ส ล๊ อ ต โจ ก เก อ -Prabowo Pimpin Sidang Kabinet Paripurna di Istana Sore Ini

918kiss ที่ ดี ที่สุด

วันนี้ (27 ก.ค.2564) นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวว่า จากการที่นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทส. ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ณ อุทยานแห่งชาติดอย

วันนี้ (2 ต.ค.2565) สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า แฟนบอลของ อาเรมา เอฟซี กรูกันลงมาในสนามฟุตบอลด้วยความ

เก็บไปทำไป ? เก็บแล้ว ใครจะมา ? เก็บแล้วเข้ากระเป๋าใครบ้าง ? ได้ไม่คุ้มเสีย ? คงไม่ไปหาคำตอบจากคำถามเหล่านี้ แต่ว่าที่ไหนบ้าง เก็บภาษีจากนักท่องเที่ยว “ภาษีท่องเที่ยว” แตกต่างจาก “ค่าธรรมเนียมการขอวีซ่า” และ “ภาษีมูลค่าเพิ่ม” ที่ต้องจ่ายเมื่อซื้อสินค้า หรืส ล๊ อ ต โจ ก เก ออ ค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่เก็บเพิ่มจากนักท่องเที่ยว เช่น ค่าธรรมเนียมการโดยสารขนส่งสาธารณะ สำหรับนักท่องเที่ยว บางประเทศเรียกเก็บต่างจากคนในประเทศ ค่าธรรมเนียมอุทยานแห่งชาติ หรือ การตั้งแคมป์ ของนักท่องเที่ยวต่างชาติ บางประเทศ ก็เรียกเก็บเพิ่ม มากกว่าคนในประเทศ ประเทศไทยก็มีเรียกเก็บแบบนี้ ที่เก็บค่าธรรมเนียม สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแพงกว่าคนไทย เช่น ค่าธรรมเนียมเข้าพิพิธภัณฑ์ ค่าเข้าอุทยานแห่งชาติบางประเทศ เช่นที่ แทนซาเนีย เรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม จากนักท่องเที่ยว ที่ซื้อสินค้า ถึง 18 % แต่เมื่อพูดถึงการเรียกเก็บ “ค่าธรรมเนียมนักท่องเที่ยว” หรือ “ภาษีนักท่องเที่ยว” หรือ “ค่าเหยียบแผ่นดิน” มีที่ไหนบ้าง - ภูฏาน เรียกเก็บ แพงที่สุดในโลก ประมาณ 200-250 ดอลลาร์ ต่อวัน หรือ ประมาณ 8,300 บาท/วัน แต่ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละช่วงของปี ค่าใช้จ่ายนี้ เป็นการเก็บรวมค่าธรรมเนียมต่างๆ ด้วย - ญี่ปุ่น เก็บภาษีนักท่องเที่ยว ที่เรียกว่า “sayonara tax” จ่ายประมาณ 1,000 เยน หรือ ($ 9.25) - นิวซีแลนด์ เก็บภาษี 35 ดอลลาร์ นิวซีแลนด์ หรือ ($ 23.94) รวมถึงคนที่มาจาก ออสเตรเลีย - ฝรั่งเศส เรียกว่า “ taxe de sejour “ ฝรั่งเศส เรียกเก็บภาษี ขึ้นกับเมืองที่ไปท่องเที่ยว เช่น ปารีส หรือ ลียง เป็นต้น - เยอรมันนี เรียกว่า “ culture tax” หรือ เป็นภาษาเยอรมัน “ kultur for derabgabe “ หรือ “ bed tax” ประมาณ 5 ยูโร ($ 5.67) ต่อคนต่อวัน หรือ รวมอยู่ในค่าที่พัก 5 % - อิตาลี เรียกเก็บภาษีนักท่องเที่ยว ขึ้นอยู่กับว่า ไปที่เมืองไหน เช่น โรม เก็บภาษี ที่ 3 - 7 ยูโร ($ 3.40 - 7.94) ต่อคืน ขึ้นอยู่กับความแตกต่างของที่พัก บางเมือง เช่น เมือง Bagnoregio เมืองโบราณที่อยู่บนยอดเขา มีค่าธรรมเนียมเข้าเมือง 5 ยูโร ($ 5.67) เมือง เวนีส เก็บค่าธรรมเนียม 10 ยูโร ($ 11.34) เรียกว่า “luxury tax" - สเปน เก็บ 4 ยูโร ($ 4.54) คน / วัน และ หากจะไปเมืองมาดริด ต้องมีภาษีนักท่องเที่ยว อีก 2.50 ยูโร ($ 2.84) - สวิตเซอร์แลนด์ เก็บภาษีขึ้นอยู่กับสถานที่ คิด คน/คืน ประมาณ 2.50 ฟรังสวิส ($ 2.50) - กรีซ เก็บภาษีนักท่องเที่ยว ตามความหรูหรา ระดับของโรงแรมที่พัก และจำนวนห้องพัก มีอัตราอยู่ที่ 0.50 - 4 ยูโร ($0.57 - 4.54) - เบลเยี่ยม คำนวนภาษีด้วยราคาห้องพัก และขนาดของโรงแรม ตั้งแต่ 2.39 ยูโร ($2.72) คิดตามจำนวนคนเข้าพักและจำนวนคืนที่พัก - โรมาเนีย คิดตามอัตรคาการเข้าพักที่โรงแรมเช่นกัน คือ 1 % ของค่าห้องพัก และยังมีค่าธรรมเนียม การเที่ยวในเมือง ค่าธรรมเนียมในแหล่งท่องเที่ยวภูเขา - ทะเล และค่าภาษีความปลอดภัย ที่เรียกว่า “rescure tax” - สโลเวีย 3.13 ยูโร ($3.55)ต่อคืนในเมืองใหญ่ แต่เรียกเก็บภาษี 1.57 ยูโร ($1.78) สำหรับเด็กเยาวชน อายุ 7-18 หรือ สำหรับคนที่พักในเมืองอื่น ๆ หรือ เมื่อตั้งแคมป์ สรุปแล้ว ในยุโรป ประเทศส่วนใหญ่ ก็เรียกเก็บภาษีนักท่องเที่ยวตามข้อมูลนี้ - อินโดนีเซีย ถ้าจะไปเที่ยวบาหลี มีภาษีนักท่องเที่ยว 10 ดอลลาร์ - มาเลเซีย มีภาษี 10 ริงกิต หรือ ประมาณ 2.45 ดอลลาร์ - ประเทศไทย จะเรียกว่า “ค่าเหยียบแผ่นดิน “ หรือไม่ แต่ก็เป็นภาษี ที่เรียกเก็บจากนักท่องเที่ยว ตั้งแต่ 1 เม.ย.2565 เพื่อไปพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว และทำประกันให้แก่นักท่องเที่ยว กรณีประสบอุบัติเหตุหรือเสียชีวิต จะได้รับวงเงินสูงสุด 1 ล้านบาท หรือ ค่ารักษาพยาบาล ได้รับสูงสุด 5 แสนบาท

เก็บไปทำไป ? เก็บแล้ว ใครจะมา ? เก็บแล้วเข้ากระเป๋าใครบ้าง ? ได้ไม่คุ้มเสีย ? คงไม่ไปหาคำตอบจากคำถามเหล่านี้ แต่ว่าที่ไหนบ้าง เก็บภาษีจากนักท่องเที่ยว “ภาษีท่องเที่ยว” แตกต่างจาก “ค่าธรรมเนียมการขอวีซ