วันนี้ (22 ก.พ.2567) เวลา 09.15 น. พล.ร.อ.อะดุง พั
4 สิงหาคม 2025 - 21:36
วันนี้ (15 ก.พ.2565) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษก
4 สิงหาคม 2025 - 21:36

วันนี้ (6 เม.ย.2567) นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ให้สัมภาษณ์ไทยพีบีเอส ว่าขณะนี้กำลังลงพื้นที่ ต.คลองกิ่ว อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี พร้อมตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย

ไทยพีบีเอสออนไลน์ ยังเกาะติดภารกิจพาพลายศักดิ์สุรินทร์ ช้างไทยในศรีลังกา ซึ่งนับถอยหลังอีกแค่ 3 วันก็จะเดินทางกลับไทย โดยจากการเข้าไปสวนสัตว์ Dehiwala ประเทศศรีลังกา พบว่าพลายศักดิ์สุรินทร์ ยังคงเป็นข

วันนี้ (24 มี.ค.2565) มหาวิทยาลัยราชภัฎอุบลราชธานี ร่วมกับ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดแถลงข่าวการค้นพบผึ้งชนิดใหม่ของโลกจากอุทยานแห่งชาติภูจองนายอย จ.อุบลราชธานี ภาพ : Pakorn Nalinrachatakan ภาพ : Pakorn Nalinrachatakan ภาพ : Pakorn Nalinrachatakan ภาพ : Pakorn Nalinrachatakan ผึ้งหยาดอำพันภูจองฯ ถือเป็นผึ้งหายากที่รายงานการค้นพบครั้งแรกในโลกเมื่อปี 2564 ปัจจุบันยังค้นพบเฉพาะในผืนป่าของอุทยานแห่งชาติภูจองนายอยในประเทศไทยเท่านั้น สำหรับตัวของผึ้งหยาดอำพันภูจองฯ นั้น จะมีลักษณะการดำรงชีวิตที่โดดเด่น เมื่อเทียบกับผึ้งให้น้ำหวานต่าง ๆ ที่มีการแบ่งวรรณะ มีนางพญา ผึ้งงาน ผึ้งเพศผู้ อาศัยอยู่กันในรังมาก ๆ แล้ว กลับกันตัวผึ้งหยาดอำพันภูจองฯ จะมีการดำรงชีวิตแบบโดดเดี่ยว ซึ่งเพศเมียจะสร้างรังและดูแลอยู่เพียงลำพัง โดยจะมีการสะสมยางไม้มาใช้สร้างรัง เกิดเป็นท่อยางไม้ใสสวยงาม ภายในรังจะแบ่งเป็นห้อง ๆ ที่เพศเมียจะวางไข่ สะสมอาหาร (เรณู, น้ำหวาน) ไว้ให้ตัวอ่อนมาก ๆ แล้วปิดห้อง ไข่จะฟักเป็นตัวอ่อน กินอาหาร พัฒนาเป็นดักแด้ ผ่านกระบวนการเปลี่ยนสัณฐานพัฒนาเป็นผึ้งตัวเต็มวัยต่อไป ภาพ : Pakorn Nalinrachatakan ภาพ : Pakorn Nalinrachatakan ภาพ : Pakorn Nalinrachatakan ภาพ : Pakorn Nalinrachatakan ผึ้งหยาดอำพันภูจอpg slot backgroundงฯ เป็นผึ้งที่พบได้ยากในธรรมชาติ การสำรวจโดยคณะวิจัยของ ดร.ประพันธ์ ไตรยสุทธิ ที่ค้นพบผึ้งชนิดนี้นั้นก็ยังไม่เคยพบตัวผึ้งบินตามแหล่งอาหาร เช่น ทุ่งดอกไม้ต่าง ๆ ในอุทยานฯ อย่างบริเวณพลาญป่าชาด โดยแม้จะสำรวจพบผึ้งชนิดต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก และสำรวจมามากกว่า 20 รอบในช่วง 3 ปีมาแล้ว ก็ยังไม่พบผึ้งชนิดนี้ การพบตัวผึ้งหยาดอำพันภูจองฯ นั้นจึงมาจากการพบรังตามผาตัดที่มีโพรงดิน ใกล้แหล่งน้ำ เช่น บริเวณของแก่งกะเลา แล้วพบตัวผึ้งอยู่ในรังเพียงเท่านั้น ผึ้งหยาดอำพันภูจองฯ ถูกตั้งชื่อเป็นเกีบรติแก่อุทยานแห่งชาติภูจองนายอย ที่ซึ่งค้นพบผึ้งชนิดนี้เป็นครั้งแรก นับเป็นผึ้งหายากชนิดใหม่ของโลก ที่พบโดยบังเอิญจากการลองนำรังมาเลี้ยง โดยผึ้งชนิดนี้คล้ายเป็น "กาเหว่า" ในโลกของผึ้ง คือ มีการดำรงชีวิตเป็นปรสิตในระยะตัวอ่อน โดยที่จะแอบเข้ามาวางไข่ในรังของผึ้งเจ้าบ้าน จากนั้นตัวอ่อนของ "กาเหว่า" จะฟัก กินอาหารภายใน จัดการตัวอ่อนเจ้าบ้านทิ้ง แล้วจะเจริญเติบโตขึ้นมาแทนตัวผึ้งเจ้าบ้าน ในลักษณะใกล้เคียงกับนกกาเหว่า ภาพ : Pakorn Nalinrachatakan ภาพ : Pakorn Nalinrachatakan ภาพ : Pakorn Nalinrachatakan ภาพ : Pakorn Nalinrachatakan ผึ้งชนิดนี้จะมีร่างกายสีโทนส้มแดงและมีลายสีดำตามร่างกาย รูปร่างสั้นป้อมสันทัด ความยาวลำตัวอยู่ที่ราว 8 มิลลิเมตร ขาคู่หน้ามีสีโทนส้มเหลือง ขณะที่คู่กลางและคู่หลังจะมีโทนน้ำตาลแดงเข้ม ปกคลุมขนสีดำ ส่วนท้ายของท้องจะมีขนสีเหลืองทองสั้น ๆ ปกคลุมอยู่ ทั้งนี้ จากการสำรวจโดยคณะวิจัย คาดการณ์ว่าผึ้งหยาดอำพันภูจองฯ น่าจะเลือกทำเลสร้างรังโดยคำนึงถึงแหล่งของยางไม้ที่ใช้สร้างรังเป็นหลัก สอดคล้องกับสภาพผืนป่าของอุทยานฯ ที่มีป่าเต็งรัง มีไม้เด่นที่ให้ยางไม้มากอย่างต้นชาด ผึ้งน่าจะเลือกอาศัยตามโพรงร้างเล็ก ๆ ที่มีอยู่ก่อนหน้า มีขนาดที่เหมาะสม นอกจากนี้ มักจะพบรังในที่ชื้น ใกล้กับแหล่งน้ำ คาดว่าผึ้งอาจใช้น้ำช่วยละลายดินตามผนัง จึงสามารถจัดแต่งภายในโพรงได้ง่ายขึ้น ให้สภาพโพรงเหมาะกับรัง ภาพ : Pakorn Nalinrachatakan ภาพ : Pakorn Nalinrachatakan สำหรับงานวิจัยชิ้นนี้นำโดย ดร.ประพันธ์ ไตรยสุทธิ์ จากสาขาวิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎอุบลราชธานี และ นายภากร นลินรชตกัณฑ์ จากภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยเป็นส่วนหนึ่งของการสำรวจความหลากหลายทางชีวภาพพื้นถิ่นในจังหวัดอุบลราชธานีที่ได้รับการสนับสนุนจาก สวทช.ในการพัฒนาพื้นที่อุทยานให้เป็นแหล่ง ecotourism ที่สำคัญของประเทศและของโลก

บุคลิกภาพสะท้อนตัวตน ฉันใด “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รักษาการนายกรัฐมนตรี แคนดิเดตนายกฯ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่คนมักคุ้นบอกเสียงเดียวกันว่า คือ “ลุงตู่” มาดเข้มที่ไม่เคยทิ้งบุคลิกเดิม

วันนี้ (24 มี.ค.2565) มหาวิทยาลัยราชภัฎอุบลราชธานี ร่วมกับ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งช