ทาย สกอร์ ทีเด็ด
Kota Balikpapan dan sekitarnya—Berdasarkan datacua
฿48548
บาท1
ห้องนอน
18
ห้องน้ำ
309
ตร.ม.
฿ 4533
/ ตารางเมตร
ทาย สกอร์ ทีเด็ด
Kota Yogyakarta dan sekitarnya Hari ini, 4 Desembe
UID: 99041
วันนี้ (13 ก.ย.64) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเทศบาลเมืองหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เจอน้ำท่วมขังในช่วงปลา
วันที่ 6 ม.ค.2566 เรียกได้ว่า วง Paper Planes (เปเปอร์ เพลนส์) เป็นขวัญใจเด็กๆ รุ่นฟันน้ำนม โดยเพลงท
ปัญหาการศึกษาของไทยกำลังเข้าขั้นน่าเป็นห่วง สะท้อนผ่านดัชนีชี้วัดหลายตัว ทั้งจำนวนเด็กที่หลุดจากระบบการศึกษาที่เพิ่มขึ้นเป็นปีละกว่าแสนคน ไปจนถึงคะแนนสมรรถนะนักเรียนมาตรฐานสากล (PISA) ที่ค่าเฉลี่ยคะแนนนักเรียนไทยต่ำกว่าค่าเฉลี่ยขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organisation for Economic Co-operation and Development) หรือ OECD ทั้ง 3 ด้าน คือ การอ่าน คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะด้านการอ่านที่มีคะแนนต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ส่วน ‘หลักสูตรฐานสมรรถนะ’ ที่คนในแวดวงการศึกษา พยายามผลักดันให้เกิดขึ้น เพื่อเปลี่ยนโฉมการศึกษาไทย ก้าวทันการพัฒนาในศตวรรษที่ 21 ก็ไม่สามารถเดินหน้าไปสู่เป้าหมาย รูปแบบการเรียนการสอนของโรงเรียนส่วนใหญ่ยังวนอยู่กับเนื้อหาและวิธีการเดิมๆ ที่ไม่ตอบโจทย์ทั้งการเรียนรู้และตลาดแรงงานที่เปลี่ยนแปลงไป ส่วนนโยบาย ‘พื้นที่นวัตกรรมการศึกษา’ ก็ยังไม่เห็นภาพความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน โครงสร้างประชากรไทย โครงสร้างประชากรไทย ด้าน ‘นโยบายเรียนฟรี’ ที่ถือเป็นสวัสดิการขึ้นพื้นฐาน แต่ก็กำลังถูกตั้งคำถามถึงความไม่ฟรีจริง ยังมีค่าใช้จ่ายแฝงที่มาในรูปแบบต่าง ๆ และเป็นภาระให้กับผู้ปกครอง ในขณะที่ ปัญหาครูขาดแคลน ภาระครูที่นอกเหนือจากการเรียนการสอน ก็ยังเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตก ทำให้ไม่อาจก้าวข้ามไปสู่การแก้ปัญหาการพัฒนาทักษะครูได้อย่างเต็มศักยภาพ แม้ที่ผ่านมา รัฐบาลจะพยายามทุ่มงบประมาณเพื่อไปแก้ปัญหากับการศึกษา โดยกระทรวงศึกษาเป็นกระทรวงที่ครองแชมป์ได้รับงบประมาณมากที่สุดตั้งแต่ ปี 2542 โดยข้อมูลจากสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงศึกษาธิการ ระบุว่า งบประมาณรายจ่ายด้านการศึกษาตั้งแต่ปี 2555 - 2564 อยู่ที่ 4.4 - 5.5 แสนล้านบาทต่อปี หากรวมกับภาพเอกชนจะตกประมาณ 8 แสนล้านบาท ไทยลงทุนด้านการศึกษา ไทยลงทุนด้านการศึกษา ตั้งแต่ปี 2551-2561 ประเทศไทยลงทุนรายจ่ายด้านการศึกษาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หรือคิดเป็นร้อยละ 5.77 - 5.04 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) นับว่าค่อนข้างสูงเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศในกลุ่ม OECD ซึ่งมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 4.9 ต่อ GDP แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับมาดูจะแตกต่างกับเม็ดเงินที่ลงทุนไปอย่างสิ้นเชิง นโยบายด้านการศึกษาอาจไม่ใช่นโยบายซื้อใจชาวบ้านเท่ากับปัญหาปากท้อง หรือ สุขภาพ แต่จากการสำรวจนโยบายด้านการศึกษาของ 18 พรรคการเมือง ที่มีที่นั่งในสภาฯ มีถึง 15 พรรคที่มีการนำเสนอนโยบายด้านการศึกษา รวม 110 นโยบาย โดย หมวดหมู่ “เรียนตามความต้องการ-ทันสมัย และ หมวดหมู่ ”เรียนฟรี” ล้วนแต่เป็นนโยบายที่พรรคการเมืองให้ความสำคัญ มุ่งหวังว่าจะพัฒนาหลักสูตรให้ทันสมัย ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตทั้งในและนอกห้องเรียน ส่วนนโยบายใน หมวดหมู่งบประมาณ , กระจายอำนาจโรงเรียน, โรงเรียนไร้อำนาจนิยม, เรียนตามต้องการ ทันสมัย, โรงเรียนหลายภาษา, ลดเวลาเรียน, เลือกที่เรียนตามต้องการ และ สื่อเรียนสอนทันสมัย ซึ่งมีผลโดยตรงต่อคุณภาพทางการศึกษาของเด็กไทย กลับมีจำนวนพรรคการเมืองที่เสนอเพียง 2 - 5 พรรคต่อ 1 หมวดท้ายที่สุดคือนโยบายยกระดับคุณภาพครูมีพรรคการเมืองที่เสนอเพียง 4 พรรคและมีจำนวนนโยบายเพียง 10 นโยบาย ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 9 จากจำนวนนโยบายทั้งหมด สวนทางกับเสียงสะท้อนจาก เวทีภาคประชาสังคม หน่วยงานเพื่อการศึกษา และข้อเสนอของกลุ่มประชาชนที่มองเห็นว่า การพัฒนาการศึกษาไทยต้องส่งเสริมโอกาสทางการศึกษาควบคู่ไปกับการยกระดับหลักสูตรและคุณภาพครูไปพร้อมกัน เพื่อให้การศึกษาสามารถพัฒนาทุนมนุษย์และพาคนหลุดพ้นจากความยากจนได้ ส่วนนโยบายเรียนฟรี พบว่าเสียงสะท้อนจากทางฝั่งเวทีภาคประชาชน ‘Post Election’ ซึ่งเป็นเวทีที่จัดขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ในระดับภูมิภาครวม 8 ครั้ง ก่อนเลือกตั้งใหญ่ปี 2566 พบว่ามีนโยบาย ‘เรียนฟรีที่แท้จริง และสวัสดิการด้านการศึกษาต่าง ๆ’ เนื่องจากพบว่านโยบายเรียนฟรีที่ผ่านมานั้นไม่ได้ครอบคลุมทุกสภาพปัญหาที่ทำให้เด็กไม่สามารถเข้าเรียนได้ และหวังให้มีการส่งเสริมสวัสดิการด้านการศึกษาอื่น ๆ ที่นอกเหนือไปจากการเรียนรู้ในห้องเรียน เพื่อให้การเรียนฟรีสามารถทำได้ทุกที่และทุกวัย ให้สังคมไทยเป็นสังคมของการเรียนรู้ปราศจากค่าใช้จ่ายอย่างแท้จริง ในมุมของบุคลากรทางการศึกษา นโยบายด้านการศึกษาที่พวกเขาอยากเห็นคือการพัฒนาทักษะครู จากรายงานของ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ในปี 2557 ระบุว่าใน 1 ปี ครูใช้เวลา 84 วัน จาก 200 วันในปีการศึกษา (42%) ที่ถูกใช้ไปกับงานนอกห้องเรียน ทั้งงานเอกสาร งานธุรการ งานพัสดุ การนอนเวรเฝ้าโรงเรียน การประเมิน/อบรม การเข้าร่วมโครงการที่ไม่จำเป็น ต่อมาในปี 2559 ผลสำรวจเผยว่า ครูได้เวลาคืนมา 19 วัน เหลือเวลานอกห้องเรียนที่ครูต้องใช้เพียง 65 วัน แต่จากนโยบาย 110 นโยบายด้านการศึกษาที่ถูกเสนอโดยพรรคการเมืองในสภาฯ พบว่ามีนโยบายยกระดับคุณภาพครูเพียง 10 นโยบาย จาก 4 พรรคการเมืองเท่านั้น โดยแบ่งเป็นนโยบายค่าตอบแทน-แก้หนี้ครู 3 นโยบาย และนโยบายยกระดับคุณภาพการสอนครูอีก 7 นโยบาย ถ้าพิจารณาถึงรายละเอียดจะพบว่ามีพรรคการเมืองที่เสนอให้ลดชั่วโมงการทำงานนอกเหนือการสอน-คืนครูให้ห้องเรียนเพียง 2 พรรคเท่านั้น ตอกย้ำว่าพรรคการเมืองมองเห็นถึงปัญหาภาระงานของครูนั้นมีน้อยมาก อีกมิติหนึ่ง ครูไทยยังได้รับการส่งเสริมทักษะการสอนที่ไม่ตรงจุด ทางเครือข่าย ‘ครูขอสอน’ ทำผลสำรวจด้านพื้นที่ช่วยครูเรียนรู้ในปี 2564 พบว่า พื้นที่ซึ่งทำให้ครูเกิดการเรียนรู้มากที่สุด ร้อยละ 36 คือ โครงการอื่น ๆ ตามความสมัครใจ รองลงมาร้อยละ 30 คือ บทสนทนากับเพื่อนครูในโรงเรียน และร้อยละ 26 บทสนทนากับเพื่อนครูนอกโรงเรียน ส่วนโครงการของกระทรวงศึกษาธิการและเขตพื้นที่การศึกษา ทำให้ครูเกิดการเรียนรู้เพียงร้อยละ 7 เท่านั้น ผศ. อรรถพล อนันตวรสกุล อาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สะท้อนภาพ ครูจบใหม่ต้องเผชิญกับความผันผวนในวิชาชีพ ต้องใช้พลังไปกับการปรับตัวในสภาพแวดล้อมใหม่ รับมือกับงานเอกสาร-งานประเมินครู อีกทั้งต้องรับงานสอนนอกโรงเรียนเพื่อให้ตัวเองมีเงินมากพอสำหรับการดำรงชีพ ทำให้ครูหมดไฟและแทบไม่มีแม้แต่เวลาพัฒนาการสอน ทางแก้ไขปัญหาใน 2 ระยะ คือ 1) ระยะก่อนเป็นครู รัฐต้องทบทวนระบบการผลิตครูที่เน้นปริมาณแต่ขาดศักยภาพ เพื่อให้ครูรุ่นใหม่จบมาพร้อมตอบโจทย์กับห้องเรียนยุคปัจจุบัน และ 2) ระยะหลังเป็นครู รัฐต้องทบทวนระบบอบรมครู เน้นสร้างการอบรมที่เปิดโอกาสให้ครูเรียนรู้ในสิ่งที่ตนสนใจ ตลอดจนผลักดันให้ครูชำนาญการที่มีอายุงานเยอะ ผันตัวไปเป็นผู้ฝึกสอน (Coach) จากหมวดหมู่นโยบายการศึกษาทั้ง 13 หมวด ถูกแบ่งไปเป็นนโยบายที่เกี่ยวกับ ‘พัฒนาคุณภาพหลักสูตรและการเรียนรู้’ ไปแล้ว 8 หมวดหมู่ และมีนโยบายในหมวดเหล่านี้ถึง 71 นโยบาย หรือคิดเป็นร้อยละ 65 ของนโยบายทั้งหมดแต่ทุกพรรคไม่ได้มองการพัฒนาคุณภาพหลักสูตรและการเรียนรู้ไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งต่างจากนโยบายเรียนฟรีที่ค่อนข้างเป็นฉันทามติร่วมกัน ในรายละเอียดนโยบายข้างต้นโดยมากจะเป็นการสร้างหลักสูตรให้ตอบโจทย์ตลาดแรงงานมากขึ้นเพื่อประกันการจบมามีงานทำ เน้นสมรรถนะวิชาชีพ และทักษะชีวิต มีการเพิ่มการใช้เทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอน เทาย สกอร์ ทีเด็ดช่น อินเทอร์เนต, แท็บเล็ต, แพลตฟอร์มในการเรียนรู้ ตลอดจนการเสริมสร้างพลเมืองดิจิทัล แม้จะมีความพยายามในการปรับหลักสูตรให้เท่าทันโลกาภิวัตน์ แต่ฐานคิดของการศึกษาไทยยังคงมีปัญหาอยู่ที่การยึดติดกับความรู้มากกว่าทักษะ เกียรติอนันต์ ล้วนแก้ว อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระบุว่า ปัจจุบันกระทรวงศึกษาธิการใช้ทักษะในปี 2558 ในการจัดการศึกษา และใน 5 ปีต่อมา ทักษะบางอย่างไม่ได้ติด 10 อันดับแรกที่โลกต้องการอีกแล้ว ชี้ว่า ทุกคนต่างอยู่ในโลกที่หมุนเร็วและไม่แน่นอน ทักษะจะหมดความสำคัญและถูกผลัดใบเร็วขึ้น เกียรติอนันต์ แนะว่าเด็กทุกวันนี้ไม่ต้องเก่งทุกอย่าง แต่ต้องเก่งเรื่องนำเครื่องมือและเทคโนโลยีมาใช้ประโยชน์ และตั้งคำถามว่าระบบการศึกษาไทยในวันนี้สร้างเด็กแบบนี้หรือเปล่า หรือยังสร้างเด็กแบบเดิม ๆ มีความคิดแบบเดิมในโลกที่กำลังทิ้งเราไว้ข้างหลังเรื่อย ๆ โรงเรียนหลายภาษาก็เป็นอีกหนึ่งนโยบายที่ทางภาคประชาชนให้ความสำคัญบนเวที HACK Thailand 2023 แต่กลับยังมีจำนวนพรรคที่เสนอนโยบายค่อนข้างน้อย โดยมีเพียง 5 นโยบายจาก 4 พรรคการเมืองเท่านั้น รวมทั้งนโยบายกระจายอำนาจโรงเรียน ซึ่งมีเพียงแค่พรรคการเมืองเดียวเท่านั้นที่มองเห็นปัญหาของการรวมศูนย์ของระบบการศึกษาไทยต่างจากเวทีภาคประชาชน Post Election ชี้ให้เห็นภาคประชาชนต้องการมองเห็นถึงนโยบายการกระจายอำนาจทางการศึกษา งบประมาณด้านการศึกษา ตลอดจนการปฏิรูประบบการศึกษาไทยให้ตอบโจทย์โลกยุคปัจจุบันมากยิ่งขึ้น นโยบายการศึกษา นโยบายการศึกษา คำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2566 ถูกตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการปฏิรูปการศึกษาไม่มีความชัดเจน แม้นโยบายจะระบุนโยบายปฏิรูปการศึกษา แต่เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2566 พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ แถลงนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ แต่กลับไม่พบคำว่า ‘ปฏิรูปการศึกษา’ อยู่ในแนวนโยบาย มีเพียงการมุ่งเน้นลดภาระครูและนักเรียน จากความสับสนในเรื่อง “ปฏิรูปการศึกษา” ของรัฐบาลว่าจะดำเนินการอย่างไร ระหว่างนโยบายรัฐบาลกับนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ทำให้การปฏิรูปการศึกษากลับสู่วังวนเดิมอีกครั้ง กล่าวคือ การเปลี่ยนแปลงในระบบการศึกษาไทยเป็นไปอย่างไร้ทิศทาง และไม่ตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย การดำเนินนโยบายของรัฐบาลก็ติดกับ “รัฐบาลผสม” ที่ขาดเอกภาพทางด้านนโยบาย ในขณะที่มักจะกล่าวถึงการศึกษาไทยว่าเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ แต่ในทางปฏิบัติจริง การแก้ปัญหาในแวดวงการศึกษาไทยก็ยังคงอยู่จุดเดิม ฝ่ายการเมืองยังคงดำเนินนโยบายแต่ในเรื่องเฉพาะหน้าที่เห็นว่าได้คะแนนนิยม การปฏิรูปการศึกษา นับเป็นประเด็นที่มีการกล่าวถึงกันมากที่สุดในบรรดานโยบายสำคัญของประเทศ แต่กลับเป็นนโยบายที่ได้รับการขับเคลื่อนน้อยที่สุด ซึ่งจากนโยบายของรัฐบาลและนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาคนปัจจุบัน ชี้เห็นว่านโยบายการปฏิรูปการศึกษา เป็นนโยบายที่ท้าทายอย่างยิ่งสำคัญสังคมไทยภายใต้กระแสการเปลี่ยนแปลง อ่านข่าวอื่นๆ : หนี้สิน ที่ดินทำกิน ราคาพืชผล นโยบายรัฐบาล “ไม่เคยเปลี่ยน” นโยบายต่างประเทศของไทย ความท้าทายในโลกยุคแบ่งขั้ว-เลือกข้าง
ปัญหาการศึกษาของไทยกำลังเข้าขั้นน่าเป็นห่วง สะท้อนผ่านดัชนีชี้วัดหลายตัว ทั้งจำนวนเด็กที่หลุดจากระบบ
วันนี้ (13 ก.ย.64) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเทศบาลเมืองหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เจอน้ำท่วมขังในช่วงปลา
วันที่ 6 ม.ค.2566 เรียกได้ว่า วง Paper Planes (เปเปอร์ เพลนส์) เป็นขวัญใจเด็กๆ รุ่นฟันน้ำนม โดยเพลงท
ปัญหาการศึกษาของไทยกำลังเข้าขั้นน่าเป็นห่วง สะท้อนผ่านดัชนีชี้วัดหลายตัว ทั้งจำนวนเด็กที่หลุดจากระบบการศึกษาที่เพิ่มขึ้นเป็นปีละกว่าแสนคน ไปจนถึงคะแนนสมรรถนะนักเรียนมาตรฐานสากล (PISA) ที่ค่าเฉลี่ยคะแนนนักเรียนไทยต่ำกว่าค่าเฉลี่ยขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organisation for Economic Co-operation and Development) หรือ OECD ทั้ง 3 ด้าน คือ การอ่าน คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะด้านการอ่านที่มีคะแนนต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ส่วน ‘หลักสูตรฐานสมรรถนะ’ ที่คนในแวดวงการศึกษา พยายามผลักดันให้เกิดขึ้น เพื่อเปลี่ยนโฉมการศึกษาไทย ก้าวทันการพัฒนาในศตวรรษที่ 21 ก็ไม่สามารถเดินหน้าไปสู่เป้าหมาย รูปแบบการเรียนการสอนของโรงเรียนส่วนใหญ่ยังวนอยู่กับเนื้อหาและวิธีการเดิมๆ ที่ไม่ตอบโจทย์ทั้งการเรียนรู้และตลาดแรงงานที่เปลี่ยนแปลงไป ส่วนนโยบาย ‘พื้นที่นวัตกรรมการศึกษา’ ก็ยังไม่เห็นภาพความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน โครงสร้างประชากรไทย โครงสร้างประชากรไทย ด้าน ‘นโยบายเรียนฟรี’ ที่ถือเป็นสวัสดิการขึ้นพื้นฐาน แต่ก็กำลังถูกตั้งคำถามถึงความไม่ฟรีจริง ยังมีค่าใช้จ่ายแฝงที่มาในรูปแบบต่าง ๆ และเป็นภาระให้กับผู้ปกครอง ในขณะที่ ปัญหาครูขาดแคลน ภาระครูที่นอกเหนือจากการเรียนการสอน ก็ยังเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตก ทำให้ไม่อาจก้าวข้ามไปสู่การแก้ปัญหาการพัฒนาทักษะครูได้อย่างเต็มศักยภาพ แม้ที่ผ่านมา รัฐบาลจะพยายามทุ่มงบประมาณเพื่อไปแก้ปัญหากับการศึกษา โดยกระทรวงศึกษาเป็นกระทรวงที่ครองแชมป์ได้รับงบประมาณมากที่สุดตั้งแต่ ปี 2542 โดยข้อมูลจากสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงศึกษาธิการ ระบุว่า งบประมาณรายจ่ายด้านการศึกษาตั้งแต่ปี 2555 - 2564 อยู่ที่ 4.4 - 5.5 แสนล้านบาทต่อปี หากรวมกับภาพเอกชนจะตกประมาณ 8 แสนล้านบาท ไทยลงทุนด้านการศึกษา ไทยลงทุนด้านการศึกษา ตั้งแต่ปี 2551-2561 ประเทศไทยลงทุนรายจ่ายด้านการศึกษาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หรือคิดเป็นร้อยละ 5.77 - 5.04 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) นับว่าค่อนข้างสูงเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศในกลุ่ม OECD ซึ่งมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 4.9 ต่อ GDP แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับมาดูจะแตกต่างกับเม็ดเงินที่ลงทุนไปอย่างสิ้นเชิง นโยบายด้านการศึกษาอาจไม่ใช่นโยบายซื้อใจชาวบ้านเท่ากับปัญหาปากท้อง หรือ สุขภาพ แต่จากการสำรวจนโยบายด้านการศึกษาของ 18 พรรคการเมือง ที่มีที่นั่งในสภาฯ มีถึง 15 พรรคที่มีการนำเสนอนโยบายด้านการศึกษา รวม 110 นโยบาย โดย หมวดหมู่ “เรียนตามความต้องการ-ทันสมัย และ หมวดหมู่ ”เรียนฟรี” ล้วนแต่เป็นนโยบายที่พรรคการเมืองให้ความสำคัญ มุ่งหวังว่าจะพัฒนาหลักสูตรให้ทันสมัย ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตทั้งในและนอกห้องเรียน ส่วนนโยบายใน หมวดหมู่งบประมาณ , กระจายอำนาจโรงเรียน, โรงเรียนไร้อำนาจนิยม, เรียนตามต้องการ ทันสมัย, โรงเรียนหลายภาษา, ลดเวลาเรียน, เลือกที่เรียนตามต้องการ และ สื่อเรียนสอนทันสมัย ซึ่งมีผลโดยตรงต่อคุณภาพทางการศึกษาของเด็กไทย กลับมีจำนวนพรรคการเมืองที่เสนอเพียง 2 - 5 พรรคต่อ 1 หมวดท้ายที่สุดคือนโยบายยกระดับคุณภาพครูมีพรรคการเมืองที่เสนอเพียง 4 พรรคและมีจำนวนนโยบายเพียง 10 นโยบาย ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 9 จากจำนวนนโยบายทั้งหมด สวนทางกับเสียงสะท้อนจาก เวทีภาคประชาสังคม หน่วยงานเพื่อการศึกษา และข้อเสนอของกลุ่มประชาชนที่มองเห็นว่า การพัฒนาการศึกษาไทยต้องส่งเสริมโอกาสทางการศึกษาควบคู่ไปกับการยกระดับหลักสูตรและคุณภาพครูไปพร้อมกัน เพื่อให้การศึกษาสามารถพัฒนาทุนมนุษย์และพาคนหลุดพ้นจากความยากจนได้ ส่วนนโยบายเรียนฟรี พบว่าเสียงสะท้อนจากทางฝั่งเวทีภาคประชาชน ‘Post Election’ ซึ่งเป็นเวทีที่จัดขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ในระดับภูมิภาครวม 8 ครั้ง ก่อนเลือกตั้งใหญ่ปี 2566 พบว่ามีนโยบาย ‘เรียนฟรีที่แท้จริง และสวัสดิการด้านการศึกษาต่าง ๆ’ เนื่องจากพบว่านโยบายเรียนฟรีที่ผ่านมานั้นไม่ได้ครอบคลุมทุกสภาพปัญหาที่ทำให้เด็กไม่สามารถเข้าเรียนได้ และหวังให้มีการส่งเสริมสวัสดิการด้านการศึกษาอื่น ๆ ที่นอกเหนือไปจากการเรียนรู้ในห้องเรียน เพื่อให้การเรียนฟรีสามารถทำได้ทุกที่และทุกวัย ให้สังคมไทยเป็นสังคมของการเรียนรู้ปราศจากค่าใช้จ่ายอย่างแท้จริง ในมุมของบุคลากรทางการศึกษา นโยบายด้านการศึกษาที่พวกเขาอยากเห็นคือการพัฒนาทักษะครู จากรายงานของ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ในปี 2557 ระบุว่าใน 1 ปี ครูใช้เวลา 84 วัน จาก 200 วันในปีการศึกษา (42%) ที่ถูกใช้ไปกับงานนอกห้องเรียน ทั้งงานเอกสาร งานธุรการ งานพัสดุ การนอนเวรเฝ้าโรงเรียน การประเมิน/อบรม การเข้าร่วมโครงการที่ไม่จำเป็น ต่อมาในปี 2559 ผลสำรวจเผยว่า ครูได้เวลาคืนมา 19 วัน เหลือเวลานอกห้องเรียนที่ครูต้องใช้เพียง 65 วัน แต่จากนโยบาย 110 นโยบายด้านการศึกษาที่ถูกเสนอโดยพรรคการเมืองในสภาฯ พบว่ามีนโยบายยกระดับคุณภาพครูเพียง 10 นโยบาย จาก 4 พรรคการเมืองเท่านั้น โดยแบ่งเป็นนโยบายค่าตอบแทน-แก้หนี้ครู 3 นโยบาย และนโยบายยกระดับคุณภาพการสอนครูอีก 7 นโยบาย ถ้าพิจารณาถึงรายละเอียดจะพบว่ามีพรรคการเมืองที่เสนอให้ลดชั่วโมงการทำงานนอกเหนือการสอน-คืนครูให้ห้องเรียนเพียง 2 พรรคเท่านั้น ตอกย้ำว่าพรรคการเมืองมองเห็นถึงปัญหาภาระงานของครูนั้นมีน้อยมาก อีกมิติหนึ่ง ครูไทยยังได้รับการส่งเสริมทักษะการสอนที่ไม่ตรงจุด ทางเครือข่าย ‘ครูขอสอน’ ทำผลสำรวจด้านพื้นที่ช่วยครูเรียนรู้ในปี 2564 พบว่า พื้นที่ซึ่งทำให้ครูเกิดการเรียนรู้มากที่สุด ร้อยละ 36 คือ โครงการอื่น ๆ ตามความสมัครใจ รองลงมาร้อยละ 30 คือ บทสนทนากับเพื่อนครูในโรงเรียน และร้อยละ 26 บทสนทนากับเพื่อนครูนอกโรงเรียน ส่วนโครงการของกระทรวงศึกษาธิการและเขตพื้นที่การศึกษา ทำให้ครูเกิดการเรียนรู้เพียงร้อยละ 7 เท่านั้น ผศ. อรรถพล อนันตวรสกุล อาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สะท้อนภาพ ครูจบใหม่ต้องเผชิญกับความผันผวนในวิชาชีพ ต้องใช้พลังไปกับการปรับตัวในสภาพแวดล้อมใหม่ รับมือกับงานเอกสาร-งานประเมินครู อีกทั้งต้องรับงานสอนนอกโรงเรียนเพื่อให้ตัวเองมีเงินมากพอสำหรับการดำรงชีพ ทำให้ครูหมดไฟและแทบไม่มีแม้แต่เวลาพัฒนาการสอน ทางแก้ไขปัญหาใน 2 ระยะ คือ 1) ระยะก่อนเป็นครู รัฐต้องทบทวนระบบการผลิตครูที่เน้นปริมาณแต่ขาดศักยภาพ เพื่อให้ครูรุ่นใหม่จบมาพร้อมตอบโจทย์กับห้องเรียนยุคปัจจุบัน และ 2) ระยะหลังเป็นครู รัฐต้องทบทวนระบบอบรมครู เน้นสร้างการอบรมที่เปิดโอกาสให้ครูเรียนรู้ในสิ่งที่ตนสนใจ ตลอดจนผลักดันให้ครูชำนาญการที่มีอายุงานเยอะ ผันตัวไปเป็นผู้ฝึกสอน (Coach) จากหมวดหมู่นโยบายการศึกษาทั้ง 13 หมวด ถูกแบ่งไปเป็นนโยบายที่เกี่ยวกับ ‘พัฒนาคุณภาพหลักสูตรและการเรียนรู้’ ไปแล้ว 8 หมวดหมู่ และมีนโยบายในหมวดเหล่านี้ถึง 71 นโยบาย หรือคิดเป็นร้อยละ 65 ของนโยบายทั้งหมดแต่ทุกพรรคไม่ได้มองการพัฒนาคุณภาพหลักสูตรและการเรียนรู้ไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งต่างจากนโยบายเรียนฟรีที่ค่อนข้างเป็นฉันทามติร่วมกัน ในรายละเอียดนโยบายข้างต้นโดยมากจะเป็นการสร้างหลักสูตรให้ตอบโจทย์ตลาดแรงงานมากขึ้นเพื่อประกันการจบมามีงานทำ เน้นสมรรถนะวิชาชีพ และทักษะชีวิต มีการเพิ่มการใช้เทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการเรียนการสอน เทาย สกอร์ ทีเด็ดช่น อินเทอร์เนต, แท็บเล็ต, แพลตฟอร์มในการเรียนรู้ ตลอดจนการเสริมสร้างพลเมืองดิจิทัล แม้จะมีความพยายามในการปรับหลักสูตรให้เท่าทันโลกาภิวัตน์ แต่ฐานคิดของการศึกษาไทยยังคงมีปัญหาอยู่ที่การยึดติดกับความรู้มากกว่าทักษะ เกียรติอนันต์ ล้วนแก้ว อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระบุว่า ปัจจุบันกระทรวงศึกษาธิการใช้ทักษะในปี 2558 ในการจัดการศึกษา และใน 5 ปีต่อมา ทักษะบางอย่างไม่ได้ติด 10 อันดับแรกที่โลกต้องการอีกแล้ว ชี้ว่า ทุกคนต่างอยู่ในโลกที่หมุนเร็วและไม่แน่นอน ทักษะจะหมดความสำคัญและถูกผลัดใบเร็วขึ้น เกียรติอนันต์ แนะว่าเด็กทุกวันนี้ไม่ต้องเก่งทุกอย่าง แต่ต้องเก่งเรื่องนำเครื่องมือและเทคโนโลยีมาใช้ประโยชน์ และตั้งคำถามว่าระบบการศึกษาไทยในวันนี้สร้างเด็กแบบนี้หรือเปล่า หรือยังสร้างเด็กแบบเดิม ๆ มีความคิดแบบเดิมในโลกที่กำลังทิ้งเราไว้ข้างหลังเรื่อย ๆ โรงเรียนหลายภาษาก็เป็นอีกหนึ่งนโยบายที่ทางภาคประชาชนให้ความสำคัญบนเวที HACK Thailand 2023 แต่กลับยังมีจำนวนพรรคที่เสนอนโยบายค่อนข้างน้อย โดยมีเพียง 5 นโยบายจาก 4 พรรคการเมืองเท่านั้น รวมทั้งนโยบายกระจายอำนาจโรงเรียน ซึ่งมีเพียงแค่พรรคการเมืองเดียวเท่านั้นที่มองเห็นปัญหาของการรวมศูนย์ของระบบการศึกษาไทยต่างจากเวทีภาคประชาชน Post Election ชี้ให้เห็นภาคประชาชนต้องการมองเห็นถึงนโยบายการกระจายอำนาจทางการศึกษา งบประมาณด้านการศึกษา ตลอดจนการปฏิรูประบบการศึกษาไทยให้ตอบโจทย์โลกยุคปัจจุบันมากยิ่งขึ้น นโยบายการศึกษา นโยบายการศึกษา คำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2566 ถูกตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการปฏิรูปการศึกษาไม่มีความชัดเจน แม้นโยบายจะระบุนโยบายปฏิรูปการศึกษา แต่เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2566 พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ แถลงนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ แต่กลับไม่พบคำว่า ‘ปฏิรูปการศึกษา’ อยู่ในแนวนโยบาย มีเพียงการมุ่งเน้นลดภาระครูและนักเรียน จากความสับสนในเรื่อง “ปฏิรูปการศึกษา” ของรัฐบาลว่าจะดำเนินการอย่างไร ระหว่างนโยบายรัฐบาลกับนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ทำให้การปฏิรูปการศึกษากลับสู่วังวนเดิมอีกครั้ง กล่าวคือ การเปลี่ยนแปลงในระบบการศึกษาไทยเป็นไปอย่างไร้ทิศทาง และไม่ตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย การดำเนินนโยบายของรัฐบาลก็ติดกับ “รัฐบาลผสม” ที่ขาดเอกภาพทางด้านนโยบาย ในขณะที่มักจะกล่าวถึงการศึกษาไทยว่าเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ แต่ในทางปฏิบัติจริง การแก้ปัญหาในแวดวงการศึกษาไทยก็ยังคงอยู่จุดเดิม ฝ่ายการเมืองยังคงดำเนินนโยบายแต่ในเรื่องเฉพาะหน้าที่เห็นว่าได้คะแนนนิยม การปฏิรูปการศึกษา นับเป็นประเด็นที่มีการกล่าวถึงกันมากที่สุดในบรรดานโยบายสำคัญของประเทศ แต่กลับเป็นนโยบายที่ได้รับการขับเคลื่อนน้อยที่สุด ซึ่งจากนโยบายของรัฐบาลและนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาคนปัจจุบัน ชี้เห็นว่านโยบายการปฏิรูปการศึกษา เป็นนโยบายที่ท้าทายอย่างยิ่งสำคัญสังคมไทยภายใต้กระแสการเปลี่ยนแปลง อ่านข่าวอื่นๆ : หนี้สิน ที่ดินทำกิน ราคาพืชผล นโยบายรัฐบาล “ไม่เคยเปลี่ยน” นโยบายต่างประเทศของไทย ความท้าทายในโลกยุคแบ่งขั้ว-เลือกข้าง
ปัญหาการศึกษาของไทยกำลังเข้าขั้นน่าเป็นห่วง สะท้อนผ่านดัชนีชี้วัดหลายตัว ทั้งจำนวนเด็กที่หลุดจากระบบ
สิ่งอำนวยความสะดวก
การตกแต่ง
เครื่องปรับอากาศ
ชั้นบน
เตาอบ/ไมโครเวฟ
ความสะดวกโดยรอบ
กล้องวงจรปิด
เครืองปรับอากาศ
โถงรอลิฟท์ร้านอาหาร
ทางเข้าหลัก
ยอดสินเชื่อโดยประมาณ
รายละเอียดสินเชื่อ
ยอดสินเชื่อที่ต้องชำระต่อเดือนโดยประมาณ
฿ 0 / เดือน
฿ 0 เงินต้น
฿ 0 ดอกเบี้ย
ค่าใช้จ่ายที่อาจต้องมีเบื้องต้น
เงินดาวน์ทั้งหมด
฿ 0
เงินดาวน์
จำนวนสินเชื่อ ฿ 0 ในอัตรา 0% ของสินเชื่อต่อราคาบ้าน (Loan-to-value)
Kota Padang– Kota Padang dan sekitarnya didominasi

Tim Penggerak Pemberdayaan dan Kesejahteraan Keluarga Provinsi Papua Tengah berbagi kasih bersama sedikitnya 323 anak panti asuhan di wilayah Nabire. Kegiatan dihelat dalam rangka menyambut Natal dan
ดูรายละเอียดโครงการคำถามที่พบบ่อย
olehKamran Dikrama, Antara Menteri Kesehatan (Menkes) Budi Gunadi Sadikin menegaskan, bahwa dirinya
Kementerian Pertanian (Kementan) terus memaksimalkan lahan perkebunan sebagai lokasi tanam padi gogo
LOS ANGELES -- Suara-suara pro-Palestina mendesak aktor Hollywood James Woods (77 tahun) untuk mempe
Panglima TNI Jenderal Agus Subiyanto menyampaikan, sebanyak 2.820 orang prajurit dari Mabes TNI, Ang
olehBambang Noroyono, Antara Menteri Koordinator Bidang Politik, Hukum, dan Keamanan (Menko Polhukam
ค้นหาประกาศอื่นรอบๆ ทุ่งพญาไท
จากสิ่งที่คุณค้นหา คุณอาจจะสนใจตัวเลือกต่อไปนี้
scg9 สล็อตสล็อต แจก เครดิต ฟรี ไม่ ต้อง ฝาก 2562
สล็อต ชาบู 101 รีวิว