UID: 73147

เตรียมตั้งคณะทำงานติดตามการทำงาน 11 กสทช. แม้จะเป็นการพิจารณาเลือก กสทช. ที่ต้องใช้เวลายาวนานเกือบ 1

วันนี้ (4 ก.พ.2565) นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงสถานการณ์โควิด 19 ว่า วันนี

เตรียมตั้งคณะทำงานติดตามการทำงาน 11 กสทช. แม้จะเป็นการพิจารณาเลือก กสทช. ที่ต้องใช้เวลายาวนานเกือบ 10 ปี แต่ท้ายที่สุด วุฒิสภาก็สามารถเลือก กสทช.ได้ทั้ง 11 คน ซึ่งแต่ละบุคคลมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน แต่ก็ต้องยอมรับว่า ในจำนวนนี้มีบางคนที่ใกล้ชิดฝ่ายการเมืองทั้งในอำนาจใหม่และอำนาจเก่า เตรียมตั้งคณะทำงานติดตามการทำงาน 11 กสทช. คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ทั้ง 11 คน ที่วุฒิสภาได้มีมติเลือกมาเมื่อวานนี้ (5 ก.ย.) จากผู้ได้รับการเสนอชื่อทั้งหมด 44 คน จะมีอายุในการทำหน้าที่ 6 ปี ซึ่งหลังจากได้รับการคัดเลือก คณะกรรมการ กสทช. จะต้องจัดประชุมเพื่อเลือกประธานและรองประธานอีก 2 คน ก่อนจะเสนอรายชื่อให้นายกรัฐมนตรีนำความขึ้นทูลเกล้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอผล นิ เค อิ บ่ายยู่หัว เพื่อให้ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งในลำดับถัดไป   กสทช.ชุดนี้จะมีอำนาจในทางปฏิบัติเกี่ยวกับการพิจารณางานสำคัญ ด้านกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม โดยมีมาตรการตรวจสอบไม่ให้คณะกรรมการทั้ง 11 คน ประพฤติในทางมิชอบในอำนาจหน้าที่ ซึ่งจะควบคุมโดยพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ ที่ได้กำหนดให้มีคณะกรรมการ 5 คนขึ้นมาตรวจสอบ ติดตาม และประเมินผลการปฏิบัติหน้าที่ของทั้ง 11 คน มีวาระดำรงตำแหน่ง 3 ปี และรายงานผลการดำเนินการภายใน 3 เดือน และรายงานผลประจำปีให้รัฐสภารับทราบ   ซึ่งหลังจากได้ กสทช.ทั้ง 11 คนไปแล้ว หลังจากนี้ จะมีการร่างระเบียบเพื่อประกาศรับสมัครคณะกรรมการตรวจสอบ จำนวน 10 คน หรือ 2 เท่าของตำแหน่งที่เปิดรับ ก่อนจะสรรหาให้ได้ 5 คน เพื่อทำการตรวจสอบอย่างเข้มข้น โดยวุฒิสภาคาดว่า น่าจะใช้เวลาอีก 2 เดือนจึงจะได้คณะกรรมการชุดนี้   ส่วนรายชื่อของ 11 กสทช. แม้จะได้รับการยอมรับว่า เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถเฉพาะด้าน แต่จากที่เป็นนายทหารถึง 5 คน จาก 11 คน และเป็นบุคคลที่มีความใกล้ชิดกับกลุ่มอำนาจในรัฐบาลชุดเก่าและชุดใหม่อยู่อีกหลายคน จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า กสทช.ชุดแรกชุดนี้ถูกจับตามองถึงการปฏิบัติหน้าที่มากเป็นพิเศษ   กสทช.ด้านกิจการกระจายเสียง 2 คน ได้แก่ พล.อ.อ.ธเรศ ปุณณศรี ก่อนหน้านี้เป็นประธานคณะกรรมการบริหาร สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (สทป.) แต่อดีต คือรองปลัดกระทรวงกลาโหม และนับเป็นนายทหารรุ่นน้อง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และยังมีชื่อเป็นว่าที่ประธาน กสทช.อีกด้วย ส่วนอีกคนที่ได้รับการคัดเลือก คือพล.อ.อ.ชาลี จันทร์เรือง อดีตเสนาธิการหทารอากาศ ปัจจุบันอยู่ในตำแหน่งประธานคณะกรรมการบริหาร สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ   กสทช.ด้านกิจการโทรทัศน์ 1 คน คือ พล.ท.พีระพงษ์ มานะกิจ อดีตโฆษกกระทรวงกลาโหม นักเรียนเตรียมนายทหารรุ่น 10 รุ่นเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี   กสทช.ด้านกิจการโทรคมนาคม 2 คน ได้แก่ พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งนายทหารฝ่ายกิจการโทรคมนาคม กระทรวงกลาโหม เป็นบุคคลหนึ่งในแวดวงโทรคมนาคมที่มีประสบการณ์หลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ เป็นผู้พิพากษา เป็นอนุกรรมการ กรรมการ และที่ปรึกษาในองค์กรภาครัฐหลายแห่ง   ส่วนอีกคนหนึ่ง คือ พ.อ.นที ศุกลรัตรน์ รักษาการ กทช. ซึ่งเป็นผู้ถูกฟ้องในชั้นศาลปกครอง กรณีการเปิดประมูล 3 จี โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และนับเป็นผู้หนึ่งในแวดวงที่มีบทบาทด้านกิจการสื่อและโทรคมนาคมมาโดยตลอด โดยเฉพาะเป็นผู้กำหนดแผนแม่บทในด้านนี้   กสทช.ด้านกฎหมาย มี 2 คน คือ นายสุทธิพล ทวีชัยการ ซึ่งหากไม่นับความรู้ความสามารถที่ทำหน้าที่เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสุทธิพลคือนักวิชาการด้านนิติศาสตร์ และเป็นนักศึกษาในทุนพระราชทานมูลนิธิอานันทมหิดล ไปศึกษาที่สหรัฐฯ ซึ่งมีกระแสข่าวว่า การตัดสินใจเปลี่ยนสายงานในครั้งนี้เกิดขึ้นจากความกดดันในการทำงานในหน้าที่เลขาธิการ กกต. ด้านกฎหมายอีกคนหนึ่ง คือ พ.ต.อ.ทวีศักดิ งามสง่า ข้าราชการบำนาญ ที่เคยได้รับเลือกเป็นที่ปรึกษาเชี่ยวชาญประจำตัวนายพินิจ จารุสมบัติ ในยุคที่เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ   ส่วน กสทช.ด้านเศรษฐศาสตร์มี 2 คน ได้แก่ รศ.ประเสริฐ ศีลพิพัฒน์ เป็นอดีตผู้จัดการกองทุนพัฒนากิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะของ กทช. ซึ่งนับเป็นผู้ที่มีผลงานเด่นที่สามารถดำเนินโครงการโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ครอบคลุมถึงร้อยละ 93 ของประเทศ และ ผศ.ธวัชชัย จิตรภาษ์นันท์ เป็นนักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่เคยมีประวัติการทำงานเป็นทีมงานที่ปรึกษาด้านวิชาการ สำนักงานรองนายกรัฐมนตรี สมัยนายศุภชัย พานิชภักดิ์ และปัจจุบันยังเป็นที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง และสถาบันการเงิน วุฒิสภา ซึ่งใกล้ชิดกับ ส.ว.สรรหา ในสายพรรคเพื่อไทย   ส่วน กสทช.ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ ได้แก่ น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ ซึ่งเป็นที่รู้จักคุ้นเคยว่าเป็นนักกิจกรรมทางสังคมด้านการปฏิรูปสื่อ โดยเฉพาะกับตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อ (คปส.) เมื่อปี 2546 ถูกฟ้องในฐานหมิ่นประมาท บริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) แต่ท้ายที่สุดศาลก็ยกฟ้อง โดยเห็นการพูดหรือให้สัมภาษณ์ในครั้งนี้เพื่อประโยชน์สาธารณะ   ส่วน นพ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา เป็น กสทช. ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค กำกับดูแลงานด้านกิจการโทรคมนาคม ก่อนจะได้รับการคัดเลือก มีตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม (สบท.)   และคนสุดท้าย คือ พล.อ.สุกิจ ขมะสุนทร ได้รับการคัดเลือกให้เป็น กสทช. ในกลุ่มของผู้มีผลงานเชี่ยวชาญด้านการศึกษา วัฒนธรรม หรือการพัฒนาสังคม ปัจจุบันมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาพิเศษกองบัญชาการกองทัพไทย ซึ่งสมาคมวิทยุสมัครเล่นจังหวัดสุพรรณบุรี เป็นผู้เสนอเข้าชิงตำแหน่ง กสทช.

วันนี้ (29 พ.ค.2567) เวลาประมาณ 07.50 น. เกิดเหตุการณ์ "จิงโจ้" หลุดจากส่วนจัดแสดงสัตว์ภายในสวนสัตว์