Electronic City Indonesia Tbk. kembali meramaikan

วันนี้ (22 เม.ย.2567) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ กล่าวภายหลังนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ เชิญแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเข้าหารือ ที่ตึกไทยคู่ฟ้าว่า เป็นการหารือตามวาระปกติ ตามที่ได้ตกลงกั
วันนี้ (9 ก.พ.2565) ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 13,182 คน จำแนกเป็น ผู้ป่วยจากในประเทศ 13,043 คน ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 139 คน ผู้ป่วยสะสม 307,616 คน (ตั้งแ
ชี้เบื้องต้นคงยกเลิกกรอบทั้งหมดไม่ได้ ปรับได้เฉพาะวิธีการกรอกเอกสาร ด้าน สกอ. เตรียมนำเข้าที่ประชุมกกอ.พิจารณาหาช่องทางต่อไป วแทนคณาจารย์คณะสังคมศาสตร์ และมนุษย์ศาสตร์จากมหาวิทยาลัย ทั่วประเทศ ประมาณ 10 คน เมื่อวันที่ 9 กันยายนได้เดินทางมายื่นรายชื่อคณาจารย์กว่า 700 คน ที่ร่วมลงชื่อแสดงความไม่เห็นด้วย และขอให้ยกเลิกประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง กรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ(ทีคิวเอฟ) พ.ศ. 2552 ต่อ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และมีดร.สุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศกึษา(กกอ.) รศ.นพ.กำจร ตติยกวี รองเลขาธิการกกอ. ร่วมรับฟัง นายวรวัจน์กล่าวว่า จากการหารือตนรับข้อเสนอของคณาจารย์ไปพิจารณา เบื้องต้นคงไม่สามารถยกเลิกกรอบทีคิวเอฟทั้งหมดได้ เพราะยังมีความจำเป็นต้องมีกรอบมาตรฐานการศึกษาขั้นต่ำไว้ แต่สิ่งที่จะยกเลิกได้อย่างแรก คือเรื่องวิธีการกรอกข้อมูลเอกสารการประเมินต่าง ๆ ที่ทางอาจารย์คิดว่าเป็นเรื่องซ้ำซ้อนและเป็นภาระงาน ซึ่งตนมอบให้สกอ.ไปดูในรายละเอียดต่าง ๆ ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป โดยจะต้องเป็นแนวทางที่ให้อิสระทางวิชาการแก่มหาวิทยาลัย รศ.นพ.กำจร กล่าวว่า หลังจากที่ได้พูดคุยกับกลุ่มคณาจารย์ที่มาคัดค้านทีคิวเอฟ และได้รับทราบถึงเหตุผลในการเข้ามายื่นหนังสือคัดค้านครั้งนี้ จึงได้อธิปรายต่อกลุ่มคณาจารย์ว่า ขณะนี้ สกอ.กำลังปรับบทบาทอยู่แล้ว และเห็นด้วยในบางประเด็นของการคัดค้านทีคิวเอฟ โดยเฉพาะในขั้นตอนการกรอกเอกสาร ซึ่งในส่วนนี้ คงต้องหาช่องทางในการยกเลิก และ จากนี้ สกอ.จะต้องนำเรื่องดังกล่าวเข้าหารือกกอ. เพื่อดูว่าจะมีแนวทางในการปรับวิธีการในการดำเนินการอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับทุกฝ่าย รศ.ดร.กฤตยา อาชวนิจกุล รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า รมว.ศึกษาธิการ เห็นด้วยในเชิงนโยบายที่จะให้มีการยกเลิกทีคิวเอฟ แต่ทั้งนี้ ก็ไม่สามารถกระทำได้ทันที และได้มอบหมายให้สกอ.ไปศึกษา หาแนวทางปฎิบัติว่าจะดำเนินการอย่างไรได้บ้าง ส่วนจะใช้เวลานานเท่าใดนั้น คงต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของสกอ. ทั้งนี้ สำหรับข้อเสนอของคณาจารย์ทั่วประเทศต่อแนวทางการพัฒนาและปฏิรูปอุดมศึกษาไทย ดังนี้คือ1.ขอให้สกอ.ทบทวนแนวทางการผลักดันมหาวิทยาลัยมุ่งสู่ระดับสากล หรือ World Class Universities ด้วยวิธีการยึดหลักเกณฑ์การประกันคุณภาพเชิงปริมาณเพียงอย่างเดียว โดยสกอ.ibc9 พัน ทิปควรหันมาพัฒนาแนวทางความเป็นเลิศของอุดมศึกษาที่วางอยู่บนหลักการที่ เคารพต่อความหลากหลายทางวิชาการ 2.สกอ.ควรปรับบทบาทของตนเองไปสู่การสนับสนุนเสรีภาพ และการมีส่วนร่วมของสถาบันต่างๆในการพัฒนาคุณภาพทางวิชาการลดความซ้ำซ้อนและ ภาระงานทางเอกสารของระบบประกันคุณภาพที่มีอยู่ และหันมาสนับสนุนให้เกิดเวทีการแลกเปลี่ยนทางวิชาการ เพื่อให้เกิดการพัฒนาระบบประกันคุณภาพทางวิชาการอย่างแท้จริง และ3.ขอให้ยกเลิกประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง กรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2552 เนื่องจากซ้ำซ้อนกับระบบการประกันคุณภาพการเรียนการสอนที่มีอยู่แล้วของสมศ. และการประกันคุณภาพภายใน (SAR) ที่ต้องจัดทำอยู่แล้วทุกปีและสกอ.ควรจัดให้มีการประมวลและรวบรวมปัญหาระบบ การประกันคุณภาพการเรียนการสอนของอุดมศึกษาไทย เปิดให้การประชุมเพื่อรับฟัง และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องแนวทางการพัฒนาแนวทางการประกันคุณภาพที่มี ความยืดหยุ่น คำนึงถึงความแตกต่างและหลากหลายของมหาวิทยาลัยเป็นสำคัญ โดยการมีส่วนร่วมของผู้เกี่ยวข้อง วแทนคณาจารย์คณะสังคมศาสตร์ และมนุษย์ศาสตร์จากมหาวิทยาลัย ทั่วประเทศ ประมาณ 10 คน เมื่อวันที่ 9 กันยายนได้เดินทางมายื่นรายชื่อคณาจารย์กว่า 700 คน ที่ร่วมลงชื่อแสดงความไม่เห็นด้วย และขอให้ยกเลิกประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง กรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ(ทีคิวเอฟ) พ.ศ. 2552 ต่อ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และมีดร.สุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศกึษา(กกอ.) รศ.นพ.กำจร ตติยกวี รองเลขาธิการกกอ. ร่วมรับฟัง นายวรวัจน์กล่าวว่า จากการหารือตนรับข้อเสนอของคณาจารย์ไปพิจารณา เบื้องต้นคงไม่สามารถยกเลิกกรอบทีคิวเอฟทั้งหมดได้ เพราะยังมีความจำเป็นต้องมีกรอบมาตรฐานการศึกษาขั้นต่ำไว้ แต่สิ่งที่จะยกเลิกได้อย่างแรก คือเรื่องวิธีการกรอกข้อมูลเอกสารการประเมินต่าง ๆ ที่ทางอาจารย์คิดว่าเป็นเรื่องซ้ำซ้อนและเป็นภาระงาน ซึ่งตนมอบให้สกอ.ไปดูในรายละเอียดต่าง ๆ ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป โดยจะต้องเป็นแนวทางที่ให้อิสระทางวิชาการแก่มหาวิทยาลัย รศ.นพ.กำจร กล่าวว่า หลังจากที่ได้พูดคุยกับกลุ่มคณาจารย์ที่มาคัดค้านทีคิวเอฟ และได้รับทราบถึงเหตุผลในการเข้ามายื่นหนังสือคัดค้านครั้งนี้ จึงได้อธิปรายต่อกลุ่มคณาจารย์ว่า ขณะนี้ สกอ.กำลังปรับบทบาทอยู่แล้ว และเห็นด้วยในบางประเด็นของการคัดค้านทีคิวเอฟ โดยเฉพาะในขั้นตอนการกรอกเอกสาร ซึ่งในส่วนนี้ คงต้องหาช่องทางในการยกเลิก และ จากนี้ สกอ.จะต้องนำเรื่องดังกล่าวเข้าหารือกกอ. เพื่อดูว่าจะมีแนวทางในการปรับวิธีการในการดำเนินการอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับทุกฝ่าย รศ.ดร.กฤตยา อาชวนิจกุล รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า รมว.ศึกษาธิการ เห็นด้วยในเชิงนโยบายที่จะให้มีการยกเลิกทีคิวเอฟ แต่ทั้งนี้ ก็ไม่สามารถกระทำได้ทันที และได้มอบหมายให้สกอ.ไปศึกษา หาแนวทางปฎิบัติว่าจะดำเนินการอย่างไรได้บ้าง ส่วนจะใช้เวลานานเท่าใดนั้น คงต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของสกอ. ทั้งนี้ สำหรับข้อเสนอของคณาจารย์ทั่วประเทศต่อแนวทางการพัฒนาและปฏิรูปอุดมศึกษาไทย ดังนี้คือ1.ขอให้สกอ.ทบทวนแนวทางการผลักดันมหาวิทยาลัยมุ่งสู่ระดับสากล หรือ World Class Universities ด้วยวิธีการยึดหลักเกณฑ์การประกันคุณภาพเชิงปริมาณเพียงอย่างเดียว โดยสกอ.ควรหันมาพัฒนาแนวทางความเป็นเลิศของอุดมศึกษาที่วางอยู่บนหลักการที่ เคารพต่อความหลากหลายทางวิชาการ 2.สกอ.ควรปรับบทบาทของตนเองไปสู่การสนับสนุนเสรีภาพ และการมีส่วนร่วมของสถาบันต่างๆในการพัฒนาคุณภาพทางวิชาการลดความซ้ำซ้อนและ ภาระงานทางเอกสารของระบบประกันคุณภาพที่มีอยู่ และหันมาสนับสนุนให้เกิดเวทีการแลกเปลี่ยนทางวิชาการ เพื่อให้เกิดการพัฒนาระบบประกันคุณภาพทางวิชาการอย่างแท้จริง และ3.ขอให้ยกเลิกประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง กรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2552 เนื่องจากซ้ำซ้อนกับระบบการประกันคุณภาพการเรียนการสอนที่มีอยู่แล้วของสมศ. และการประกันคุณภาพภายใน (SAR) ที่ต้องจัดทำอยู่แล้วทุกปีและสกอ.ควรจัดให้มีการประมวลและรวบรวมปัญหาระบบ การประกันคุณภาพการเรียนการสอนของอุดมศึกษาไทย เปิดให้การประชุมเพื่อรับฟัง และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องแนวทางการพัฒนาแนวทางการประกันคุณภาพที่มี ความยืดหยุ่น คำนึงถึงความแตกต่างและหลากหลายของมหาวิทยาลัยเป็นสำคัญ โดยการมีส่วนร่วมของผู้เกี่ยวข้อง
วันนี้ (30 ม.ค.2566) เวลา 11.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พร้อมด้วย พ
เมื่อจัดทำเสร็จ รัฐบาลได้ส่งต่อไปให้กับชุดนายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานรัฐสภา เพื่อแก้ไข พ.ร.บ.ตำรวจ
วันนี้ (6 ธ.ค.2564) นายสมโภชน์ ดวงจันทราศิริ หัวหน้าสถานีวิจัยสัตว์ป่าเขานางรำ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่
ชี้เบื้องต้นคงยกเลิกกรอบทั้งหมดไม่ได้ ปรับได้เฉพาะวิธีการกรอกเอกสาร ด้าน สกอ. เตรียมนำเข้าที่ประชุมกกอ.พิจารณาหาช่องทางต่อไป วแทนคณาจารย์คณะสังคมศาสตร์ และมนุษย์ศาสตร์จากมหาวิทยาลัย ทั่วประเทศ ประมาณ 10 คน เมื่อวันที่ 9 กันยายนได้เดินทางมายื่นรายชื่อคณาจารย์กว่า 700 คน ที่ร่วมลงชื่อแสดงความไม่เห็นด้วย และขอให้ยกเลิกประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง กรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ(ทีคิวเอฟ) พ.ศ. 2552 ต่อ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และมีดร.สุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศกึษา(กกอ.) รศ.นพ.กำจร ตติยกวี รองเลขาธิการกกอ. ร่วมรับฟัง นายวรวัจน์กล่าวว่า จากการหารือตนรับข้อเสนอของคณาจารย์ไปพิจารณา เบื้องต้นคงไม่สามารถยกเลิกกรอบทีคิวเอฟทั้งหมดได้ เพราะยังมีความจำเป็นต้องมีกรอบมาตรฐานการศึกษาขั้นต่ำไว้ แต่สิ่งที่จะยกเลิกได้อย่างแรก คือเรื่องวิธีการกรอกข้อมูลเอกสารการประเมินต่าง ๆ ที่ทางอาจารย์คิดว่าเป็นเรื่องซ้ำซ้อนและเป็นภาระงาน ซึ่งตนมอบให้สกอ.ไปดูในรายละเอียดต่าง ๆ ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป โดยจะต้องเป็นแนวทางที่ให้อิสระทางวิชาการแก่มหาวิทยาลัย รศ.นพ.กำจร กล่าวว่า หลังจากที่ได้พูดคุยกับกลุ่มคณาจารย์ที่มาคัดค้านทีคิวเอฟ และได้รับทราบถึงเหตุผลในการเข้ามายื่นหนังสือคัดค้านครั้งนี้ จึงได้อธิปรายต่อกลุ่มคณาจารย์ว่า ขณะนี้ สกอ.กำลังปรับบทบาทอยู่แล้ว และเห็นด้วยในบางประเด็นของการคัดค้านทีคิวเอฟ โดยเฉพาะในขั้นตอนการกรอกเอกสาร ซึ่งในส่วนนี้ คงต้องหาช่องทางในการยกเลิก และ จากนี้ สกอ.จะต้องนำเรื่องดังกล่าวเข้าหารือกกอ. เพื่อดูว่าจะมีแนวทางในการปรับวิธีการในการดำเนินการอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับทุกฝ่าย รศ.ดร.กฤตยา อาชวนิจกุล รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า รมว.ศึกษาธิการ เห็นด้วยในเชิงนโยบายที่จะให้มีการยกเลิกทีคิวเอฟ แต่ทั้งนี้ ก็ไม่สามารถกระทำได้ทันที และได้มอบหมายให้สกอ.ไปศึกษา หาแนวทางปฎิบัติว่าจะดำเนินการอย่างไรได้บ้าง ส่วนจะใช้เวลานานเท่าใดนั้น คงต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของสกอ. ทั้งนี้ สำหรับข้อเสนอของคณาจารย์ทั่วประเทศต่อแนวทางการพัฒนาและปฏิรูปอุดมศึกษาไทย ดังนี้คือ1.ขอให้สกอ.ทบทวนแนวทางการผลักดันมหาวิทยาลัยมุ่งสู่ระดับสากล หรือ World Class Universities ด้วยวิธีการยึดหลักเกณฑ์การประกันคุณภาพเชิงปริมาณเพียงอย่างเดียว โดยสกอ.ibc9 พัน ทิปควรหันมาพัฒนาแนวทางความเป็นเลิศของอุดมศึกษาที่วางอยู่บนหลักการที่ เคารพต่อความหลากหลายทางวิชาการ 2.สกอ.ควรปรับบทบาทของตนเองไปสู่การสนับสนุนเสรีภาพ และการมีส่วนร่วมของสถาบันต่างๆในการพัฒนาคุณภาพทางวิชาการลดความซ้ำซ้อนและ ภาระงานทางเอกสารของระบบประกันคุณภาพที่มีอยู่ และหันมาสนับสนุนให้เกิดเวทีการแลกเปลี่ยนทางวิชาการ เพื่อให้เกิดการพัฒนาระบบประกันคุณภาพทางวิชาการอย่างแท้จริง และ3.ขอให้ยกเลิกประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง กรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2552 เนื่องจากซ้ำซ้อนกับระบบการประกันคุณภาพการเรียนการสอนที่มีอยู่แล้วของสมศ. และการประกันคุณภาพภายใน (SAR) ที่ต้องจัดทำอยู่แล้วทุกปีและสกอ.ควรจัดให้มีการประมวลและรวบรวมปัญหาระบบ การประกันคุณภาพการเรียนการสอนของอุดมศึกษาไทย เปิดให้การประชุมเพื่อรับฟัง และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องแนวทางการพัฒนาแนวทางการประกันคุณภาพที่มี ความยืดหยุ่น คำนึงถึงความแตกต่างและหลากหลายของมหาวิทยาลัยเป็นสำคัญ โดยการมีส่วนร่วมของผู้เกี่ยวข้อง วแทนคณาจารย์คณะสังคมศาสตร์ และมนุษย์ศาสตร์จากมหาวิทยาลัย ทั่วประเทศ ประมาณ 10 คน เมื่อวันที่ 9 กันยายนได้เดินทางมายื่นรายชื่อคณาจารย์กว่า 700 คน ที่ร่วมลงชื่อแสดงความไม่เห็นด้วย และขอให้ยกเลิกประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง กรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ(ทีคิวเอฟ) พ.ศ. 2552 ต่อ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และมีดร.สุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศกึษา(กกอ.) รศ.นพ.กำจร ตติยกวี รองเลขาธิการกกอ. ร่วมรับฟัง นายวรวัจน์กล่าวว่า จากการหารือตนรับข้อเสนอของคณาจารย์ไปพิจารณา เบื้องต้นคงไม่สามารถยกเลิกกรอบทีคิวเอฟทั้งหมดได้ เพราะยังมีความจำเป็นต้องมีกรอบมาตรฐานการศึกษาขั้นต่ำไว้ แต่สิ่งที่จะยกเลิกได้อย่างแรก คือเรื่องวิธีการกรอกข้อมูลเอกสารการประเมินต่าง ๆ ที่ทางอาจารย์คิดว่าเป็นเรื่องซ้ำซ้อนและเป็นภาระงาน ซึ่งตนมอบให้สกอ.ไปดูในรายละเอียดต่าง ๆ ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป โดยจะต้องเป็นแนวทางที่ให้อิสระทางวิชาการแก่มหาวิทยาลัย รศ.นพ.กำจร กล่าวว่า หลังจากที่ได้พูดคุยกับกลุ่มคณาจารย์ที่มาคัดค้านทีคิวเอฟ และได้รับทราบถึงเหตุผลในการเข้ามายื่นหนังสือคัดค้านครั้งนี้ จึงได้อธิปรายต่อกลุ่มคณาจารย์ว่า ขณะนี้ สกอ.กำลังปรับบทบาทอยู่แล้ว และเห็นด้วยในบางประเด็นของการคัดค้านทีคิวเอฟ โดยเฉพาะในขั้นตอนการกรอกเอกสาร ซึ่งในส่วนนี้ คงต้องหาช่องทางในการยกเลิก และ จากนี้ สกอ.จะต้องนำเรื่องดังกล่าวเข้าหารือกกอ. เพื่อดูว่าจะมีแนวทางในการปรับวิธีการในการดำเนินการอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับทุกฝ่าย รศ.ดร.กฤตยา อาชวนิจกุล รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า รมว.ศึกษาธิการ เห็นด้วยในเชิงนโยบายที่จะให้มีการยกเลิกทีคิวเอฟ แต่ทั้งนี้ ก็ไม่สามารถกระทำได้ทันที และได้มอบหมายให้สกอ.ไปศึกษา หาแนวทางปฎิบัติว่าจะดำเนินการอย่างไรได้บ้าง ส่วนจะใช้เวลานานเท่าใดนั้น คงต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของสกอ. ทั้งนี้ สำหรับข้อเสนอของคณาจารย์ทั่วประเทศต่อแนวทางการพัฒนาและปฏิรูปอุดมศึกษาไทย ดังนี้คือ1.ขอให้สกอ.ทบทวนแนวทางการผลักดันมหาวิทยาลัยมุ่งสู่ระดับสากล หรือ World Class Universities ด้วยวิธีการยึดหลักเกณฑ์การประกันคุณภาพเชิงปริมาณเพียงอย่างเดียว โดยสกอ.ควรหันมาพัฒนาแนวทางความเป็นเลิศของอุดมศึกษาที่วางอยู่บนหลักการที่ เคารพต่อความหลากหลายทางวิชาการ 2.สกอ.ควรปรับบทบาทของตนเองไปสู่การสนับสนุนเสรีภาพ และการมีส่วนร่วมของสถาบันต่างๆในการพัฒนาคุณภาพทางวิชาการลดความซ้ำซ้อนและ ภาระงานทางเอกสารของระบบประกันคุณภาพที่มีอยู่ และหันมาสนับสนุนให้เกิดเวทีการแลกเปลี่ยนทางวิชาการ เพื่อให้เกิดการพัฒนาระบบประกันคุณภาพทางวิชาการอย่างแท้จริง และ3.ขอให้ยกเลิกประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง กรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2552 เนื่องจากซ้ำซ้อนกับระบบการประกันคุณภาพการเรียนการสอนที่มีอยู่แล้วของสมศ. และการประกันคุณภาพภายใน (SAR) ที่ต้องจัดทำอยู่แล้วทุกปีและสกอ.ควรจัดให้มีการประมวลและรวบรวมปัญหาระบบ การประกันคุณภาพการเรียนการสอนของอุดมศึกษาไทย เปิดให้การประชุมเพื่อรับฟัง และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องแนวทางการพัฒนาแนวทางการประกันคุณภาพที่มี ความยืดหยุ่น คำนึงถึงความแตกต่างและหลากหลายของมหาวิทยาลัยเป็นสำคัญ โดยการมีส่วนร่วมของผู้เกี่ยวข้อง
ชี้เบื้องต้นคงยกเลิกกรอบทั้งหมดไม่ได้ ปรับได้เฉพาะวิธีการกรอกเอกสาร ด้าน สกอ. เตรียมนำเข้าที่ประชุมก