเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของคู่สมรส และมีการยืนยันจากสถานทูตที่ต้องรับรองว่ามาตั้งครรภ์แทนในประเทศไทย ส่วนการดูแลเด็กหลังคู่สมรสเสียชีวิต จากเดิมกฎหมายอุ้มบุญระบุว่า ในกรณีพ่อแม่เสียชีวิตทั้งคู่ จะให้สิทธิผู้หญิงที่ตั้งครรภ์แทนเป็นผู้ปกครอง แต่ร่าง พ.ร.บ.อุ้มบุญ ฉบับนีgclub pc้มีการปรับแก้ให้คู่สมรสต้องกำหนดผู้ปกครองล่วงหน้า ก่อนมีการใช้เทคโนโลยีตั้งครรภ์แทน เพราะที่ผ่านมาผู้หญิงตั้งครรภ์แทนส่วนใหญ่มีฐานะไม่ดี ดังนั้นผู้ดูแลเด็กต้องเป็นคนมีศักยภาพหรือญาติพี่น้อง เพราะเรื่องนี้มีมรดกเข้ามาเกี่ยวข้อง ร่างกฎหมายอุ้มบุญ ยังเพิ่มบทบัญญัติสำหรับพนักงานเจ้าหน้าที่และผู้เกี่ยวข้อง เช่น แพทย์ผู้รับผิดชอบและนักวิทยาศาสตร์ที่ดูแลตัวอ่อน รวมทั้งยังเพิ่มอัตราโทษปรับ จากเดิม 20,000 บาท เป็นไม่เกิน 200,000 บาท และยังได้เพิ่มค่าธรรมเนียมระเบียบสำหรับการเปิดบริการตั้งครรภ์แทน เพื่อนำรายได้เข้าสู่รัฐ รองอธิบดี สบส. ระบุอีกว่า ขั้นตอนหลังจากนี้จะมีการเสนอเรื่องไปให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขลงนาม จากนั้นส่งต่อไปที่สำนักเลขารัฐมนตรี เข้าสู่วาระการประชุม ครม. และหาก ครม.เห็นชอบด้วยหลักการแล้วก็เสนอไปที่กฤษฎีกา หากเห็นชอบแล้วก็ส่งเรื่องไปที่สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งสภาฯ จะส่งไปให้กระทรวงสาธารณสุขยืนยันก่อน และจะเข้าสภาฯ อีกครั้งเพื่อเห็นชอบก่อนบังคับใช้ คาดว่าจะใช้เวลาแล้วเสร็จประมาณ 6 เดือน อ่านข่าว OHCHR ยินดีไทย บังคับใช้ กม.สมรสเท่าเทียม สิทธิ-เสรีภาพ ของครอบครัวในยุคสมรสเท่าเทียม ราชกิจจาฯ ประกาศกฎกระทรวงระเบียบจดทะเบียนสมรสเท่าเทียม

วันนี้ (23 ม.ค.2568) นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวถึงการแก้ไข พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ หรือ กฎหมายอุ้มบุญ เพื่อรองรับกา