Pasukan militer Israel melakukan serangan ke wilay

เมื่อวันที่ 11 ม.ค.2566 ที่ตลาดร่มหุบ จ.สมุทรสงคราม มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางมาท่องเที่ยวมากขึ้น นอกจากชาวจีนแล้ว ยังมีต่างชาติเดินทางมาเที่ยวเช่นกัน ขณะที่พ่อค้าแม่ค้า บอกว่าหากมีนักท่องเที่ยวชาวจ
หลังจากออกเดินทางไปตั้งแต่คืนวันเสาร์ที่ผ่านมา (27 พ.ค.2566) ขณะนี้นักตบสาวไทยทั้ง 14 คน ก็ได้ลงฝึกซ้อมในสนามจริง ในเมืองอันตัลย่า ประเทศตุรกี แล้ว ขณะนี้ นักวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ทั้ง "กัปตันแป้น"
กรมบัญชีกลางแจงเบิกเงินค่ารักษา รพ.เอกชน ทำได้ 4 กรณี หากไม่เข้าเกณฑ์ต้องจ่ายเองทั้งหมด กรมบัญชีกลางแจงหลักเกณฑ์การเบิกค่ารักษาจากสถานพยาบาลเอกชน ทำได้ 4 กรณี ใน 30 โรงพยาบาลตามที่ระบุ ได้แก่ กรณีวิกฤต-เร่งด่วน ได้คืนตามส่วนที่เบิกได้ หากฉุกเฉินไม่รุนแรงเบิกได้ครึ่งหนึ่งไม่เกิน 8,000 บาท ที่เหลือคือล้างไต รังสีรักษา และนัดผ่าตัดล่วงหน้า เผยเตรียมขยายโรงพยาบาลเข้าร่วมอีก 100 แห่ง กรมบัญชีกลางแจงเบิกเงินค่ารักษา รพ.เอกชน ทำได้ 4 กรณี หากไม่เข้าเกณฑ์ต้องจ่ายเองทั้งหมด จากกรณี มีการเผยแพร่ข้อมูลรายชื่อสถานพยาบาลของเอกชนที่เข้าร่วมโครงการกับกรมบัญชีกลางโดยไม่มีรายละเอียดประกอบใดๆ ซึ่งทำให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลดังกล่าว มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง รวมทั้งอาจจะเข้าใจผิดว่าสามารถเบิกจ่ายค่ารักษาจากสถานพยาบาลของเอกชนดังกล่าวได้ทุกกรณี วันนี้ (16 ก.ค.2558) นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า เกณฑ์การเบิกค่ารักษาจากสถานพยาบาลเอกชนสามารถเบิกได้ 4 กรณีเท่านั้น คือ 1.การเบิกค่ารักษาพยาบาลกรณีฉุกเฉิน สามารถเบิกค่ารักษาได้ในโรงพยาบาลเอกชนทุกแห่งในกรณีวิกspin999 v1slotxo mafiaฤต (สีแดง) และกรณีเร่งด่วน (สีเหลือง) โดยอิงเกณฑ์การคัดแยกผู้ป่วยฉุกเฉินตาม พ.ร.บ.การแพทย์ฉุกเฉิน ซึ่งในทางปฏิบัติโรงพยาบาลจะเก็บเงินจากคนไข้ไว้ก่อน แล้วส่งข้อมูลค่าใช้จ่ายผู้ป่วยทุกสิทธิในระบบ EMCO ให้ สปสช.ตรวจสอบ หากเข้าข่ายวิกฤต/เร่งด่วนค่อยเรียกเก็บจากหน่วยงานของผู้มีสิทธิโดยจ่ายตามระบบ DRGs เมื่อได้เงินจาก Clearing house แล้ว จึงคืนเงินส่วนที่เบิกได้ให้แก่คนไข้ 2. การเบิกค่ารักษาพยาบาลกรณีฉุกเฉินไม่รุนแรง (สีเขียว) หรือเป็นกรณีที่ไม่เข้าเกณฑ์ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตหรือฉุกเฉินเร่งด่วน กรมบัญชีกลางกำหนดให้นำบิลค่ารักษามาเบิกจากต้นสังกัด โดยสามารถเบิกได้ครึ่งหนึ่งของเงินจ่ายจริงแต่ไม่เกิน 8,000 บาท และสามารถเบิกค่าห้องค่ารวมถึงอาหารได้วันละ 1,000 บาท และเบิกค่าอุปกรณ์บำบัดรักษาโรคฯ ได้ตามที่กระทรวงการคลังกำหนดไว้ 3. การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลกรณีส่งต่อ สามารถเบิกได้ 2 กรณี คือ การล้างไต หรือ รังสีรักษา โดยต้องเป็นคนไข้นอกและต้องเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมโครงการเบิกตรงกับกรมบัญชีกลางตามรายชื่อที่ประกาศในเว็บไซต์ของกรม ในหัวข้อสวัสดิการรักษาพยาบาล และ 4. การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลกรณีนัดผ่าตัดล่วงหน้า โดยต้องเป็นคนไข้ในของสถานพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งขณะนี้มีทั้งหมด 30 แห่ง และการนัดผ่าตัดล่วงหน้าเฉพาะโรคที่กำหนดไว้ตามรายการโรค/หัตถการ ที่ประกาศในเว็บไซต์กรม เช่น การผ่าตัดถุงน้ำดีแบบผ่านกล้อง การผ่าตัดไส้เลื่อน การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า การผ่าตัดต้อหิน การรักษาภาวะแทรกซ้อนโดยตรงจากการรักษาครั้งก่อน เป็นต้น “การเบิกค่ารักษาพยาบาลของราชการจากสถานพยาบาลของเอกชน ถ้านอกเหนือจากที่กล่าวข้างต้น ผู้เข้ารับบริการต้องชำระค่าใช้จ่ายเอง ด้านข้าราชการ ผู้รับบำนาญ หรือบุคคลในครอบครัวที่มีสิทธิเบิกค่ารักษาพยาบาล ไม่แน่ใจว่าข้อมูลดังกล่าวเชื่อถือได้หรือไม่ สอบถามได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-2273-6400 หรือ 0-2271-7000 ต่อ 4441” อธิบดีกรมบัญชีกลางระบุ และกล่าวด้วยว่า กรมบัญชีกลางเตรียมขยายการให้บริการกรณีนัดผ่าตัดล่วงหน้าของสถานพยาบาลเอกชน อีกกว่า 100 แห่ง คาดว่าจะประกาศให้ทราบและสามารถเข้าใช้บริการได้ในเร็วๆ นี้ จากกรณี มีการเผยแพร่ข้อมูลรายชื่อสถานพยาบาลของเอกชนที่เข้าร่วมโครงการกับกรมบัญชีกลางโดยไม่มีรายละเอียดประกอบใดๆ ซึ่งทำให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลดังกล่าว มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง รวมทั้งอาจจะเข้าใจผิดว่าสามารถเบิกจ่ายค่ารักษาจากสถานพยาบาลของเอกชนดังกล่าวได้ทุกกรณี วันนี้ (16 ก.ค.2558) นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า เกณฑ์การเบิกค่ารักษาจากสถานพยาบาลเอกชนสามารถเบิกได้ 4 กรณีเท่านั้น คือ 1.การเบิกค่ารักษาพยาบาลกรณีฉุกเฉิน สามารถเบิกค่ารักษาได้ในโรงพยาบาลเอกชนทุกแห่งในกรณีวิกฤต (สีแดง) และกรณีเร่งด่วน (สีเหลือง) โดยอิงเกณฑ์การคัดแยกผู้ป่วยฉุกเฉินตาม พ.ร.บ.การแพทย์ฉุกเฉิน ซึ่งในทางปฏิบัติโรงพยาบาลจะเก็บเงินจากคนไข้ไว้ก่อน แล้วส่งข้อมูลค่าใช้จ่ายผู้ป่วยทุกสิทธิในระบบ EMCO ให้ สปสช.ตรวจสอบ หากเข้าข่ายวิกฤต/เร่งด่วนค่อยเรียกเก็บจากหน่วยงานของผู้มีสิทธิโดยจ่ายตามระบบ DRGs เมื่อได้เงินจาก Clearing house แล้ว จึงคืนเงินส่วนที่เบิกได้ให้แก่คนไข้ 2. การเบิกค่ารักษาพยาบาลกรณีฉุกเฉินไม่รุนแรง (สีเขียว) หรือเป็นกรณีที่ไม่เข้าเกณฑ์ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตหรือฉุกเฉินเร่งด่วน กรมบัญชีกลางกำหนดให้นำบิลค่ารักษามาเบิกจากต้นสังกัด โดยสามารถเบิกได้ครึ่งหนึ่งของเงินจ่ายจริงแต่ไม่เกิน 8,000 บาท และสามารถเบิกค่าห้องค่ารวมถึงอาหารได้วันละ 1,000 บาท และเบิกค่าอุปกรณ์บำบัดรักษาโรคฯ ได้ตามที่กระทรวงการคลังกำหนดไว้ 3. การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลกรณีส่งต่อ สามารถเบิกได้ 2 กรณี คือ การล้างไต หรือ รังสีรักษา โดยต้องเป็นคนไข้นอกและต้องเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมโครงการเบิกตรงกับกรมบัญชีกลางตามรายชื่อที่ประกาศในเว็บไซต์ของกรม ในหัวข้อสวัสดิการรักษาพยาบาล และ 4. การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลกรณีนัดผ่าตัดล่วงหน้า โดยต้องเป็นคนไข้ในของสถานพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งขณะนี้มีทั้งหมด 30 แห่ง และการนัดผ่าตัดล่วงหน้าเฉพาะโรคที่กำหนดไว้ตามรายการโรค/หัตถการ ที่ประกาศในเว็บไซต์กรม เช่น การผ่าตัดถุงน้ำดีแบบผ่านกล้อง การผ่าตัดไส้เลื่อน การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า การผ่าตัดต้อหิน การรักษาภาวะแทรกซ้อนโดยตรงจากการรักษาครั้งก่อน เป็นต้น “การเบิกค่ารักษาพยาบาลของราชการจากสถานพยาบาลของเอกชน ถ้านอกเหนือจากที่กล่าวข้างต้น ผู้เข้ารับบริการต้องชำระค่าใช้จ่ายเอง ด้านข้าราชการ ผู้รับบำนาญ หรือบุคคลในครอบครัวที่มีสิทธิเบิกค่ารักษาพยาบาล ไม่แน่ใจว่าข้อมูลดังกล่าวเชื่อถือได้หรือไม่ สอบถามได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-2273-6400 หรือ 0-2271-7000 ต่อ 4441” อธิบดีกรมบัญชีกลางระบุ และกล่าวด้วยว่า กรมบัญชีกลางเตรียมขยายการให้บริการกรณีนัดผ่าตัดล่วงหน้าของสถานพยาบาลเอกชน อีกกว่า 100 แห่ง คาดว่าจะประกาศให้ทราบและสามารถเข้าใช้บริการได้ในเร็วๆ นี้
มูดีส์ ลดอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้รัฐบาลญี่ปุ่น มูดี้ส์ อินเวสเตอร์เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความ
กรมบัญชีกลางแจงเบิกเงินค่ารักษา รพ.เอกชน ทำได้ 4 กรณี หากไม่เข้าเกณฑ์ต้องจ่ายเองทั้งหมด กรมบัญชีกลาง
บรรยากาศที่ท่าอากาศยานอุบลราชธานี หลังมีการเปลี่ยนและยกเลิกเที่ยวบิน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากพายุโน
กรมบัญชีกลางแจงเบิกเงินค่ารักษา รพ.เอกชน ทำได้ 4 กรณี หากไม่เข้าเกณฑ์ต้องจ่ายเองทั้งหมด กรมบัญชีกลางแจงหลักเกณฑ์การเบิกค่ารักษาจากสถานพยาบาลเอกชน ทำได้ 4 กรณี ใน 30 โรงพยาบาลตามที่ระบุ ได้แก่ กรณีวิกฤต-เร่งด่วน ได้คืนตามส่วนที่เบิกได้ หากฉุกเฉินไม่รุนแรงเบิกได้ครึ่งหนึ่งไม่เกิน 8,000 บาท ที่เหลือคือล้างไต รังสีรักษา และนัดผ่าตัดล่วงหน้า เผยเตรียมขยายโรงพยาบาลเข้าร่วมอีก 100 แห่ง กรมบัญชีกลางแจงเบิกเงินค่ารักษา รพ.เอกชน ทำได้ 4 กรณี หากไม่เข้าเกณฑ์ต้องจ่ายเองทั้งหมด จากกรณี มีการเผยแพร่ข้อมูลรายชื่อสถานพยาบาลของเอกชนที่เข้าร่วมโครงการกับกรมบัญชีกลางโดยไม่มีรายละเอียดประกอบใดๆ ซึ่งทำให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลดังกล่าว มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง รวมทั้งอาจจะเข้าใจผิดว่าสามารถเบิกจ่ายค่ารักษาจากสถานพยาบาลของเอกชนดังกล่าวได้ทุกกรณี วันนี้ (16 ก.ค.2558) นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า เกณฑ์การเบิกค่ารักษาจากสถานพยาบาลเอกชนสามารถเบิกได้ 4 กรณีเท่านั้น คือ 1.การเบิกค่ารักษาพยาบาลกรณีฉุกเฉิน สามารถเบิกค่ารักษาได้ในโรงพยาบาลเอกชนทุกแห่งในกรณีวิกspin999 v1slotxo mafiaฤต (สีแดง) และกรณีเร่งด่วน (สีเหลือง) โดยอิงเกณฑ์การคัดแยกผู้ป่วยฉุกเฉินตาม พ.ร.บ.การแพทย์ฉุกเฉิน ซึ่งในทางปฏิบัติโรงพยาบาลจะเก็บเงินจากคนไข้ไว้ก่อน แล้วส่งข้อมูลค่าใช้จ่ายผู้ป่วยทุกสิทธิในระบบ EMCO ให้ สปสช.ตรวจสอบ หากเข้าข่ายวิกฤต/เร่งด่วนค่อยเรียกเก็บจากหน่วยงานของผู้มีสิทธิโดยจ่ายตามระบบ DRGs เมื่อได้เงินจาก Clearing house แล้ว จึงคืนเงินส่วนที่เบิกได้ให้แก่คนไข้ 2. การเบิกค่ารักษาพยาบาลกรณีฉุกเฉินไม่รุนแรง (สีเขียว) หรือเป็นกรณีที่ไม่เข้าเกณฑ์ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตหรือฉุกเฉินเร่งด่วน กรมบัญชีกลางกำหนดให้นำบิลค่ารักษามาเบิกจากต้นสังกัด โดยสามารถเบิกได้ครึ่งหนึ่งของเงินจ่ายจริงแต่ไม่เกิน 8,000 บาท และสามารถเบิกค่าห้องค่ารวมถึงอาหารได้วันละ 1,000 บาท และเบิกค่าอุปกรณ์บำบัดรักษาโรคฯ ได้ตามที่กระทรวงการคลังกำหนดไว้ 3. การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลกรณีส่งต่อ สามารถเบิกได้ 2 กรณี คือ การล้างไต หรือ รังสีรักษา โดยต้องเป็นคนไข้นอกและต้องเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมโครงการเบิกตรงกับกรมบัญชีกลางตามรายชื่อที่ประกาศในเว็บไซต์ของกรม ในหัวข้อสวัสดิการรักษาพยาบาล และ 4. การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลกรณีนัดผ่าตัดล่วงหน้า โดยต้องเป็นคนไข้ในของสถานพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งขณะนี้มีทั้งหมด 30 แห่ง และการนัดผ่าตัดล่วงหน้าเฉพาะโรคที่กำหนดไว้ตามรายการโรค/หัตถการ ที่ประกาศในเว็บไซต์กรม เช่น การผ่าตัดถุงน้ำดีแบบผ่านกล้อง การผ่าตัดไส้เลื่อน การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า การผ่าตัดต้อหิน การรักษาภาวะแทรกซ้อนโดยตรงจากการรักษาครั้งก่อน เป็นต้น “การเบิกค่ารักษาพยาบาลของราชการจากสถานพยาบาลของเอกชน ถ้านอกเหนือจากที่กล่าวข้างต้น ผู้เข้ารับบริการต้องชำระค่าใช้จ่ายเอง ด้านข้าราชการ ผู้รับบำนาญ หรือบุคคลในครอบครัวที่มีสิทธิเบิกค่ารักษาพยาบาล ไม่แน่ใจว่าข้อมูลดังกล่าวเชื่อถือได้หรือไม่ สอบถามได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-2273-6400 หรือ 0-2271-7000 ต่อ 4441” อธิบดีกรมบัญชีกลางระบุ และกล่าวด้วยว่า กรมบัญชีกลางเตรียมขยายการให้บริการกรณีนัดผ่าตัดล่วงหน้าของสถานพยาบาลเอกชน อีกกว่า 100 แห่ง คาดว่าจะประกาศให้ทราบและสามารถเข้าใช้บริการได้ในเร็วๆ นี้ จากกรณี มีการเผยแพร่ข้อมูลรายชื่อสถานพยาบาลของเอกชนที่เข้าร่วมโครงการกับกรมบัญชีกลางโดยไม่มีรายละเอียดประกอบใดๆ ซึ่งทำให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลดังกล่าว มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง รวมทั้งอาจจะเข้าใจผิดว่าสามารถเบิกจ่ายค่ารักษาจากสถานพยาบาลของเอกชนดังกล่าวได้ทุกกรณี วันนี้ (16 ก.ค.2558) นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า เกณฑ์การเบิกค่ารักษาจากสถานพยาบาลเอกชนสามารถเบิกได้ 4 กรณีเท่านั้น คือ 1.การเบิกค่ารักษาพยาบาลกรณีฉุกเฉิน สามารถเบิกค่ารักษาได้ในโรงพยาบาลเอกชนทุกแห่งในกรณีวิกฤต (สีแดง) และกรณีเร่งด่วน (สีเหลือง) โดยอิงเกณฑ์การคัดแยกผู้ป่วยฉุกเฉินตาม พ.ร.บ.การแพทย์ฉุกเฉิน ซึ่งในทางปฏิบัติโรงพยาบาลจะเก็บเงินจากคนไข้ไว้ก่อน แล้วส่งข้อมูลค่าใช้จ่ายผู้ป่วยทุกสิทธิในระบบ EMCO ให้ สปสช.ตรวจสอบ หากเข้าข่ายวิกฤต/เร่งด่วนค่อยเรียกเก็บจากหน่วยงานของผู้มีสิทธิโดยจ่ายตามระบบ DRGs เมื่อได้เงินจาก Clearing house แล้ว จึงคืนเงินส่วนที่เบิกได้ให้แก่คนไข้ 2. การเบิกค่ารักษาพยาบาลกรณีฉุกเฉินไม่รุนแรง (สีเขียว) หรือเป็นกรณีที่ไม่เข้าเกณฑ์ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตหรือฉุกเฉินเร่งด่วน กรมบัญชีกลางกำหนดให้นำบิลค่ารักษามาเบิกจากต้นสังกัด โดยสามารถเบิกได้ครึ่งหนึ่งของเงินจ่ายจริงแต่ไม่เกิน 8,000 บาท และสามารถเบิกค่าห้องค่ารวมถึงอาหารได้วันละ 1,000 บาท และเบิกค่าอุปกรณ์บำบัดรักษาโรคฯ ได้ตามที่กระทรวงการคลังกำหนดไว้ 3. การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลกรณีส่งต่อ สามารถเบิกได้ 2 กรณี คือ การล้างไต หรือ รังสีรักษา โดยต้องเป็นคนไข้นอกและต้องเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมโครงการเบิกตรงกับกรมบัญชีกลางตามรายชื่อที่ประกาศในเว็บไซต์ของกรม ในหัวข้อสวัสดิการรักษาพยาบาล และ 4. การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลกรณีนัดผ่าตัดล่วงหน้า โดยต้องเป็นคนไข้ในของสถานพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งขณะนี้มีทั้งหมด 30 แห่ง และการนัดผ่าตัดล่วงหน้าเฉพาะโรคที่กำหนดไว้ตามรายการโรค/หัตถการ ที่ประกาศในเว็บไซต์กรม เช่น การผ่าตัดถุงน้ำดีแบบผ่านกล้อง การผ่าตัดไส้เลื่อน การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า การผ่าตัดต้อหิน การรักษาภาวะแทรกซ้อนโดยตรงจากการรักษาครั้งก่อน เป็นต้น “การเบิกค่ารักษาพยาบาลของราชการจากสถานพยาบาลของเอกชน ถ้านอกเหนือจากที่กล่าวข้างต้น ผู้เข้ารับบริการต้องชำระค่าใช้จ่ายเอง ด้านข้าราชการ ผู้รับบำนาญ หรือบุคคลในครอบครัวที่มีสิทธิเบิกค่ารักษาพยาบาล ไม่แน่ใจว่าข้อมูลดังกล่าวเชื่อถือได้หรือไม่ สอบถามได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-2273-6400 หรือ 0-2271-7000 ต่อ 4441” อธิบดีกรมบัญชีกลางระบุ และกล่าวด้วยว่า กรมบัญชีกลางเตรียมขยายการให้บริการกรณีนัดผ่าตัดล่วงหน้าของสถานพยาบาลเอกชน อีกกว่า 100 แห่ง คาดว่าจะประกาศให้ทราบและสามารถเข้าใช้บริการได้ในเร็วๆ นี้
วันนี้ (18 ก.พ.2564) นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.ก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ "ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ" รมว.ศึก