หลังมีฝนตกหนักเมื่อช่วงเช้าวานนี้ (29 ต.ค.66) ทำให

ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย ได้กล่าวว่า เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางสมาคมได้ส่งนักกีฬาเทควันโด พุมเซ่ ทีมชาติไทย ไปร่วมการแข่งขัน รายการ 2024 Seoul Cup International Open Tae
มูลนิธิเพื่อนช้างส่งตัว มูลนิธิเพื่อนช้างส่งตัวพังแม่คาแพที่ประสบอุบัติเหตุเหยียบกับระเบิด ในประเทศพม่ากลับจังหวัดตากแล้ว หลังรับรักษากว่า 1 ปี จนบาดแผลหายเป็นปกติ มูลนิธิเพื่อนช้างส่งตัว สัตวแพทย์ แล
ทุกวันนี้เทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทอย่างมากกับชีวิตของมนุษย์ ซึ่งนักวิชาการหลายคนก็มีวิธีการอธิบายปรากฏการณ์ดังกล่าวแตกต่างกันออกไป แต่แนวคิดเรื่อง Life 3.0 ของแม็กซ์ เท็กมาร์ค (Max Tegmark)ทดลอง เล่น ตี ตุ่น ฟรี จากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) ได้เคยเปรียบเทียบการเข้ามามีบทบาทของเทคโนโลยีไว้ในหนังสือเรื่อง Life 3.0 ไว้ได้อย่างน่าสนใจ และได้กล่าวเพิ่มเติมถึงบทบาทของปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการดำรงชีวิตของมนุษย์ เท็กมาร์คมองว่า เราสามารถแบ่งระดับของชีวิตได้เป็น 3 ระดับ 1. ชีวิตระดับที่ 1.0 เป็นชีวิตที่ดำเนินไปตามกลไกทางธรรมชาติ (Biological) และการส่งต่อทางพันธุกรรม (ดีเอ็นเอ) โดยสิ่งมีชีวิตในระดับนี้ จะสามารถแปลงอาหารให้เป็นพลังงาน สืบพันธุ์ ส่งต่อดีเอ็นเอจากรุ่นสู่รุ่นได้ แต่จะไม่มีความแตกต่างในเชิงวัฒนธรรม สังคม กล่าวคือหากเรานำแบคทีเรียที่เกิดคนละบ้านมา แบคทีเรียทั้งสองย่อมมีพฤติกรรมเหมือนกัน 2. ชีวิตระดับที่ 2.0 เท็กมาร์คอธิบายว่าชีวิตในระดับนี้จะมีโครงสร้างทางวัฒนธรรมอยู่ด้วย เพิ่มเติมขึ้นมาอีกหนึ่งชั้นจากแค่กลไกทางชีววิทยา ซึ่งสิ่งมีชีวิตที่มีวัฒนธรรมเข้ามาอาจมีรูปแบบวิธีการดำเนินชีวิตที่แตกต่างกันไป ไม่จำกัดอยู่แค่ปัจจัยทางชีววิทยาเท่านั้น ตัวอย่างที่ชัดเจนของสิ่งมีชีวิตในระดับนี้ก็คือมนุษย์ปัจจุบัน ที่แม้จะมีร่างกายเหมือนกัน แต่เลือกที่จะปฏิบัติตามบรรทัดฐานและค่านิยมของสังคม ที่แตกต่างกัน โดยเราอาจอธิบายความแตกต่างได้ว่า หากเปรียบสิ่งมีชีวิตเป็นเหมือนคอมพิวเตอร์ สิ่งมีชีวิตระดับแรก จะไม่สามารถปรับเปลี่ยนทั้งฮาร์ดแวร์ (Hardware) และซอฟต์แวร์ (Software) ของตัวเองได้ ในขณะที่สิ่งมีชีวิตระดับที่ 2 สามารถปรับเปลี่ยนซอฟต์แวร์ (Software) ของตัวเองได้ เช่น การเรียนรู้ภาษาใหม่ และการมีแนวคิดเชิงสังคมและวัฒนธรรม 3. ชีวิตในระดับที่ 3.0 เป็นชีวิตที่มีความซับซ้อน และเท็กมาร์คเชื่อว่ามนุษย์กำลังเดินทางไป นั่นก็คือการเป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ทั้งซอฟต์แวร์ และฮาร์ดแวร์ของตัวเองได้ โดยการนำเอาเทคโนโลยีมาช่วย หรือเป็นการผสมผสานระหว่างชีวิตและเทคโนโลยี เช่น การตัดต่อพันธุกรรม หรือการผนวกรวมระหว่างอวัยวะกับหุ่นยนต์และคอมพิวเตอร์ เพื่อสามารถออกแบบชีวิตในแบบที่เราต้องการได้ แนวคิดดังกล่าวสอดคล้องกับเทคโนโลยีด้านชีววิทยาในปัจจุบันอย่างมาก ตั้งแต่การตัดต่อดีเอ็นเอด้วยเทคนิคคริสเปอร์-แคสไนน์ (CRISPR-Cas9) หรือการนำเอาหุ่นยนต์มาทดแทนหรือเพิ่มศักยภาพของมนุษย์ เช่นแขนกลต่าง ๆ ตลอดไปจนถึงการแพทย์ที่เจริญก้าวหน้าที่อาจช่วยให้มนุษย์ออกแบบลูกหลานของตัวเองให้ไม่เจ็บป่วย หรือทนต่อสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปได้ เท็กมาร์คยังพูดถึงโอกาสของมนุษย์ที่จะได้สำรวจอวกาศ โดยอาศัยพัฒนาการสู่การเป็น Life 3.0 อีกด้วย แนวคิดการแบ่งชีวิตเป็น 3 ระดับนี้ ช่วยให้เราสามารถอธิบายการเข้ามาของเทคโนโลยีว่ากระทบต่อการดำรงชีวิตของเราอย่างไร และยังช่วยให้เราสามารถประเมินประโยชน์ โทษ และข้อควรระวังในการผนวกเอาเทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตได้อย่างชัดเจน ที่มาภาพ:Unsplash “รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech
วันนี้ (7 ธ.ค.2564) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กว่า 2 ปีเต็มที่หลายธุรกิจได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มีเพียงส
ทุกวันนี้เทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทอย่างมากกับชีวิตของมนุษย์ ซึ่งนักวิชาการหลายคนก็มีวิธีการอธิบายปรา
วันนี้ (17 ต.ค.2566) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ ยื่นหนังสือต่อสำนักงานป้องกัน
ทุกวันนี้เทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทอย่างมากกับชีวิตของมนุษย์ ซึ่งนักวิชาการหลายคนก็มีวิธีการอธิบายปรากฏการณ์ดังกล่าวแตกต่างกันออกไป แต่แนวคิดเรื่อง Life 3.0 ของแม็กซ์ เท็กมาร์ค (Max Tegmark)ทดลอง เล่น ตี ตุ่น ฟรี จากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) ได้เคยเปรียบเทียบการเข้ามามีบทบาทของเทคโนโลยีไว้ในหนังสือเรื่อง Life 3.0 ไว้ได้อย่างน่าสนใจ และได้กล่าวเพิ่มเติมถึงบทบาทของปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการดำรงชีวิตของมนุษย์ เท็กมาร์คมองว่า เราสามารถแบ่งระดับของชีวิตได้เป็น 3 ระดับ 1. ชีวิตระดับที่ 1.0 เป็นชีวิตที่ดำเนินไปตามกลไกทางธรรมชาติ (Biological) และการส่งต่อทางพันธุกรรม (ดีเอ็นเอ) โดยสิ่งมีชีวิตในระดับนี้ จะสามารถแปลงอาหารให้เป็นพลังงาน สืบพันธุ์ ส่งต่อดีเอ็นเอจากรุ่นสู่รุ่นได้ แต่จะไม่มีความแตกต่างในเชิงวัฒนธรรม สังคม กล่าวคือหากเรานำแบคทีเรียที่เกิดคนละบ้านมา แบคทีเรียทั้งสองย่อมมีพฤติกรรมเหมือนกัน 2. ชีวิตระดับที่ 2.0 เท็กมาร์คอธิบายว่าชีวิตในระดับนี้จะมีโครงสร้างทางวัฒนธรรมอยู่ด้วย เพิ่มเติมขึ้นมาอีกหนึ่งชั้นจากแค่กลไกทางชีววิทยา ซึ่งสิ่งมีชีวิตที่มีวัฒนธรรมเข้ามาอาจมีรูปแบบวิธีการดำเนินชีวิตที่แตกต่างกันไป ไม่จำกัดอยู่แค่ปัจจัยทางชีววิทยาเท่านั้น ตัวอย่างที่ชัดเจนของสิ่งมีชีวิตในระดับนี้ก็คือมนุษย์ปัจจุบัน ที่แม้จะมีร่างกายเหมือนกัน แต่เลือกที่จะปฏิบัติตามบรรทัดฐานและค่านิยมของสังคม ที่แตกต่างกัน โดยเราอาจอธิบายความแตกต่างได้ว่า หากเปรียบสิ่งมีชีวิตเป็นเหมือนคอมพิวเตอร์ สิ่งมีชีวิตระดับแรก จะไม่สามารถปรับเปลี่ยนทั้งฮาร์ดแวร์ (Hardware) และซอฟต์แวร์ (Software) ของตัวเองได้ ในขณะที่สิ่งมีชีวิตระดับที่ 2 สามารถปรับเปลี่ยนซอฟต์แวร์ (Software) ของตัวเองได้ เช่น การเรียนรู้ภาษาใหม่ และการมีแนวคิดเชิงสังคมและวัฒนธรรม 3. ชีวิตในระดับที่ 3.0 เป็นชีวิตที่มีความซับซ้อน และเท็กมาร์คเชื่อว่ามนุษย์กำลังเดินทางไป นั่นก็คือการเป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ทั้งซอฟต์แวร์ และฮาร์ดแวร์ของตัวเองได้ โดยการนำเอาเทคโนโลยีมาช่วย หรือเป็นการผสมผสานระหว่างชีวิตและเทคโนโลยี เช่น การตัดต่อพันธุกรรม หรือการผนวกรวมระหว่างอวัยวะกับหุ่นยนต์และคอมพิวเตอร์ เพื่อสามารถออกแบบชีวิตในแบบที่เราต้องการได้ แนวคิดดังกล่าวสอดคล้องกับเทคโนโลยีด้านชีววิทยาในปัจจุบันอย่างมาก ตั้งแต่การตัดต่อดีเอ็นเอด้วยเทคนิคคริสเปอร์-แคสไนน์ (CRISPR-Cas9) หรือการนำเอาหุ่นยนต์มาทดแทนหรือเพิ่มศักยภาพของมนุษย์ เช่นแขนกลต่าง ๆ ตลอดไปจนถึงการแพทย์ที่เจริญก้าวหน้าที่อาจช่วยให้มนุษย์ออกแบบลูกหลานของตัวเองให้ไม่เจ็บป่วย หรือทนต่อสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปได้ เท็กมาร์คยังพูดถึงโอกาสของมนุษย์ที่จะได้สำรวจอวกาศ โดยอาศัยพัฒนาการสู่การเป็น Life 3.0 อีกด้วย แนวคิดการแบ่งชีวิตเป็น 3 ระดับนี้ ช่วยให้เราสามารถอธิบายการเข้ามาของเทคโนโลยีว่ากระทบต่อการดำรงชีวิตของเราอย่างไร และยังช่วยให้เราสามารถประเมินประโยชน์ โทษ และข้อควรระวังในการผนวกเอาเทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตได้อย่างชัดเจน ที่มาภาพ:Unsplash “รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech
จเรตร.เตรียมเรียก ผบช.น.ให้ข้อมูลกรณีบ่อนกลางกรุง นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ เปิดคลิปการขนย้ายของออกจากบ่