วันนี้ (26 พ.ย.2567) ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเล
วันนี้ (30 ธ.ค.2566) นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า หลังเกิดอุบัติเหตุ รางนำไฟฟ้า (Conductor Rail) หรือรางจ่ายไฟของรถไฟฟ้าสายสีชมพูหลุดร่วงลงชั้นพื้นถนนและเกี่ยวสายไฟฟ้า
วันนี้ (11 ธ.ค.2567) นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติแต่งตั้ง ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ โดยแต่งตั้งนายประสพ เรียงเงิน อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ให้
ท่ามกลางบรรยากาศการหาเสียงของพรรคการเมืองต่าง ๆ สำหรับวาระการเลือกตั้ง 2566 ที่มีมาต่อเนื่องและคึกคักเป็นพิเศษในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพราะแต่ละพรรคเน้นลงพื้นที่กันอย่างเข้มข้นก่อนถึงวันเลือกตั้ง 14 พ.ค.นั้น นายมานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ในขณะที่ประชาชนกำลังขุ่นเคืองกับวิกฤตคอร์รัปชัน แต่พรรคการเมืองกลับนิ่งเฉยหรือแสร้งไม่รู้ร้อนที่จะพูดถึงนโยบายปราบคอร์รัปชันเพื่อเรียกคะแนนเสียง ทั้งที่นักการเมืองคือยอดพิระมิดของการฉ้อราษฎร์บังหลวง เพราะมีทั้งอำนาจและอิทธิพลที่จะปราบคนโกงให้อยู่หมัดหรือจะทำชั่วปล้นชาติเสียเองก็ได้ ดังนั้นองค์กรฯ และภาคีเครือข่าย จึงร่วมกันรณรงค์ขยายผลเสียงสะท้อนความต้องการของประชาชนจากผลโพล โดยร้อยละ 95 บอกว่า นโยบายต่อต้านคอร์รัปชันของพรรคและนักการเมือง มีผลต่อการตัดสินใจลงคะแนนเลือกตั้งมากที่สุด ทั้งนี้ ผลโพลดังกล่าว หรือ “ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อนโยบายต่อต้านคอร์รัปชันของพรรคการเมืองและนักการเมืองในการเลือกตั้ง 2566” นั้น มาจากความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) และมูลนิธิเพื่อ“คนไทย” โดยได้จัดทำและเผยแพร่ผลแล้วเมื่อต้นเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งผลสำรวจครั้งนี้แตกต่างจากผลสำรวจครั้งก่อนหน้านี้ตรงที่ประชาชนบอกว่า ปัญหาสำคัญของประเทศต้องแก้ไขมากสุด คือ คอร์รัปชัน ส่วนอันดับ 2 การศึกษา อันดับ 3 ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ นอกจากนั้น ยังมีเสียงสะท้อนมากถึงร้อยละ 91 ระบุว่า ภาคการเมืองจะต้องมีบทบาทต้านโกงชัดเจน และร้อยละ 86.2 ระบุว่า หากพรรคไม่มีนโยบายต้านโกงจะไม่เลือกพรรคนั้นเพราะไม่โปร่งใสตั้งแต่แรก เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ กล่าวอีกว่า จนถึงขณะนี้ การที่พรรคการเมืองส่วนใหญ่ยังไม่มีการประกาศนโยบายการต่อต้านคอร์รัปชันชัดเจน สาเหตุน่าจะมาจากคอร์รัปชันจึงเป็นเรื่องที่สังคมจับจ้อง จะพูดทีเล่นทีจริงไม่ได้ และหมดยุคแล้วกับคำพูดหวานหูแต่เลื่อนลอย เช่น จะบริหารบ้านเมืองอย่างโปร่งใส ยึดหลักธรรมาภิบาล มีอุดมการณ์ จะรักษาความซื่อสัตย์ สำหรับพรรคที่ได้คะแนนเสียงจากประชาชนเพราะเชื่อมั่นในนโนบายต่อต้านคอร์รัปชัน สุดท้ายไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้านจะถูกประชาชนติดตามทวงถามว่าเรื่องนั้น ๆ ลงมือทำจริงหรือไม่ เกิดเป็นผลงานแล้วหรือยัง อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า หากทำแล้วแต่ติดขัดประชาชนย่อมให้การสนับสนุน ทางกลับกัน หากคนในพรรคไปคดโกงปล้นชาติเสียเอง ประชาชนจะยิ่งก่นด่าประนามเป็นทวีคูณ และจะสูญเสียความเชื่อมั่นศรัทธาที่ประชาชนมีต่อพรรคและนักการเมืองลงอย่างชัดเจน ดังตัวอย่างที่มีให้เห็นมากมาย สามารถศึกษาผลโพล “ความเห็นประชาชนต่อนโยบายต่อต้านคอร์รัปชันของพรรคกาบ้าน ผล บอล วัน นี้ ย้อน หลังรเมืองและนักการเมืองในการเลือกตั้ง 2566” [กดลิงค์เพื่ออ่านข้อมูล: http://bit.ly/3mym1Km.]
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า รัฐบาลอังกฤษอยู่ระหว่างพิจารณาเรื่องการห้ามใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวแ
วันนี้ (20 มิ.ย.2565) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ กกต.มีมติเห็นชอบตามที่นายแสวง บุญมี เลขาธ
วันนี้ (18 ก.ย.2567) ความคืบหน้าหลังจากรัฐบาลแถลงรายละเอียดโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยสิ่งเร่งด่วนคือ
ท่ามกลางบรรยากาศการหาเสียงของพรรคการเมืองต่าง ๆ สำหรับวาระการเลือกตั้ง 2566 ที่มีมาต่อเนื่องและคึกคักเป็นพิเศษในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพราะแต่ละพรรคเน้นลงพื้นที่กันอย่างเข้มข้นก่อนถึงวันเลือกตั้ง 14 พ.ค.นั้น นายมานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ในขณะที่ประชาชนกำลังขุ่นเคืองกับวิกฤตคอร์รัปชัน แต่พรรคการเมืองกลับนิ่งเฉยหรือแสร้งไม่รู้ร้อนที่จะพูดถึงนโยบายปราบคอร์รัปชันเพื่อเรียกคะแนนเสียง ทั้งที่นักการเมืองคือยอดพิระมิดของการฉ้อราษฎร์บังหลวง เพราะมีทั้งอำนาจและอิทธิพลที่จะปราบคนโกงให้อยู่หมัดหรือจะทำชั่วปล้นชาติเสียเองก็ได้ ดังนั้นองค์กรฯ และภาคีเครือข่าย จึงร่วมกันรณรงค์ขยายผลเสียงสะท้อนความต้องการของประชาชนจากผลโพล โดยร้อยละ 95 บอกว่า นโยบายต่อต้านคอร์รัปชันของพรรคและนักการเมือง มีผลต่อการตัดสินใจลงคะแนนเลือกตั้งมากที่สุด ทั้งนี้ ผลโพลดังกล่าว หรือ “ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อนโยบายต่อต้านคอร์รัปชันของพรรคการเมืองและนักการเมืองในการเลือกตั้ง 2566” นั้น มาจากความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) และมูลนิธิเพื่อ“คนไทย” โดยได้จัดทำและเผยแพร่ผลแล้วเมื่อต้นเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งผลสำรวจครั้งนี้แตกต่างจากผลสำรวจครั้งก่อนหน้านี้ตรงที่ประชาชนบอกว่า ปัญหาสำคัญของประเทศต้องแก้ไขมากสุด คือ คอร์รัปชัน ส่วนอันดับ 2 การศึกษา อันดับ 3 ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ นอกจากนั้น ยังมีเสียงสะท้อนมากถึงร้อยละ 91 ระบุว่า ภาคการเมืองจะต้องมีบทบาทต้านโกงชัดเจน และร้อยละ 86.2 ระบุว่า หากพรรคไม่มีนโยบายต้านโกงจะไม่เลือกพรรคนั้นเพราะไม่โปร่งใสตั้งแต่แรก เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ กล่าวอีกว่า จนถึงขณะนี้ การที่พรรคการเมืองส่วนใหญ่ยังไม่มีการประกาศนโยบายการต่อต้านคอร์รัปชันชัดเจน สาเหตุน่าจะมาจากคอร์รัปชันจึงเป็นเรื่องที่สังคมจับจ้อง จะพูดทีเล่นทีจริงไม่ได้ และหมดยุคแล้วกับคำพูดหวานหูแต่เลื่อนลอย เช่น จะบริหารบ้านเมืองอย่างโปร่งใส ยึดหลักธรรมาภิบาล มีอุดมการณ์ จะรักษาความซื่อสัตย์ สำหรับพรรคที่ได้คะแนนเสียงจากประชาชนเพราะเชื่อมั่นในนโนบายต่อต้านคอร์รัปชัน สุดท้ายไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้านจะถูกประชาชนติดตามทวงถามว่าเรื่องนั้น ๆ ลงมือทำจริงหรือไม่ เกิดเป็นผลงานแล้วหรือยัง อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า หากทำแล้วแต่ติดขัดประชาชนย่อมให้การสนับสนุน ทางกลับกัน หากคนในพรรคไปคดโกงปล้นชาติเสียเอง ประชาชนจะยิ่งก่นด่าประนามเป็นทวีคูณ และจะสูญเสียความเชื่อมั่นศรัทธาที่ประชาชนมีต่อพรรคและนักการเมืองลงอย่างชัดเจน ดังตัวอย่างที่มีให้เห็นมากมาย สามารถศึกษาผลโพล “ความเห็นประชาชนต่อนโยบายต่อต้านคอร์รัปชันของพรรคกาบ้าน ผล บอล วัน นี้ ย้อน หลังรเมืองและนักการเมืองในการเลือกตั้ง 2566” [กดลิงค์เพื่ออ่านข้อมูล: http://bit.ly/3mym1Km.]
ท่ามกลางบรรยากาศการหาเสียงของพรรคการเมืองต่าง ๆ สำหรับวาระการเลือกตั้ง 2566 ที่มีมาต่อเนื่องและคึกคั