วันนี้ (10 ก.ค.2564) เวียดนามเตรียมส่งเจ้าหน้าที่เ

วันนี้ (19 เม.ย.2565) ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดพิจารณาคดีครั้งแรก ในคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ตาม พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 มาตรา 3 ระบุว่า "เรือ" หมายความว่า ยานพาหนะทางน้ำทุกชนิด ไม่ว่าจะใช้เพื่อบรรทุกลำเลียง โดยสาร ลาก จูง ดัน ยก ขุดหรือลอก รวมทั้งยานพาหนะอย่างอื่นที่สามารถใช้ใ
BOI จ่อปรับสิทธิประโยชน์ให้นักลงทุนต่างชาติ BOI เตรียมปรับสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูง พร้อมแนะนำนักลงทุนไทยเข้าลงทุนในประเทศสมาชิกอาเซียนภายใต้กรอบ AEC โดยเฉพาะกิจการภาคบริการและการเกษตร BOI จ่อปรับสิทธิประโยชน์ให้นักลงทุนต่างชาติ ผลการศึกษาและลู่ทางลงทุนไทยภายใต้กรอบประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ในอุตสาหกรรม 5 สาขา คือ เกษตรกรรม สิ่งทอ ยานยนต์ ท่องเที่ยว และก่อสร้าง พบว่าธุรกิจที่นักลงทุนไทยมีโอกาสไปลงทุนในประเทศสิงคโปร์ คือร้านอาหาร สปา และรีสอร์ต เนื่องจากประเทศนี้สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นจำนวนมาก ขณะที่มาเลเซีย ธุรกิจอาหารฮาลาลและท่องเที่ยวเชิงสุขภาพยังเป็นที่ต้องการ สำหรับอินโดนีเซีย นักลงทุนไทยควรลงทุนกิจการประมงน้ำลึก เนื่องจากประเทศนี้ยังขาดความชำนาญ และประชาชนไม่นิยมu12 เครดิต ฟรีบริโภคอาหารทะเล ซึ่งเป็นโอกาสเข้ารับสัมปทานจับสัตว์น้ำเพื่อแปรรูปสำหรับการบริโภคในไทยและส่งออก ส่วนฟิลิปปินส์ เหมาะลงทุนธุรกิจแปรรูปผลไม้ ธุรกิจชิ้นส่วนอะไหล่ และตกแต่งรถยนต์ สำนักเลขาธิการอาเซียนรายงานการลงทุนโดยตรงระหว่างประเทศในกลุ่มอาเซียนปีที่ผ่านมา มีมูลค่า 75,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 37,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นับเป็นสถิติสูงสุดจากการลงทุนภายในกลุ่มนี้ และคิดเป็นสัดส่วนการลงทุนของโลกร้อยละ 10 ขณะที่ภาวะลงทุนของกลุ่มอาเซียนในไทย 8 เดือนแรกปีนี้ผ่าน BOI เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยเป็นการลงทุนจากสิงคโปร์ 47 โครงการ คิดเป็นมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 30 รองลงมาเป็นของมาเลเซีย 19 โครงการ มูลค่า 3,700 ล้านบาท หรือเพิ่มร้อยละ 16 นายส่งศักดิ์ ลิมบานเย็น รองเลขาธิการ BOI กล่าวว่า BOI อยู่ระหว่างปรับทิศทางนโยบายส่งเสริมการลงทุนหลังกระทรวงการคลังเสนอให้มีการทบทวนสิทธิประโยชน์แก่นักลงทุนต่างชาติ โดยเบื้องต้นจะมุ่งสนับสนุนอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูง แต่ทั้งนี้จะลดสิทธิประโยชน์อุตสาหกรรมที่ใช้วัตถุดิบในประเทศและใช้แรงงานเป็นพื้นฐาน ผลการศึกษาและลู่ทางลงทุนไทยภายใต้กรอบประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ในอุตสาหกรรม 5 สาขา คือ เกษตรกรรม สิ่งทอ ยานยนต์ ท่องเที่ยว และก่อสร้าง พบว่าธุรกิจที่นักลงทุนไทยมีโอกาสไปลงทุนในประเทศสิงคโปร์ คือร้านอาหาร สปา และรีสอร์ต เนื่องจากประเทศนี้สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นจำนวนมาก ขณะที่มาเลเซีย ธุรกิจอาหารฮาลาลและท่องเที่ยวเชิงสุขภาพยังเป็นที่ต้องการ สำหรับอินโดนีเซีย นักลงทุนไทยควรลงทุนกิจการประมงน้ำลึก เนื่องจากประเทศนี้ยังขาดความชำนาญ และประชาชนไม่นิยมบริโภคอาหารทะเล ซึ่งเป็นโอกาสเข้ารับสัมปทานจับสัตว์น้ำเพื่อแปรรูปสำหรับการบริโภคในไทยและส่งออก ส่วนฟิลิปปินส์ เหมาะลงทุนธุรกิจแปรรูปผลไม้ ธุรกิจชิ้นส่วนอะไหล่ และตกแต่งรถยนต์ สำนักเลขาธิการอาเซียนรายงานการลงทุนโดยตรงระหว่างประเทศในกลุ่มอาเซียนปีที่ผ่านมา มีมูลค่า 75,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 37,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นับเป็นสถิติสูงสุดจากการลงทุนภายในกลุ่มนี้ และคิดเป็นสัดส่วนการลงทุนของโลกร้อยละ 10 ขณะที่ภาวะลงทุนของกลุ่มอาเซียนในไทย 8 เดือนแรกปีนี้ผ่าน BOI เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยเป็นการลงทุนจากสิงคโปร์ 47 โครงการ คิดเป็นมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 30 รองลงมาเป็นของมาเลเซีย 19 โครงการ มูลค่า 3,700 ล้านบาท หรือเพิ่มร้อยละ 16 นายส่งศักดิ์ ลิมบานเย็น รองเลขาธิการ BOI กล่าวว่า BOI อยู่ระหว่างปรับทิศทางนโยบายส่งเสริมการลงทุนหลังกระทรวงการคลังเสนอให้มีการทบทวนสิทธิประโยชน์แก่นักลงทุนต่างชาติ โดยเบื้องต้นจะมุ่งสนับสนุนอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูง แต่ทั้งนี้จะลดสิทธิประโยชน์อุตสาหกรรมที่ใช้วัตถุดิบในประเทศและใช้แรงงานเป็นพื้นฐาน
BOI จ่อปรับสิทธิประโยชน์ให้นักลงทุนต่างชาติ BOI เตรียมปรับสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมที่มีมูล
วันนี้ (13 ธ.ค.2565) น.ส.บุณย์ธิดา สมชัย ส.ส.อุบลราชธานี เขต 8 พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ในวันนี้
เมื่อวันที่ 22 พ.ย.2566 นายปานปรีย์พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ต่างประเทศ ในฐานะกำกับดูแลสำนัก
BOI จ่อปรับสิทธิประโยชน์ให้นักลงทุนต่างชาติ BOI เตรียมปรับสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูง พร้อมแนะนำนักลงทุนไทยเข้าลงทุนในประเทศสมาชิกอาเซียนภายใต้กรอบ AEC โดยเฉพาะกิจการภาคบริการและการเกษตร BOI จ่อปรับสิทธิประโยชน์ให้นักลงทุนต่างชาติ ผลการศึกษาและลู่ทางลงทุนไทยภายใต้กรอบประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ในอุตสาหกรรม 5 สาขา คือ เกษตรกรรม สิ่งทอ ยานยนต์ ท่องเที่ยว และก่อสร้าง พบว่าธุรกิจที่นักลงทุนไทยมีโอกาสไปลงทุนในประเทศสิงคโปร์ คือร้านอาหาร สปา และรีสอร์ต เนื่องจากประเทศนี้สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นจำนวนมาก ขณะที่มาเลเซีย ธุรกิจอาหารฮาลาลและท่องเที่ยวเชิงสุขภาพยังเป็นที่ต้องการ สำหรับอินโดนีเซีย นักลงทุนไทยควรลงทุนกิจการประมงน้ำลึก เนื่องจากประเทศนี้ยังขาดความชำนาญ และประชาชนไม่นิยมu12 เครดิต ฟรีบริโภคอาหารทะเล ซึ่งเป็นโอกาสเข้ารับสัมปทานจับสัตว์น้ำเพื่อแปรรูปสำหรับการบริโภคในไทยและส่งออก ส่วนฟิลิปปินส์ เหมาะลงทุนธุรกิจแปรรูปผลไม้ ธุรกิจชิ้นส่วนอะไหล่ และตกแต่งรถยนต์ สำนักเลขาธิการอาเซียนรายงานการลงทุนโดยตรงระหว่างประเทศในกลุ่มอาเซียนปีที่ผ่านมา มีมูลค่า 75,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 37,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นับเป็นสถิติสูงสุดจากการลงทุนภายในกลุ่มนี้ และคิดเป็นสัดส่วนการลงทุนของโลกร้อยละ 10 ขณะที่ภาวะลงทุนของกลุ่มอาเซียนในไทย 8 เดือนแรกปีนี้ผ่าน BOI เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยเป็นการลงทุนจากสิงคโปร์ 47 โครงการ คิดเป็นมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 30 รองลงมาเป็นของมาเลเซีย 19 โครงการ มูลค่า 3,700 ล้านบาท หรือเพิ่มร้อยละ 16 นายส่งศักดิ์ ลิมบานเย็น รองเลขาธิการ BOI กล่าวว่า BOI อยู่ระหว่างปรับทิศทางนโยบายส่งเสริมการลงทุนหลังกระทรวงการคลังเสนอให้มีการทบทวนสิทธิประโยชน์แก่นักลงทุนต่างชาติ โดยเบื้องต้นจะมุ่งสนับสนุนอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูง แต่ทั้งนี้จะลดสิทธิประโยชน์อุตสาหกรรมที่ใช้วัตถุดิบในประเทศและใช้แรงงานเป็นพื้นฐาน ผลการศึกษาและลู่ทางลงทุนไทยภายใต้กรอบประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ในอุตสาหกรรม 5 สาขา คือ เกษตรกรรม สิ่งทอ ยานยนต์ ท่องเที่ยว และก่อสร้าง พบว่าธุรกิจที่นักลงทุนไทยมีโอกาสไปลงทุนในประเทศสิงคโปร์ คือร้านอาหาร สปา และรีสอร์ต เนื่องจากประเทศนี้สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นจำนวนมาก ขณะที่มาเลเซีย ธุรกิจอาหารฮาลาลและท่องเที่ยวเชิงสุขภาพยังเป็นที่ต้องการ สำหรับอินโดนีเซีย นักลงทุนไทยควรลงทุนกิจการประมงน้ำลึก เนื่องจากประเทศนี้ยังขาดความชำนาญ และประชาชนไม่นิยมบริโภคอาหารทะเล ซึ่งเป็นโอกาสเข้ารับสัมปทานจับสัตว์น้ำเพื่อแปรรูปสำหรับการบริโภคในไทยและส่งออก ส่วนฟิลิปปินส์ เหมาะลงทุนธุรกิจแปรรูปผลไม้ ธุรกิจชิ้นส่วนอะไหล่ และตกแต่งรถยนต์ สำนักเลขาธิการอาเซียนรายงานการลงทุนโดยตรงระหว่างประเทศในกลุ่มอาเซียนปีที่ผ่านมา มีมูลค่า 75,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 37,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นับเป็นสถิติสูงสุดจากการลงทุนภายในกลุ่มนี้ และคิดเป็นสัดส่วนการลงทุนของโลกร้อยละ 10 ขณะที่ภาวะลงทุนของกลุ่มอาเซียนในไทย 8 เดือนแรกปีนี้ผ่าน BOI เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยเป็นการลงทุนจากสิงคโปร์ 47 โครงการ คิดเป็นมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 30 รองลงมาเป็นของมาเลเซีย 19 โครงการ มูลค่า 3,700 ล้านบาท หรือเพิ่มร้อยละ 16 นายส่งศักดิ์ ลิมบานเย็น รองเลขาธิการ BOI กล่าวว่า BOI อยู่ระหว่างปรับทิศทางนโยบายส่งเสริมการลงทุนหลังกระทรวงการคลังเสนอให้มีการทบทวนสิทธิประโยชน์แก่นักลงทุนต่างชาติ โดยเบื้องต้นจะมุ่งสนับสนุนอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูง แต่ทั้งนี้จะลดสิทธิประโยชน์อุตสาหกรรมที่ใช้วัตถุดิบในประเทศและใช้แรงงานเป็นพื้นฐาน
วันนี้ (25 มิ.ย.2566) ความคืบหน้าการเสียชีวิตของ พญ.ญาณิศา สืบเชียง หรือ หมอมีน แพทย์อินเทิร์นปี 1 ข