แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกา วัย 82 ปี บุคคลสำคัญที่จุดชนวนความตึงเครียดระหว่างจีนก
ล่องหนไปอยู่ที่น่านน้ำประเทศเพื่อนบ้านแล้ว เรือบรรทุกน้ำมัน 3 ลำ บรรจุน้ำมันเถื่อน 330,000 ลิตร ของกลางในคดีจอดอยู่ที่ท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทั้ง ๆ ที่คดีอยู
แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกา วัย 82 ปี บุคคลสำคัญที่จุดชนวนความตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐฯ เส้นทางการเมืองของเพโลซี เริ่มต้นจากการดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเดโมแครต เมื่อปี 1987 เป็นผู้หญิงคนแรกที่นั่งเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎร และได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนี้เป็นสมัยที่ 4 เมื่อต้นปี 2021 ยิ่งไปกว่านั้น เพโลซี มีบทเว บ บา ค่า ร่าบาทในการวิพากษ์วิจารณ์พรรคคอมนิสต์จีน เกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนตลอด 30 ปีที่ผ่านมา โดยเมื่อปี 1991 เพโลซีเคยเดินทางไปยังกรุงปักกิ่ง และถือป้ายแสดงความเห็นใจเหยื่อที่ถูกปราบปรามอย่างหนักที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน สำหรับการเดินทางเยือนไต้หวันในครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อเชิดชูจุดยืนสนับสนุนประชาธิปไตยในไต้หวันอย่างมั่นคงของสหรัฐฯ สร้างความเดือดดาลให้จีน จนนำไปสู่การสั่งห้ามนำเข้าสินค้าจากไต้หวันไม่ต่ำกว่า 2,000 ชนิด และการเตรียมซ้อมรบด้วยกระสุนจริงในวันที่ 4-7 ส.ค.นี้ ครอบคลุมพื้นที่ 26,000 ตารางกิโลเมตร รอบๆ เกาะไต้หวัน จุดซ้อมรบหลายจุดถือเป็นพื้นที่ละเอียดอ่อนอย่างมาก เนื่องจากจุดซ้อมรบบางจุดรุกล้ำน่านน้ำไต้หวัน ขณะที่ทางการไต้หวันสั่งห้ามเรือประมงและเครื่องบินพาณิชย์สัญจรผ่านพื้นที่นี้ เพื่อความปลอดภัยจากความพยายามข่มขวัญของจีน แม้ว่าโฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ จะยืนยันหนักแน่นว่า การเดินทางเยือนไต้หวันไม่ขัดต่อจุดยืนต่อหลักการจีนเดียว แต่ในความเป็นจริงแล้ว การปรากฏตัวของเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดของฝ่ายนิติบัญญัติในไต้หวัน สั่นคลอนหลักการนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สำหรับหลักการจีนเดียว ย้อนกลับไปในปี 1949 เมื่อเจียง ไค เช็ก ผู้นำพรรคกั๋วมินตั่ง เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ให้กองกำลังพรรคคอมมิวนิสต์ของเหมา เจ๋อตง ในสงครามกลางเมือง และต้องหนีไปจัดตั้งรัฐบาลอิสระขึ้นที่ไต้หวัน ต่อมาในปี 1992 คณะผู้แทนของทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องการรวมชาติในอนาคต แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปในการตีความนิยามของจีนเดียว คำว่า "จีนเดียว" ในมุมมองของจีน หมายถึง สาธารณรัฐประชาชนจีนและไต้หวันเป็นมณฑลหนึ่งที่ต้องกลับมารวมกันในวันข้างหน้า แม้ว่าไต้หวันมีองค์ประกอบในการเป็นรัฐ แต่หลักการนี้ทำให้ประเทศต่างๆ ต้องเลือกสถาปนาความสัมพันธ์กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง สหรัฐฯ ในสมัยประธานาธิบดีจิมมี คาร์เตอร์ เลือกที่จะสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีนอย่างเป็นทางการ เมื่อปี 1979 แต่ขณะเดียวกันสหรัฐฯ ได้ผ่านกฎหมายความสัมพันธ์ไต้หวัน เพื่อเปิดทางให้สามารถช่วยเหลือไต้หวันในการป้องกันตนเอง ซึ่งการดำเนินยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ ต่อไต้หวันในลักษณะนี้ เรียกว่า Strategic Ambiguity หรือ ความคลุมเครือเชิงยุทธศาสตร์ ขณะที่การเดินทางเยือนของประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ในครั้งนี้ จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีนอย่างไรนั้น รศ.สิทธิพล เครือรัฐติกาล ที่ปรึกษาสถาบันเอเชียตะวันออกศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิเคราะห์ทิศทางความสัมพันธ์ของ 2 ชาติมหาอำนาจ ว่า ในระยะยาวความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ตั้งแต่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตมานานกว่า 40 ปี แม้ทั้ง 2 ฝ่ายจะตระหนักดีว่ามีความขัดแย้งกัน แต่ก็มีผลประโยชน์ร่วมกันหลายอย่าง ปัจจุบันมีเพียงนครรัฐวาติกันและอีก 13 ประเทศ จากทั้งหมด 193 ประเทศทั่วโลก ที่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวัน ส่วนไทยไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวัน จึงไม่มีสถานทูต แต่มีเพียงสำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทยในไทเปเท่านั้น ข่าวที่เกี่ยวข้อง "แนนซี เพโลซี" ประธานสภาสหรัฐฯ เดินทางถึง "ไต้หวัน" จีนเรียกพบทูตสหรัฐฯ ประท้วง "เพโลซี" เยือนไต้หวัน ไม่หวั่นภัยคุกคาม "ผู้นำไต้หวัน" ย้ำปกป้องประชาธิปไตย
วันนี้ (27 เม.ย.2565) กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศฉบับที่ 1 เตือนพายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 28 เม.ย.-2 พ.ค.นี้ โดยในช่วงวันดังกล่าว ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมบริเ