Home
|
เจ ลีก วัน นี้

Menteri Perhubungan (Menhub) Budi Karya Sumadi men

เจ ลีก วัน นี้

วันนี้ (12 พ.ค.2565) บริษัท บิสกิต โซลูชั่น จำกัด หรือ BIZCUIT ใช้ AI สำรวจความเห็นในโซเชียลมีเดีย เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ทั้งทาง เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ยูทูป มีข้อความเกี่ยวกับเลือกตั้งกว่า 4 ล้านคำ ช่วง 2

ยอดผู้ประสบอุบัติเหตุ 7 วันเทศกาลสงกรานต์สูงกว่าปีก่อน สรุปยอดอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในรอบ 7 วันเทศกาลสงกรานต์ ปี2558 มีอุบัติเหตุเพิ่มขึ้นกว่าปีที่แล้ว ถึงร้อยละ 12.73 ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะมีมาตรการควบคุมอ

เมื่อวันที่ 11 ก.ย.2565 นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า กรณีมีประเด็นการนำเสนอข้อมูลว่าการใช้ยาฟาร์วิพิราเวียร์ไม่ได้ผลในการรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 โดยอ้างอิงจากการศึกษาวิจัยแบบหลายสถาบัน (https://academic.oup.com/.../10.1093/cid/ciac712/6692456...) จำนวน 40 แห่งในทวีปอเมริกาเหนือ (จำนวน 3 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก และบราซิล) มีอาสาสมัครในโครงการวิจัย 1,187 คน (เป็นผู้ป่วยอ้วนร้อยละ 70 ผู้ป่วยสูงอายุร้อยละ 15) ซึ่งเป็นการใช้ยาฟาร์วิพิราเวียร์เปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม อย่างไรก็ตาม การศึกษานี้ได้ใช้ยาฟาร์วิพิราเวียร์โดยไม่ได้มีการปรับขนาดยาตามน้ำหนักตัวผู้ป่วย ผู้ป่วยเกือบทุกคนได้รับยาประมาณวันที่ 3 ภายหลังเริ่มมีอาการ ประมาณ 1 ใน 3 ของผู้ป่วยเคยได้รับวัคซีนหรือเคยป่วยเป็นโควิด-19 มาก่อน รวมถึงการประเมินความรุนแรงของผู้ป่วยด้วยเกณฑ์ที่แตกต่างกเจ ลีก วัน นี้ับที่ใช้ในประเทศไทย นอกจากนี้ การรายงานผลลัพธ์การรักษาทำโดยผู้ป่วยเป็นผู้รายงานเองผ่านระบบโทรศัพท์ ซึ่งไม่ได้เป็นการวัดด้วยเครื่องมือเฉพาะโดยบุคลากรทางการแพทย์ อาจส่งผลต่อการวัดประสิทธิผลของยาฟาร์วิพิราเวียร์ได้ ส่วนของประเทศไทย ได้ศึกษาเปรียบเทียบการใช้ยาฟาร์วิพิราเวียร์เปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม (https://www.tandfonline.com/.../10.../22221751.2022.2117092) โดยมีผู้ป่วยโควิด-19 ทั้งหมด 93 คนในโรงพยาบาล 3 แห่ง (ทุกคนอายุน้อยกว่า 60 ปี ไม่มีโรคประจำตัว เป็นผู้ป่วยที่อ้วนร้อยละ 25) ผู้ป่วยครึ่งหนึ่งได้รับยาฟาร์วิพิราเวียร์ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มมีอาการ โดยไม่มีผู้ที่เคยเป็นโควิด-19 และ/หรือได้รับวัคซีนมาก่อน (ทุกคนมีอาการเล็กน้อยหรือปานกลาง ไม่มีผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงในโครงการวิจัย) ผู้ป่วยได้รับการรักษาและติดตามอาการในโรงพยาบาล รวมถึงการวัดประสิทธิผลของยาฟาร์วิพิราเวียร์โดยด้วยระบบ NEWS (ประกอบไปด้วยอัตราการหายใจ ความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด การให้ออกซิเจน อุณหภูมิ ความดันซิสโตลิก อัตราการเต้นของหัวใจ ระดับความรู้สึกตัว) ซึ่งต้องประเมินโดยบุคลากรทางการแพทย์เท่านั้น ไม่ใช้การประเมินตามความรู้สึกของผู้ป่วยเป็นเกณฑ์วัด พบว่า ยาฟาร์วิพิราเวียร์ทำให้อาการรุนแรงของการประเมินด้วย NEWS ของผู้ป่วยโควิด-19 ดีขึ้นได้เร็วกว่ากลุ่มควบคุมอย่างชัดเจน (ครึ่งหนึ่งดีขึ้นใน 2 วันเมื่อได้รับยาเปรียบเทียบกับ 14 วันในกลุ่มควบคุม) ผลการศึกษาทั้ง 2 ยังพบว่า ยาฟาร์วิพิราเวียร์ไม่ได้ช่วยลดปริมาณไวรัสลง หรือทำให้ไวรัสหายไปได้เร็วขึ้นแต่อย่างใด และไม่สามารถเห็นประสิทธิผลเมื่อประเมินอาการจากความรู้สึกผู้ป่วย เช่น อาการอ่อนเพลีย ไอ รวมถึงพบว่ายาฟาร์วิพิราเวียร์มีความปลอดภัย แม้จะพบระดับกรดยูริคในเลือดสูงขึ้นแบบไม่มีอาการก็ตาม นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ไม่สามารถเปรียบเทียบประสิทธิผลของยาฟาร์วิพิราเวียร์จาก 2 การศึกษานี้ได้ เนื่องจากรายละเอียดและวิธีการศึกษามีความแตกต่างกัน การศึกษาในทวีปอเมริกา แสดงให้เห็นว่าการเริ่มให้ยาช้าในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยง มีอาการรุนแรง และมีน้ำหนักมากโดยไม่มีการปรับขนาดยา อาจมีผลทำให้การรักษาไม่ได้ผล หรือเป็นเพราะการประเมินผลซึ่งส่วนหนึ่งได้จากความรู้สึกอาการของผู้ป่วย อาจทำให้ผลการศึกษาไม่ตรงกัน อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากการศึกษาในประเทศไทย พบว่า ยาฟาร์วิพิราเวียร์ทำให้ผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีความเสี่ยงต่ำที่ไม่รุนแรงมีอาการดีขึ้นได้เร็วขึ้น แต่การศึกษาในประเทศไทยไม่มีข้อมูลประสิทธิผลของยาฟาร์วิพิราเวียร์ในกลุ่มผู้ป่วยที่มีปอดบวม หรือลดการเสียชีวิต อ่านข่าวอื่นๆ เพจดังเตือนภัย "ยาชุด" แก้ปวดผสมสเตียรอยด์ อ้างตราองค์การเภสัชกรรม กรมสุขภาพจิตห่วงคนไทย หลังสถิติปี 64 พบ "ฆ่าตัวตาย" 5,000 คน

ฮาโลวีนปี 2024 นี้มาในธีมที่แตกต่าง! เกี่ยวเนื่องจากเทรนด์ของโลกล่าสุดที่กำลังเน้นไปที่ความยั่งยืน ส

อัปเดต 2568! บัตรทองอัปเกรดสิทธิ 30 บาทครอบคลุมทั่วไทย รู้ทัน 4 ระบบประกันสุขภาพไทย คุ้มครองอะไรบ้าง

เมื่อวันที่ 11 ก.ย.2565 นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า กรณีมีประเด็นการนำเสนอข้อมู

เมื่อวันที่ 11 ก.ย.2565 นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า กรณีมีประเด็นการนำเสนอข้อมูลว่าการใช้ยาฟาร์วิพิราเวียร์ไม่ได้ผลในการรักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 โดยอ้างอิงจากการศึกษาวิจัยแบบหลายสถาบัน (https://academic.oup.com/.../10.1093/cid/ciac712/6692456...) จำนวน 40 แห่งในทวีปอเมริกาเหนือ (จำนวน 3 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก และบราซิล) มีอาสาสมัครในโครงการวิจัย 1,187 คน (เป็นผู้ป่วยอ้วนร้อยละ 70 ผู้ป่วยสูงอายุร้อยละ 15) ซึ่งเป็นการใช้ยาฟาร์วิพิราเวียร์เปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม อย่างไรก็ตาม การศึกษานี้ได้ใช้ยาฟาร์วิพิราเวียร์โดยไม่ได้มีการปรับขนาดยาตามน้ำหนักตัวผู้ป่วย ผู้ป่วยเกือบทุกคนได้รับยาประมาณวันที่ 3 ภายหลังเริ่มมีอาการ ประมาณ 1 ใน 3 ของผู้ป่วยเคยได้รับวัคซีนหรือเคยป่วยเป็นโควิด-19 มาก่อน รวมถึงการประเมินความรุนแรงของผู้ป่วยด้วยเกณฑ์ที่แตกต่างกเจ ลีก วัน นี้ับที่ใช้ในประเทศไทย นอกจากนี้ การรายงานผลลัพธ์การรักษาทำโดยผู้ป่วยเป็นผู้รายงานเองผ่านระบบโทรศัพท์ ซึ่งไม่ได้เป็นการวัดด้วยเครื่องมือเฉพาะโดยบุคลากรทางการแพทย์ อาจส่งผลต่อการวัดประสิทธิผลของยาฟาร์วิพิราเวียร์ได้ ส่วนของประเทศไทย ได้ศึกษาเปรียบเทียบการใช้ยาฟาร์วิพิราเวียร์เปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม (https://www.tandfonline.com/.../10.../22221751.2022.2117092) โดยมีผู้ป่วยโควิด-19 ทั้งหมด 93 คนในโรงพยาบาล 3 แห่ง (ทุกคนอายุน้อยกว่า 60 ปี ไม่มีโรคประจำตัว เป็นผู้ป่วยที่อ้วนร้อยละ 25) ผู้ป่วยครึ่งหนึ่งได้รับยาฟาร์วิพิราเวียร์ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มมีอาการ โดยไม่มีผู้ที่เคยเป็นโควิด-19 และ/หรือได้รับวัคซีนมาก่อน (ทุกคนมีอาการเล็กน้อยหรือปานกลาง ไม่มีผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงในโครงการวิจัย) ผู้ป่วยได้รับการรักษาและติดตามอาการในโรงพยาบาล รวมถึงการวัดประสิทธิผลของยาฟาร์วิพิราเวียร์โดยด้วยระบบ NEWS (ประกอบไปด้วยอัตราการหายใจ ความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด การให้ออกซิเจน อุณหภูมิ ความดันซิสโตลิก อัตราการเต้นของหัวใจ ระดับความรู้สึกตัว) ซึ่งต้องประเมินโดยบุคลากรทางการแพทย์เท่านั้น ไม่ใช้การประเมินตามความรู้สึกของผู้ป่วยเป็นเกณฑ์วัด พบว่า ยาฟาร์วิพิราเวียร์ทำให้อาการรุนแรงของการประเมินด้วย NEWS ของผู้ป่วยโควิด-19 ดีขึ้นได้เร็วกว่ากลุ่มควบคุมอย่างชัดเจน (ครึ่งหนึ่งดีขึ้นใน 2 วันเมื่อได้รับยาเปรียบเทียบกับ 14 วันในกลุ่มควบคุม) ผลการศึกษาทั้ง 2 ยังพบว่า ยาฟาร์วิพิราเวียร์ไม่ได้ช่วยลดปริมาณไวรัสลง หรือทำให้ไวรัสหายไปได้เร็วขึ้นแต่อย่างใด และไม่สามารถเห็นประสิทธิผลเมื่อประเมินอาการจากความรู้สึกผู้ป่วย เช่น อาการอ่อนเพลีย ไอ รวมถึงพบว่ายาฟาร์วิพิราเวียร์มีความปลอดภัย แม้จะพบระดับกรดยูริคในเลือดสูงขึ้นแบบไม่มีอาการก็ตาม นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ไม่สามารถเปรียบเทียบประสิทธิผลของยาฟาร์วิพิราเวียร์จาก 2 การศึกษานี้ได้ เนื่องจากรายละเอียดและวิธีการศึกษามีความแตกต่างกัน การศึกษาในทวีปอเมริกา แสดงให้เห็นว่าการเริ่มให้ยาช้าในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยง มีอาการรุนแรง และมีน้ำหนักมากโดยไม่มีการปรับขนาดยา อาจมีผลทำให้การรักษาไม่ได้ผล หรือเป็นเพราะการประเมินผลซึ่งส่วนหนึ่งได้จากความรู้สึกอาการของผู้ป่วย อาจทำให้ผลการศึกษาไม่ตรงกัน อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากการศึกษาในประเทศไทย พบว่า ยาฟาร์วิพิราเวียร์ทำให้ผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีความเสี่ยงต่ำที่ไม่รุนแรงมีอาการดีขึ้นได้เร็วขึ้น แต่การศึกษาในประเทศไทยไม่มีข้อมูลประสิทธิผลของยาฟาร์วิพิราเวียร์ในกลุ่มผู้ป่วยที่มีปอดบวม หรือลดการเสียชีวิต อ่านข่าวอื่นๆ เพจดังเตือนภัย "ยาชุด" แก้ปวดผสมสเตียรอยด์ อ้างตราองค์การเภสัชกรรม กรมสุขภาพจิตห่วงคนไทย หลังสถิติปี 64 พบ "ฆ่าตัวตาย" 5,000 คน

วันนี้ (22 ส.ค.65) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำส