พญ.โชษิตา ภาวสุทธิไพศิฐ จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า จากผลสำรวจเด
วันที่ 14 ก.ย.2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 234-2566 เรื่องแต่งตั้งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี โดยมีรายละเอียดว่า เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดิน และการขับเคลื่อนงา
พญ.โชษิตา ภาวสุทธิไพศิฐ จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า จากผลสำรวจเด็กถูกรังแกในโรงเรียนช่วงก่อนสถานการณ์โควิด-19 พบว่า เด็กถูกรังแกทางร่างกายและจิตใจ ร้อยละ 20-30 และรู้สึกไม่ปลอดภัยเมื่ออยู่ในโรงเรียน หากพิจารณาช่วงหลังจากสถานการณ์โควิด-19 คาดการณ์ว่ามีแนวโน้มสูงขึ้น เพราะเมื่อเด็กกลับเข้าสู่การเรียนปกติ ทางโรงเรียนให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพจิตของเด็กน้อยมาก หากแบ่งประเภทเด็กและเยาวชนถูกกลั่นแกล้งรังแกจะแบ่งเป็น 4 ด้าน คือ 1.การใช้กำลังหรือการทำร้ายร่างกาย เช่น ตบ ตี ชก ต่อย การข่มขู่, 2.การใช้คำพูด ทำร้ายความรู้สึก เช่น วิพากษ์วิจารณ์ ล้อเลียน, 3.การรังแกทางสังคม เช่น กดดันให้ออกจากกลุ่ม กีดกันไม่ให้เข้ากลุ่ม และ 4.การรังแกทางโลกออนไลน์ ผ่านการใช้แอปพลิเคชันต่างๆ เป็นการกลั่นแกล้งในวงกว้างที่รุนแรงมากกว่าในรั้วโรงเรียน ขณะที่การกลั่นแกล้งรังแกในโรงเรียนเกิดขึ้นกับเด็กที่มีอายุต่ำลงเรื่อยๆ ล่าสุดพบการกลั่นแกล้งตั้งแต่เด็กระดับชั้นอนุบาเกมสล็อต เครดิตฟรีฟรีล สำหรับช่วงอายุที่มีการรังแกกันมากที่สุดจะอยู่ในช่วงประถมศึกษาตอนปลาย หรือมัธยมศึกษาตอนต้น เพราะช่วงวัยก่อนเข้าสู่วัยรุ่น เด็กต้องการสังคมเพื่อน หากไม่ได้รับการยอมรับหรือรู้สึกไม่เป็นส่วนหนึ่ง จะทำให้ส่งผลกระทบด้านจิตใจรุนแรง พญ.โชษิตา ระบุว่า เด็กที่เผชิญกับเหตุการณ์ถูกกลั่นแกล้งต้องรู้จักอารมณ์ของตัวเองและจัดการอารมณ์ที่ไม่ดีของตัวเอง ขณะเดียวกันต้องทำให้เพื่อนรับรู้ว่าสิ่งที่ทำนั้นไม่ถูกต้อง เช่น ต้องบอกเพื่อนว่าไม่ชอบที่เพื่อนทำแบบนี้ นอกจากแนวทางแก้ปัญหาในเด็กแล้ว ผู้ปกครองต้องเรียนรู้เด็กว่ามีทักษะด้านสังคมหรือการแก้ปัญหาอย่างไร เมื่อต้องเผชิญกับปัญหาหรือสถานการณ์ต่างๆ เพราะการแก้ปัญหาของเด็กแต่ละคนแตกต่างกัน การเพิ่มทักษะชีวิตให้กับเด็กเพื่อการเอาตัวรอด รู้จักวิธีการแก้ปัญหาและรู้ว่าตัวเองได้รับการยอมรับจะช่วยส่งเสริมคุณค่าของตัวเองได้ พญ.โชษิตา ภาวสุทธิไพศิฐ จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น พญ.โชษิตา ภาวสุทธิไพศิฐ จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น พญ.โชษิตา ระบุอีกว่า บางสถานการณ์ เด็กแก้ปัญหาเองไม่ได้ จึงต้องมีผู้ใหญ่เข้ามาช่วยแก้ปัญหา ซึ่งการจัดการในโรงเรียนเป็นเรื่องสำคัญมาก ต้องประกาศว่าไม่ยอมรับการใช้ความรุนแรงในโรงเรียนหรือในสังคม และต้องมีกระบวนการจัดการ เช่น ช่องทางการขอความช่วยเหลือเมื่อเด็กเกิดปัญหา หรือเมื่อเด็กบอกว่าถูกกลั่นแกล้ง ครูหรือผู้ปกครองต้องให้ความสำคัญก่อน โดยวิธีการจัดการนั้นไม่ใช่การตำหนิหรือลงโทษ แต่เป็นการช่วยกันดูแลกัน เพื่อนช่วยเพื่อน มีระบบครูช่วยเด็ก เป็นสิ่งที่ต้องทำงานไปพร้อมกัน ทั้งนี้ จากปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นในโรงเรียนที่ปัจจุบันพบบ่อยครั้ง จึงเสนอภาครัฐให้ความสำคัญทั้งระบบนโยบาย ระดับโรงเรียน ระดับสังคม ต้องทำความเข้าใจเรื่องการรังแกกัน เพราะการรังแกกันเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้ความรุนแรงเมื่อเด็กเติบโตขึ้น ข่าวที่เกี่ยวข้อง จิตแพทย์ห่วงสภาพจิต "เด็ก" เครียดยาว แนะหยุดบูลลีในโรงเรียน “เรื่องของผัว-เมีย คนอื่นอย่ามายุ่ง” วาทกรรมรุนแรงในครอบครัว
วันนี้ (22 ธ.ค.2564) เจ้าหน้าที่ชุดประดาน้ำ มูลนิธิป่อเต็กตึ้ง ลงค้นหาร่างของ ส.ต.ท.ปภาวิน จันทร์แก้ว ผู้บังคับหมู่งานควบคุมจราจรทางด่วน 2 สน.ทางด่วน 2 อายุ 28 ปี ภายในบึงมักกะสัน ย่านดินแดง หลังจากเก