กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศฉบับที่ 1 เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย มีผลกระทบตั้งแต่วันที่

สำหรับวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย การที่ประเทศของเขาจะมีที่ยืนในเวทีโลกไม่ใช่แค่เรื่องการเมืองหรือยุทธศาสตร์ธรรมดา แต่มันเป็น "เรื่องส่วนตัว" ที่ฝังรากลึกในตัวเขาและคนรอบข้าง ปูตินเคยพูดหลายครั้งว่

สำหรับวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย การที่ประเทศของเขาจะมีที่ยืนในเวทีโลกไม่ใช่แค่เรื่องการเมืองหรือยุทธศาสตร์ธรรมดา แต่มันเป็น "เรื่องส่วนตัว" ที่ฝังรากลึกในตัวเขาและคนรอบข้าง ปูตินเคยพูดหลายครั้งว่าไม่ต้องการให้ยูเครนมีสถานะเป็นชาติอิสระที่มีอำนาจปกครองตัวเอง และอยากเห็นนาโต้ ซึ่งเป็นพันธมิตรทางทหารของชาติตะวันตก หันหัวกลับไปอยู่ในกรอบสมัยสงครามเย็น ปูตินและกลุ่มคนสนิท ซึ่งส่วนใหญ่เติบโตมาจากเคจีบี หน่วยข่าวกรองสมัยโซเวียต ยังคงจดจำความเจ็บปวดและความอับอายจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียตในปี 1991 และรู้สึกไม่พอใจที่โลกก้าวไปข้างหน้าโดยทิ้งรัสเซียให้กลายเป็นเพียงผู้เล่นรอง เมื่อปูตินก้าวขึ้นสู่อำนาจในปี 2000 รัสเซียอยู่ในช่วงวุ่นวาย เศรษฐกิจพังทลายจนต้องขอความช่วยเหลือจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และ ธนาคารโลก ซึ่งถือเป็นความอัปยศอดสูครั้งใหญ่สำหรับชาติที่เคยเป็นมหาอำนาจ แต่หลังจากนั้น ด้วยราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รัสเซียเริ่มฟื้นตัว เศรษฐกิจเติบโต ประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้น และรัสเซียมีเสียงในเวทีโลกมากขึ้น จนได้รับเชิญเข้าร่วมกลุ่ม G7 ซึ่งกลายเป็น G8 ในเวลาต่อมา อย่างไรก็ตาม คริสติน เบอร์ซินา ผู้เชี่ยวชาญจาก German Marshal Fund of United States บอกกับ CNN ว่า ปูตินไม่เคยรู้สึกพอ เขาไม่ต้องการให้รัสเซียเป็นแค่สมาชิก 1 ใน 8 กลุ่มชาติพัฒนาแล้ว เพราะในสายตาของเขา รัสเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกและอุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ต้องมีบทบาทที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น เขายอมทิ้งโอกาสใน G8 และยอมให้รัสเซียถูกคว่ำบาตรจากตะวันตก รวมถึงถูกตัดขาดจากเวทีโลก หลังการรุกรานยูเครน เพื่อไล่ตามเป้าหมายทางภูมิรัฐศาสตร์ที่สูงส่งกว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ปธน.สหรัฐฯ บอกว่าเขาเชื่อว่าปูตินต้องการสันติภาพ แต่ยูเครนและพันธมิตรยุโรปไม่เห็นด้วย เพราะปูตินเคยปฏิเสธข้อเสนอสันติภาพมาแล้วหลายครั้ง ทรัมป์อยากให้สงครามในยูเครนจบโดยเร็ว แม้ว่านั่นอาจหมายถึงยูเครนต้องเสียดินแดนเพิ่มเติมให้รัสเซีย การที่สหรัฐฯ หันมาเจรจากับรัสเซียครั้งนี้ เกิดจากการเปลี่ยนนโยบายของทรัมป์ ไม่ใช่เพราะปูตินเปลี่ยนความคิด มาร์ค กาเลโอตี นักวิเคราะห์รัสเซียชื่อดัง บอกว่า ปูตินเป็นคนฉวยโอกาส เขาชอบสถานการณ์ที่วุ่นวายและไม่แน่นอน เพราะจะเปิดโอกาสให้เขาเลือกทางเดินได้ตามใจ และการเจรจากับทรัมป์ตอนนี้คือสถานการณ์ที่เขาแทบไม่เสียอะไรเลย ในสงครามยูเครน รัสเซียครองดินแดนได้ร้อยละ 20 แต่ต้องแลกด้วยความเสียหายมหาศาลทั้งกำลังคนและทรัพยากร แม้จะยังไม่ชนะเด็ดขาด แต่ถ้าสหรัฐฯ หยุดส่งอาวุธและข่าวกรองให้ยูเครน สถานการณ์อาจพลิกผันได้ กาเลโอตี ชี้ว่า ปูตินคาดหวังว่าสงครามนี้จะจบเร็ว แต่ผ่านมา 3 ปี เขาก็ยังไม่ถึงเป้า ขณะที่ยูเครนเสียหายหนักและเร็วกว่า ปูตินและทีมงาน ยังย้ำเสมอว่าเป้าหมายระยะยาวของพวกเขาไม่เคยเปลี่ยน แม้จะพูดถึงสันติภาพ แต่เจ้าหน้าที่รัสเซียยังคงบอกว่าต้องกำจัด "ต้นตอ" ของความขัดแย้งในยูเครน ซึ่งในมุมมองของเครมลินคือ การมีอยู่ของยูเครนในฐานะชาติอิสระ รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของโวโลดีเมียร์ เซเลนสกี และการขยายตัวของนาโต้ไปทางตะวันออก ในรอบ 30 ปีที่ผ่านมา ปูตินเริ่มสงครามเต็มรูปแบบในเดือน ก.พ. 2022 เพื่อเปลี่ยนรัฐบาลยูเครนให้เป็นฝ่ายสนับสนุนมอสโก และทำให้ยูเครนกลายเป็นรัฐบริวารเหมือนเบลารุส พร้อมกันยูเครนจากการเข้าร่วมนาโต้และสหภาพยุโรป แม้การใช้กำลังทหารยังไม่สำเร็จ แต่เบอร์ซินาชี้ว่า เขาอาจหันไปใช้กลยุทธ์อื่น เช่น การแทรกแซงการเลือกตั้งในยูเครนหลังสงครามสงบ ซึ่งเป็นเหตุผลที่รัสเซียตั้งคำถามถึงความชอบธรรมของเซเลนสกี และดีใจที่ทรัมป์พูดในทำนองเดียวกัน โดยเรียกผู้นำยูเครนว่า "เผด็จการที่ไม่จัดการเลือกตั้ง" ทั้งที่ยูเครนใช้กฎอัยการศึกห้ามเลือกตั้งระหว่างสงคราม ทรัมป์ และ เจดี แวนซ์ ปฏิเสธแนวคิดที่ยูเครนจะเข้านาโต้ในอนาคตอันใกล้ และปูตินก็ขอให้สหรัฐฯ รับปากเรื่องนี้เป็นเงื่อนไขหยุดยิง แต่เบอร์ซินาชี้ว่า ชาติยุโรปไม่เชื่อคำสัญญาของปูตินว่า ถ้ายูเครนเป็น "กลาง" เขาจะหยุดรบ เพราะความไว้วางใจต่อปูตินแทบไม่มีเหลือแล้ว หลังจากการรุกราน อันเดรย์ โซลดาตอฟ นักข่าวรัสเซียที่ลี้ภัยในลอนดอน บอกว่า ปูตินและทีมงานมองว่านี่ไม่ใช่แค่สงครามกับยูเครน แต่เป็นการต่อสู้กับตะวันตกทั้งหมด และพวกเขาไม่เชื่อว่าสหรัฐฯ จะยอมทำข้อตกลงถาวร เขาคิดว่าสามารถฉวยประโยชน์ระยะสั้นจากทรัมป์ได้ แต่เป้าหมายใหญ่คือเปลี่ยนโครงสร้างความมั่นคงของยุโรปใหม่ทั้งหมด โซลดาตอฟเสริมว่า ความระแวงของรัสเซียต่อตะวันตกมีรากลึกตั้งแต่ยุคเคจีบี ซึ่งปูตินและคนใกล้ชิดรู้สึกว่าตัวเองสูญเสียทุกอย่างเมื่อโซเวียตล่มสลาย และเชื่อว่าตะวันตกพยายามทำลายรัสเซียมาโดยตลอด ปูตินยังเชื่อมโยงเป้าหมายนี้กับประวัติศาสตร์ โดยอ้างว่า ยูเครนไม่ควรเป็นชาติ เพราะเป็นส่วนหนึ่งของ "ประวัติศาสตร์รัสเซีย" โมนิกา ไวต์ ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยนอตทิงแฮม บอกว่านี่เป็นซื้อ ฟรี ส ปิ น sweet bonanzaเว็บ ไม่ ผ่าน เอเย่นต์การตีความที่บิดเบือน เพราะยูเครน รัสเซีย และเบลารุส แค่มีรากเหง้าจาก "รุส" รัฐสมัยยุคกลาง ไม่ได้หมายความว่ายูเครนไม่มีสิทธิ์เป็นชาติสมัยใหม่ เขายังใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือ โดยมีผู้นำโบสถ์ออร์โธดอกซ์รัสเซียสนับสนุนสงคราม ไวต์ชี้ว่า ปูตินอยากเชื่อมโยงรัสเซียกับยุครุ่งเรืองในอดีต เหมือนสมัย ซาร์โรมานอฟ ที่พยายามรวบรวมดินแดนออร์โธดอกซ์คืนมา สุดท้ายแล้ว ปูตินอยากให้รัสเซียกลับมายิ่งใหญ่ในเวทีโลก ด้วยการแยกยุโรปออกจากสหรัฐฯ และจับมือกับชาติที่เป็นปฏิปักษ์กับตะวันตก เช่น จีนหรืออิหร่าน เขามองว่ารัสเซีย ด้วยขนาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกและทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ ต้องมีบทบาทนำ ไวต์บอกว่า เขาอาจไม่ต้องยึดดินแดนในยุโรปเพิ่ม แต่ต้องการเป็นผู้นำของกลุ่มอำนาจที่พร้อมท้าทายและสั่นคลอนโลก ทรัมป์อาจเห็นด้วยกับแนวคิด "ชาติใหญ่ต้องได้ทุกอย่าง" และมองยูเครนเป็นแค่เครื่องมือที่ต้องยอมตามดีลระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซีย กาเลโอตีทิ้งท้ายว่า สงครามนี้อาจหยุดชั่วคราว แต่ความฝันของปูตินที่จะครองโลกใหม่ยังไม่จบ และเขาจะใช้ทุกโอกาสเพื่อไปให้ถึงจุดนั้น ที่มา : CNN อ่านข่าวอื่น : "ไทย" เรียกร้องยุติสู้รบในฉนวนกาซา-ปล่อยตัวประกันที่เหลือ สหรัฐฯ จ่อเพิกถอนสถานะผู้อพยพ 4 ชาติ รวมกว่า 5.3 แสนคน

ผู้นำภูมิภาคเคอร์ซอนที่รัสเซียแต่งตั้งขึ้น ออกแถลงการณ์ เรียกร้องให้พลเมืองอพยพออกจากพื้นที่โดยเร็ว เนื่องจากสถานการณ์ความตึงเครียดที่กองกำลังยูเครนยกระดับรุกล้ำพื้นที่มากขึ้น โดยระบุว่าหลายเมืองในภูม