UID: 73443

แนะซื้อรถยนต์ตามกำลังทรัพย์มากกว่าหวังส่วนคืนภาษี อุปนายกสมาคมผู้จำหน่ายรถยนต์ไทยแนะผู้ต้องการมีรถยน

วันนี้ (30 พ.ค.2566) เพจ โรงพยาบาลดอนสัก DonSak Hospital โพสต์ข้อความเตือนประชาชนโดยยกกรณีตัวอย่างผู

แนะซื้อรถยนต์ตามกำลังทรัพย์มากกว่าหวังส่วนคืนภาษี อุปนายกสมาคมผู้จำหน่ายรถยนต์ไทยแนะผู้ต้องการมีรถยนต์คันแรกควรคำนึงถึงกำลังทรัพย์ ความคุ้มค่าและความเหมาะสมในใช้งานมากกว่าส่วนคืนภาษี แนะซื้อรถยนต์ตามกำลังทรัพย์มากกว่าหวังส่วนคืนภาษี ในวันพรุ่งนี้ (16 ก.ย.) เป็นวันเริ่มต้นในการจองรถสำหรับผู้ต้องการมีรถยนต์คันแรกตามนโยบายรัฐบาลภายใต้เงื่อนไขว่าต้องมีอายุ 21 ปีขึ้นไป เป็นผู้เสียภาษีเงินได้ และมีการทำสัญญาซื้อขายภายในวันที่ 31 ธันวาคมปีหน้า ส่วนเงื่อนไขประเภทรถยนต์ คือราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท รถเก๋งเครื่องยนต์ไม่เกิน 1,500 ซีซี และกระบะ ถือครองนาน 5 ปี ในความเป็นจริงผู้ซื้อก็ต้องมีความพร้อม และมีเงินมากกว่าสำหรับการจ่ายเงินดาวน์ เพราะซื้อในราคาเต็มจำนวน ส่วนขั้นตอนการขอคืนเงินภาษีสรรพสามิตผู้ซื้อก็สามารถยื่นหลักฐานหลังจาก 1 ปีไปแล้ว จะต้องยื่นแบบคำขอคืนเงินต่อกรมสรรพสามิต พร้อมเอกสารหลักฐานต่างๆ โดยเฉพาะหนังสือยินยอมสละสิทธิการโอนภายใน 5 ปี และหลักฐานการซื้อขายรถ สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาหนังสือสัญญาเช่าซื้อ สำเนาคู่มือจดทะเบียน แต่ถ้าผิดสัญญาผ่อนชำระกับธนาคารจนถูกยึดรถ หรือ พยายามจะขายก่อนครบกำหนดการถือครอง ผู้เช่าซื้อที่ได้รับเงินคืนไปแล้ว ต้องนำเงินที่ได้รับกลับมาคืนรัฐบาลเต็มจำนวน เพราะถือเป็นการผิดเงื่อนไข ซึ่งจะมีการประสานไปยังบริษัทเช่าซื้อให้ช่วยติดตามลูกหนี้ด้วย แต่ในปัจจุบัน บริษัทเช่าซื้อรับจัดไฟแนนซ์กำลังวางแผนป้องกันความเสี่ยงหนี้สูญ จึงเป็นไปได้ที่จะเพิ่มเงินดาวน์ หรือลดระยะเวลาการผ่อนชำระเหลือไม่เกิน 5 ปี ถ้าเปรียบเทียบรถอีโคคาร์กับรถยนต์แบบ 1500 ซีซี ปรากฎว่ารถอีโคคาร์ได้รับภาษีคืนน้อยกว่า เนื่องจากผู้ซื้อรถอีโคคาร์ จะได้เงินคืน 60,000 - 70,000 บาท เพราะมีภาษีสรรพสามิตที่ร้อยละ 17 ขณะที่รถ 1500 ซีซี ได้เงินคืน 100,000 บาท เพราะเสียภาษีในอัตราที่สูงกว่าคือที่ร้อยละ 25 นายอนุพล ลิขิตพฤกษ์ไพศาล อุปนายกสมาคมผู้จำหน่ายรถยนต์ไทย กล่าวว่า ลองสังเกตว่าเซลล์จะเชียร์ให้ซื้อรถรุ่น หรือออปชั่นที่แพงกว่า โดยบอกว่าได้ส่วนคืนภาษีมากกว่า แต่จริงๆ แล้วอยากให้มองกำลังทรัพย์ ความคุ้มค่าและความเหมาะสมในใช้งานมากกว่า และจากนี้เชื่อว่าค่ายรถยนต์ และลีสซิ่งจะโหมแคมเปญช่วยกระตุ้นให้เกิดการซื้อมากขึ้นไปอีก แต่มีคำเตือนว่าถ้าใครคิดจะให้คนอื่นมาสวมสิทธิ แลกกับค่าตอhay day onlineบแทนหรือเป็นญาติหรือคนรู้จัก อาจได้ไม่คุ้มเสีย ในวันพรุ่งนี้ (16 ก.ย.) เป็นวันเริ่มต้นในการจองรถสำหรับผู้ต้องการมีรถยนต์คันแรกตามนโยบายรัฐบาลภายใต้เงื่อนไขว่าต้องมีอายุ 21 ปีขึ้นไป เป็นผู้เสียภาษีเงินได้ และมีการทำสัญญาซื้อขายภายในวันที่ 31 ธันวาคมปีหน้า ส่วนเงื่อนไขประเภทรถยนต์ คือราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท รถเก๋งเครื่องยนต์ไม่เกิน 1,500 ซีซี และกระบะ ถือครองนาน 5 ปี ในความเป็นจริงผู้ซื้อก็ต้องมีความพร้อม และมีเงินมากกว่าสำหรับการจ่ายเงินดาวน์ เพราะซื้อในราคาเต็มจำนวน ส่วนขั้นตอนการขอคืนเงินภาษีสรรพสามิตผู้ซื้อก็สามารถยื่นหลักฐานหลังจาก 1 ปีไปแล้ว จะต้องยื่นแบบคำขอคืนเงินต่อกรมสรรพสามิต พร้อมเอกสารหลักฐานต่างๆ โดยเฉพาะหนังสือยินยอมสละสิทธิการโอนภายใน 5 ปี และหลักฐานการซื้อขายรถ สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาหนังสือสัญญาเช่าซื้อ สำเนาคู่มือจดทะเบียน แต่ถ้าผิดสัญญาผ่อนชำระกับธนาคารจนถูกยึดรถ หรือ พยายามจะขายก่อนครบกำหนดการถือครอง ผู้เช่าซื้อที่ได้รับเงินคืนไปแล้ว ต้องนำเงินที่ได้รับกลับมาคืนรัฐบาลเต็มจำนวน เพราะถือเป็นการผิดเงื่อนไข ซึ่งจะมีการประสานไปยังบริษัทเช่าซื้อให้ช่วยติดตามลูกหนี้ด้วย แต่ในปัจจุบัน บริษัทเช่าซื้อรับจัดไฟแนนซ์กำลังวางแผนป้องกันความเสี่ยงหนี้สูญ จึงเป็นไปได้ที่จะเพิ่มเงินดาวน์ หรือลดระยะเวลาการผ่อนชำระเหลือไม่เกิน 5 ปี ถ้าเปรียบเทียบรถอีโคคาร์กับรถยนต์แบบ 1500 ซีซี ปรากฎว่ารถอีโคคาร์ได้รับภาษีคืนน้อยกว่า เนื่องจากผู้ซื้อรถอีโคคาร์ จะได้เงินคืน 60,000 - 70,000 บาท เพราะมีภาษีสรรพสามิตที่ร้อยละ 17 ขณะที่รถ 1500 ซีซี ได้เงินคืน 100,000 บาท เพราะเสียภาษีในอัตราที่สูงกว่าคือที่ร้อยละ 25 นายอนุพล ลิขิตพฤกษ์ไพศาล อุปนายกสมาคมผู้จำหน่ายรถยนต์ไทย กล่าวว่า ลองสังเกตว่าเซลล์จะเชียร์ให้ซื้อรถรุ่น หรือออปชั่นที่แพงกว่า โดยบอกว่าได้ส่วนคืนภาษีมากกว่า แต่จริงๆ แล้วอยากให้มองกำลังทรัพย์ ความคุ้มค่าและความเหมาะสมในใช้งานมากกว่า และจากนี้เชื่อว่าค่ายรถยนต์ และลีสซิ่งจะโหมแคมเปญช่วยกระตุ้นให้เกิดการซื้อมากขึ้นไปอีก แต่มีคำเตือนว่าถ้าใครคิดจะให้คนอื่นมาสวมสิทธิ แลกกับค่าตอบแทนหรือเป็นญาติหรือคนรู้จัก อาจได้ไม่คุ้มเสีย

วันนี้ ( 23 ต.ค.2567) นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณี การขยายสิ