Home
|
100 รับ Ÿä,,,”150 pg

100 รับ 150 pgว💌ั🍕นนี้ ( 19 ก.พ. 2568) 🍕เว็บไซต์ 🤔“ฮั่ว📸เซ่งเฮง” ว🧩ิเค

100 รับ Ÿä,,,”150 pg

"บิ๊กโจ๊ก" หมดหวังลุ้นเก้าอี้ ผบ.ตร. คนที่ 15 หลัง ก.พ.ค.ตร. ยกอุทธรณ์ชี้คำสั่งให้ออกฯ ชอบด้วยกฎหมาย หลังคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 178/2567 ลงวันที่ 18 เมษายน พ.ศ.2567 เป็นคำสั่งที่ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ วิธีการ ที่กฎหมาย และ กฎ ก.ตร. กำหนดและเป็นการใช้ดุลยพินิจที่เหมาะสม จึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย "วินิจฉัยยกอุทธรณ์และยกคำขอกำหนดวิธีการชั่วคราวของผู้อุทธรณ์" นี่คือ ข้อยุติ การอุทธรณ์คำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ที่Ÿä พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ หรือ ก.พ.ค.ตร. ให้พิจารณาและวินิจฉัยเพิกถอนคำสั่ง เพราะเห็นว่า เป็นการออกคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะต่อให้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองสูงสุดภายใน 90 วัน ตามสิทธิก็เป็นกระบวนการพิจารณาที่ใช้เวลาค่อนข้างนาน อย่างน้อยคือ 2 ปี และยังต้องรอลุ้นผลคำพิพากษาของศาลอีกชั้นหนึ่งด้วยว่า จะออกมาในทิศทางที่เป็นคุณต่อตัวเองหรือไม่ ตรงกันข้ามกับสถานการณ์ของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ที่มีสิทธิเข้ˆาชิง ผบ.ตร.คนต่อไป พ่วงด้วยอาวุโสลำดับที่ 1 การแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนที่ 15 คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงต้นเดือน ต.ค.นี้ หลังวันที่ 5 โดยยึดตามประกาศ กฎ ก.ตร. ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจปี พ.ศ.2567 ที่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อ 5 เม.ย.2567 โดยจะมีผลบังคับ 180 วันให้หลัง ที่มีประกาศฯ กรรมการเจ้าของสำนวนได้แสวงหาข้อเท็จจริง ตามอำนาจหน้าที่ และ กฎ ก.พ.ค.ตร.ว่าด้วยอุทธรณ์และการพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์ พ.ศ.2567 โดยใช้เวลาประมาณ 3 เดือน นับจากวันที่ประธาน ก.พ.ค.ตร. จำหน่ายคดีให้รับผิดชอบ ในช่วงปลายเดือน เม.ย. หลังการยื่นคำร้องของพล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ในวันที่ 25 เม.ย.2567 €ƒ30 ก.ค. คือ วันที่คู่กรณีอุทธรณ์ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ผู้ลงนามคำสั่งให้ออกจากราชการฯ ด้วยอำนาจรักษาราชการแทน ผบ.ตร. เข้าชี้แจงด้วยวาจาต่อ ก.พ.ค.ตร. 6 คน ซึ่งนั่นคือ การชี้แจงครั้งสุดท้าย ก่อนที่คณะกรรมการฯ จะประชุมพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์ รวม 3 นัด กระทั่งมีผลวินิจฉัย "ยกอุทธรณ์" ข้อเท็จจริงตามอุทธรณ์ คำขอคุ้มครอ100 รับ 150 pgงชั่วคราว คำชี้แจงของผู้อุทธรณ์ คำแก้อุทธรณ์ของคู่กรณีในอุทธรณ์ คำชี้แจงและเอกสารที่เกี่ยวข้องของคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย และการแถลงด้วยวาจาของคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายรับฟังได้ว่า "ผู้อุทธรณ์ได้ถูกกล่าวหาว่า กระทำความผิดอาญา และถูกตั้งกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง คู่กรณีในอุทธรณ์ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาผู้ออกคำสั่งอาศัยอำนาจ ตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 มาตรา 105, มาตรา 107, มาตรา 131 และมาตรา 17&#;9 ประกอบ กฎ ก.ตร. ว่าด้วยการสั่งพักราชการและให้ออกจากราชการไว้ก่อน พ.ศ.2547 ออกคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน" สาระสำคัญในเอกสารเผยแพร่ ได้บรรยายการใช้อำนาจอย่างถูกต้อง ของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เอาไว้ด้วย หากขยายความให้ละเอียดมากขึ้น คือ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ใช้อำนาจในฐานะรักษาราชการแทน ผบ.ตร. เป็นไปตาม พ.ร.บ.ตำรวจฯ 65 มาตรา 105 ขณะที่ พ.ร.บ.ตำรวจฯ 65 มาตรา 131 ข้าราชการตำรวจผู้ใดมีกรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง จนถูกตั้งกรรมการสอบสวนหรือต้องหาว่า กระทำความผิดอาญาหรือถูกฟ้องคดีอาญา ผู้มีอำนาจตามมาตรา 105 อันหมายถึงผู้ที่รักษาราชการแทนผู้บังคับบัญชา มีอำนาจสั่งพักราชการหรือสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อรอผลการสอบสวนพิจารณาทางวินัยได้ โดยให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดใน กฎ ก.ตร. ซึ่งปัจจุบัน ก.ตร. ยังไม่ได้ออกกฎ ในเรื่องดังกล่าว ตามมาตร 179 แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจฯ 65 ได้บัญญัติรองรับไว้ว่า ในระหว่างที่ไม่ได้ออกกฎ ก.ตร. ให้นำ กฎ ก.ตร. ซึ่งยังใช้อยู่เดิมมาบังคับใช้เท่าที่ไม่ขัดแย้งกับพระราชบัญญัตินี้ ด้วยเหตุนี้การดำเนินการเกี่ยวกับการสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน จึงจำเป็นต้องดำเนินการตามกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการสั่งพักราชการและการสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน พ.ศ.2547 ที่ออกโดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.ตำรวจฯ 47 นั่นเอง คณะกรรมการฯ ได้ส่งคำวินิจฉัยไปให้ผู้อุทธรณ์และคู่กรณีในอุทธรณ์ทราบ ซึ่งปรากฏหลักฐาน ว่า "คู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายได้รับคำวินิจฉัยแล้ว" หาก พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ผู้อุทธรณ์ ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของ ก.พ.ค.ตร. ยังมีสิทธิ์ฟ้องคดีต่อศาลปกครองสูงสุดได้ภายใน 90 วันนับ แต่วันที่ทราบหรือถือว่าทราบคำวินิจฉัยนี้ ทันทีที่ ก.พ.ค.ตร. เปิดเผยผลวินิจฉัย ก็มีความเคลื่อนไหวจากคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ซึ่งจะมีการประชุมคณะกรรมการในสัปดาห์หน้า เพื่อพิจารณากำหนดนัด พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ พร้อมพวกรวม 5 คน ให้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหา ในความผิดฐาน สมคบกันกระทำความผิด ฐานฟอกเงินและเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน ตามที่สมคบกัน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบ›ç”ปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 สำหรับการดำเนินการทางวินัย ตาม พ.ร.บ.ตำรวจฯ 65 มาตรา 125 ข้าราชการตำรวจผู้ใดกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ให้ผู้มีอำนาจตามมาตรา 105 สั่งลงโทษปลดออกหรือไล่ออกตามความร้ายแรงแห่งกรณี ถ้ามีเหตุอันควรลดหย่อนจะนำมาประกอบการพิจารณาลงโทษก็ได้ แต่ห้ามมิให้ลดโทษต่ำกว่าปลดออก ผู้ถูกลงโทษปลดออกตามมาตรานี้ ให้มีสิทธิได้รับบำเหน็จบำนาญเสมือนว่า ผู้นั้นลาออกจากราชการ คณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง มี พล.ต.อ.สราวุฒิ การพานิช รอง ผบ.ตร. เป็น ประธานฯ ว่ากันตามตรง ผลของการพิจารณาโทษทางวินัยร้ายแรง ย่อมส่งผลกระทบต่อ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ได้มากกว่า ผลวินิจฉัยยกอุทธรณ์ ของ ก.พ.ค.ตร. เพราะหากผลออกมาเป็นลบ โทษทัณฑ์ที่จะได้รับ ย่อมส่งผลต่อเกียรติประวัติชีวิตข้าราชการตำรวจตลอด 30 ปี ของ "บิ๊กโจ๊ก" อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ รายงานพิเศษ : กิตติพร บุญอุ้ม ผู้สื่อข่าวอาชญากรรม ไทยพีบีเอส