Home
|
sŽŸu‰ˆ,ŽŸpe€r bkk slot

super bkk slotวˆันนี้ (1 พ.ค.2565) สำนักข่าސŒŸวต่&#x;างประเท¬ç§ศ รายงานว่า

sŽŸu‰ˆ,ŽŸpe€r bkk slot

สภาเภสัชกรรม ร่วมมือกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) บริการดูแลโรคทั่วไปหรือการเจ็บป่วยเล็กน้อย (Common Illness ) ให้แก่ผู้มีสิทธิบัตรทอง ที🐶่ไปรับบริการที่ร้านยาที่เข้าร่วมโครงการทั่วประเทศ ภก.ปรีชา พันธุ์ติเวช อุปนายกสภาเภสัชกรรม คนที่ 2 เปิดเผยว่า ในส่วนของ Common Illness ที่เภสัชกรร้านยาสามารถให้การดูแลผู้ป่วยได้🍭 จะมี 16 กลุ่มอาการ ซึ่งเป็นอาการที่ผู้ป่วยส่วนมากมักจะเลือกมาที่ร้านยาแทนการไปโรงพยาบาล ดังนั้น เมื่อมีร้านยาที่เข้ามาเป็นหน่วยบริการในระบบของ สปสช.แล้ว ผู้ป่วยก็สามารถใช้สิทธิบัตรทองรับบริการโดยไม่มีค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มโอกาสการเข้าถึงบริการของประชาชน เมื่อเจ็บป่วยเล็กน้อยก็สามารถไปที่ร้านยาได้ทันที 1. ปวดหั🐨ว2. เวียนหัว3. ปวดข้อ 4. เจ็บกล้ามเนื้อ5. ไข้6. ไอ7. เจ็บคอ8. ปวดท้อง9. ท้องผูก10. ท้องเสีย11. ถ่ายปัสสาวะขัด, ปัสสาวะลำบาก, ปัสสาวะเจ็บ12. ตกขาวผิดปกติ13. อาการทางผิวหนัง ผื่น คั🎷น14. บาดแผล15. ความผิดปกติต่างๆที่เกิดขึ้นกับตา16. ความผิดปกติต่างๆ ท🎷ี่เกิดขึ้นกับหู สำหรับขั้นตอนการเข้ารับบริการ ผู้ป่วยสามารถไปที่ร้านยาที่เข้าร่วมโครงการ โดยตรวจสอบรายชื่อร้านยาได้ที่เว็บไซต์ สปสช. หรือสังเกตจ🌍ากสติ๊กเกอร์ “ร้านยาคุณภาพของฉัน ให้บริการดูแลอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย” เมื่อเข้าไปแล้ว เภสัชกรจะขอบัตรประชาชนไปเสียบเครื่องอ่าน เพื่อตรวจสอบว่าเป็นสิทธิบัตรทองหรือไม่ จากนั้นจะซักประวัติและจ่ายยา พร้อมให้คำแนะนำการใช้ยาและการปฏิบัติตัวต่างๆ แต่หากเป็นอาการที่ไม่อยู่ใน 16 กลุ่มอาการ เภสัชกรจะแนะนำให้ไปพบแพทย์ที่คลินิกหรือโรงพยาบาล ภก.ปรีชา กล่าวอีกว่า การดำเนินการดังกล่าวจะเน้นเรื่องการให้บริการที่มีคุณภาพและมาตรฐาน เริ่มตั้งแต่การคัดเลือกร้านยาที่เข้าร่วมโครงการ นอกจากต้องผ่านมาตรฐาน GPP ของกระทรวงสาธารณสุขแล้ว จะต้องเข้าร่วมเป็นร้านยาคุณภาพตามเกณฑ์ที่สภาเภสัชกรรมกำหนด เมื่อขึ้นทะเบียนร้านยาคุณภาพแล้ว ต้องเข้ารับการอบรมใsuper bkk slotนการดูแลผู้ป่วยและต้องสอบให้ผ่านเกณฑ์ จึงจะได้ใบประกาศนียบัตรรับรองและสามารถให้บริการดูแลโรคทั่วไปได้ ขณะนี้มีร้านยาผ่านการอบรมแล้ว 800 แห่ง นำรายชื่อขึ้นเว็บไซต์แล้วประมาณ 500 แห่งและจะทยอยขึ้นจนครบ และในเร็วๆ นี้จะมีร้านยาที่ผ่านการอบรมรอบที่ 2 อีกกว่า 1,000 แห่ง รวมแล้วในอนาคตจะมีร้านยาที่ให้บริการโรคทั่วไปกว่า 1,500 แห่งทั่วประเทศ