วันที่ 18 ธ.ค.2566 น.ส.ปารมี ไวจงเจริญ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลง Policy Watch นโยบายการศึกษา

งาน Pride 2025  เทศกาลเฉลิมฉลองความหลากหลายทางเพศและความเท่าเทียมที่มีสีสันที่สุดในโลก ซึ่งจัดขึ้นในหลายเมืองทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ปีนี้ยิ่งพิเศษกว่าเดิม กับกฎหมายสมรสเท่าเทียมที่เริ่มใช้จริงแล้ว แล

วันที่ 18 ธ.ค.2566 น.ส.ปารมี ไวจงเจริญ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลง Policy Watch นโยบายการศึกษา หัวข้อ “วิกฤติการศึกษาไทย แก้ไขแบบไม่แก้ไข” ว่า ช่วงเดือนที่ผ่านมา เกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับเรื่องการศึกษาหลายประเด็นในโลกออนไลน์ แต่ผู้มีอำนาจโดยเฉพาะผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ มักออกมาพูดถึงปัญหาแบบขอไปที เพียงเพื่อลดกระแส เหมือนแก้ไขแต่ไม่แก้ไข ส่งผลให้ปัญหาเกี่ยวกับการศึกษาเป็นปัญหาเรื้อรังมาโดยตลอด ตนจึงแถลงเพื่อจับตาการดำเนินนโยบายด้านการศึกษา ทั้งหมด 3 ประเด็น ทั้งนี้ที่ผ่านมาประเทศไทยไม่มีการเปิดเผยข้อสอบ ไม่ว่าจะเป็น TGAT หรือ TPAT หรือ A-level จึงเปิดช่องให้เกิดความไม่โปร่งใส หลังจากนักเรียนที่เข้าสอบมีการจำคำถามและคำตอบ เพื่อแชร์ข้อสอบร่วมกัน พบว่า ข้อสอบที่จำมาตรงกับข้อสอบ BMAT ประมาณ 8-11 ข้อ จาก 45 ข้อ ซึ่งถือว่าค่อนข้างเยอะ โดยข้อสอบ TPAT1 มีค่าธรรมเนียมสอบประมาณคนละ 800 บาท มีผู้เข้าสอบราว 60,000 คน กลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (กสพท.) ในฐานะผู้ออกข้อสอบได้เงินประมาณ 48 ล้านบาท แต่กลับออกข้อสอบที่ไม่ได้มาตรฐาน ตนจึงขอเรียกร้องให้ กสพท. ตอบคำถามประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มนักเรียนและผู้ปกครอง น.ส.ปารมีกล่าวว่า ประเด็นต่อมา คือปัญหาคะแนน PISราคา หวย ลาว 2 ตัวA ที่ต่ำสุดในรอบ 20 ปี เมื่อลองดูข้อสอบของ PISA เทียบกับหลักสูตรการเรียนการสอนและตำราเรียนต่าง ๆ ของเด็กไทย จะพบว่าไม่ตรงกัน สะท้อนว่าหลักสูตรแกนกลางในปัจจุบันมีปัญหา 8 กลุ่มสาระที่นักเรียนไทยต้องเรียน ไม่ตอบโจทย์การศึกษาในยุคปัจจุบัน ไม่สามารถนำมาใช้จริงในชีวิตประจำวัน กระทั่งไม่ช่วยในการทำข้อสอบ PISA ทั้งที่เด็กไทยเรียนหนัก 1,200 ชั่วโมงต่อปี แต่เมื่อดูคะแนนสอบต่าง ๆ จะพบว่า คะแนนตกต่ำกว่ามาตรฐาน ขณะที่ท่าทีของกระทรวงศึกษาธิการ มักออกมารับลูก สั่งการให้ไปดูตรงนั้นตรงนี้ แต่ไม่เคยแก้ไขลงลึกไปถึงต้นตอ จึงขอให้ประชาชนช่วยกันส่งเสียงไปยังผู้บริหารที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ว่าหลักสูตรที่เน้นท่องจำ ไม่ต่อยอดไปสู่การคิดวิเคราะห์ ถึงเวลาแล้วที่ต้องปรับเปลี่ยน ทางออกที่พรรคก้าวไกลและนักวิชาการจำนวนมากเห็นตรงกัน คือการใช้หลักสูตรฐานสมรรถนะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวต่อว่า คะแนน PISA ยังสะท้อนปัญหาความเหลื่อมล้ำที่สูงมากของการศึกษาไทย เพราะเมื่อจำแนกคะแนนตามกลุ่มโรงเรียน จะพบว่าโรงเรียนที่เน้นด้านวิทยาศาสตร์และโรงเรียนสาธิต ซึ่งผู้มีโอกาสเข้าเรียนส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชนชั้นกลาง มีคะแนนเฉลี่ยสูงกว่ามาตรฐานขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ในขณะที่โรงเรียนกลุ่มอื่นมีคะแนนต่ำกว่า จึงเห็นได้ว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ทักษะในการคิดวิเคราะห์ ต้องมาพร้อมกับปากท้องอิ่ม การจะแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา จึงต้องแก้ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจควบคู่กัน แยกกันไม่ได้ ประเด็นสุดท้าย คือความท้าทายในโรงเรียนขนาดเล็กและโรงเรียนขยายโอกาส ที่มักมีปัญหาด้านงบประมาณและภาระงานของครู ตั้งแต่งานสอน งานเอกสาร จนถึงงานนอนเวรที่ดึงครูออกจากห้องเรียน เรื่องนี้สามารถแก้ไขได้หาก รมว.ศึกษาธิการ ค้นหาว่าอะไรเป็นภาระนอกเหนืองานสอน และลงนามในประกาศหรือระเบียบของกระทรวง พร้อมกันนี้ น.ส.ปารมีเสนอแนวทางแก้ปัญหาทั้งหมด 10 ข้อ ซึ่งมาจากคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาแนวทางแก้ปัญหาโรงเรียนขนาดเล็กของสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 25 ที่มี น.ส.กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ เป็นรองประธาน และ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร เป็นรองประธานร่วม ข้อเสนอนี้ผ่านมา 3 ปี แต่ผู้บริหารกระทรวงยังไม่ขยับเอาไปใช้จริง 1.จัดสรรงบประมาณให้โรงเรียนขนาดเล็กให้แตกต่างไปจากปัจจุบันที่ใช้ “เงินอุดหนุนรายหัว” เนื่องจากโรงเรียนขนาดเล็กมีนักเรียนจำนวนน้อย โดยอาจใช้เกณฑ์มาตรฐานคุณภาพขั้นต่ำของโรงเรียน (Fundamental School Quality Level: FSQL) ตามระบบของธนาคารโลกซึ่งเคยใช้ที่เวียดนาม เรื่องนี้ต้องเปลี่ยนทันที 2.เพิ่มแรงจูงใจให้ครู เช่น ความก้าวหน้าในอาชีพ การประเมินวิทยฐานะที่ต้องแตกต่างออกไป 3.จัดครูธุรการและภารโรงให้ครบทุกโรงเรียน และเกลี่ยอัตรากำลังครูให้เหมาะสม 4.ปรับเปลี่ยนรูปแบบการสอนให้ยืดหยุ่น เพราะนักโรงเรียนขนาดเล็กนักเรียนมีความพร้อมแตกต่างกัน 5.จัดหาสื่อการเรียนที่เหมาะสมและนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการจัดการเรียนการสอน6.ปรับหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกและแต่งตั้งผู้อำนวยการโรงเรียน พร้อมสร้างระบบรับผิดชอบของ ผอ. เช่น มีการประกาศสู่ชุมชนรอบข้างว่าจะพัฒนาโรงเรียนขนาดเล็กภายในกี่ปี มีระบบตรวจสอบว่า ผอ. ทำได้จริงตามที่สัญญามากน้อยแค่ไหน7.แก้กฎหมายและกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็ก8.ปรับระบบการผลิตและการพัฒนาครู 9.ให้ชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา10.ถ้าจำเป็นต้องยุบหรือควบรวมโรงเรียน รัฐต้องจัดหาสิ่งจำเป็นพื้นฐานให้นักเรียน เช่น รถรับส่ง คูปองค่าเดินทาง ทั้งนี้ ต้องมีการสอบถามความเห็นจากชุมชน ส่วนโรงเรียนขนาดเล็กในพื้นที่ห่างไกลของชุมชน (Small Protected Schools) เช่น อยู่บนเกาะหรือบนภูเขา อาจจำเป็นต้องมีอยู่ แต่รัฐต้องเสริมทรัพยากรเพื่อให้สามารถจัดการศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วันนี้ (26 พ.ย.2565) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้ให้ความสนใจติดตามพัฒนาการความสามารถของนักกีฬาไทยและเยาวชนไทยที่