Home
|
สล็อŸäˆ€ตทดลอง

สล็อตทดลองทีมข่🦁🏆าวไทยรั🎻ฐออนไลน์ 📺หรือ ไทยรัฐพลัส🎠 ได้น🎻ำสำเนาเอก

สล็อŸäˆ€ตทดลอง

ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ บริษัท TARAD.com โพสต์ข้อมูลในเฟซบุ๊ก Pawoot Pom Pongvitayaสล็อตทดลองpanu ตั้งข้อสังเกตถึง บริษัท TikTok ประเทศไทย ในฐานะที่เป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ขนาดใหญ่ที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย และอีกหลายประเทศทั่วโลกว่า ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ บริษัท TARAD.com ภาวุ🎻ธ พงษ์วิทยภานุ กรรมการผู้จัด🐼การและผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ บริษัท TARAD.com บริษัท TikTok ประเทศไทย ใช้ชื่อบริษัทว่า "บริษัท ติ๊กต๊อก เทคโนโลยีส์ จำกัด" ทุนจดทะเบียน 210 ล้านบาท (เปิดมา 2 ปีกว่า) ปีที่แล้วมีรายได้ 786 ล้านบาท มีกำไร 46.9 ล้านบาท (สมาคมโฆษณาดิจิทัล (ประเทศไทย) หรือ DAAT ประกาศว่า คนไทยจ่ายเงิน TikTok Ads 840 ล้านบาท) เข้าใจว่าเป็นบริษัทมีการจ้างคนทำงาน และจ่ายเงินเดือนจากบริษัทนี้ ข้อสังเกตของ เจ้าพ่อ E-Commerce ไอคอนวงการธุรกิจออนไลน์ของไทย คือ ภาวุธยกตัวอย่าง บริษัทข้ามชาติจากฝั่งเอเชียและตะวันตกมาเปรียบเ🔥ทียบกัน คือ บริษัท ไลน์ คอมพานี (ประเทศไทย) จำกัด ที่เมื่อปี 2565 บันทึกรายได้ในประเทศไทย 6,396 ล้านบาท กำไร 268 ล้านบาท เรียกว่า รายได้เกิดในประเทศเท่าไหร่ ก็บันทึกลงในประเทศเท่านั้🦄น โดย ภาวุธมองว่าเป็นการกระทำที่โปร่งใสและน่ายกย่อง ในขณะที่บริษัทข้ามชาติที่ทำมาหากินกับคนไทย แล้วเอาเงินขนออกไปนอกประเทศ บันทึกรายได้ในประเทศนิดเดียว เช่น Facebook (Thailand) มีรายได้ปี 65 จำนวน 463 ล้านบาท ได้กำไร 5 ล้านบาท แต่เมื่อเช็กข้อมูลจาก DAAT ระบุว่าคนไทยจ่ายโฆษณากับ Facebook มากถึง 8,691 ล้านบาท หรือ Google (Thailand) ที่ปีที่แล้วมีรายได้ 1,336 ล้านบาท มีกำไร 59 ล้านบาท แต่ทาง DAAT บอกว่าคนไทยจ่ายเงิน Youtube และ Google รวมกันกว่า 5,435 ล้านบาท ทั้ง 2 บริษัทนี้ สร้างรายได้จากคนไทยจริงๆ รวมๆ กันนับหมื่นล้าน แต่โยกรายได้ออกไป เหลือนิดเดียว เสียภาษีให้ประเทศไทยนิดเดียว เจ้าพ่อ E-Commerce ระบุว่ารัฐไทยรู้อยู่นานแล้ว ผมกับคนออนไลน์เข้าไปคุยกับสรรพากรมาหลายปีแล้ว จนผลักดันออกมาเป็นกฎหมาย E-Service Tax ที่เก็บภาษี VAT กับบริษัทต่างชาติที่สร้างรายได้กับคนไทย แต่เก็บได้แค่ร้อยละ 7 เท่านั้น แต่ก็ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย พร้อมกับชี้ให้เห🌊็นตัวเลขที่แท้จริงว่า คนไทยจ่ายเงินให้บริษัทออนไลน์ต่างชาติรวมๆ กันประมาณเองว่าปีนึงประมาณ 200,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นมูลค่าที่มากกว่าไทยส่งออกข้าวทั้งปีอีก นี่คือ "การขาดดุลการค้าดิจิทัล" ที่รัฐบาลไม่เคยนำตัวเลขนี้มารวมกับตัวเลขการขาดดุลการค้าของประเทศเลย และพยายามพูดเรื่องนี้กับภาครัฐมาหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่มีหน่วยงานไหนออกมาเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้เลย ข้อมูลจาก Pawoot Personal Blog & Think Tank เริ่มต้นตั้งคำถามย้อนกลับไปหาผู้อ่านว่า เราจ่ายเงินให้กับบริการออนไลน์ของบริษัทต่างประเทศเดือนหนึ่งกี่บาท​ ทั้ง Apple iCloud, Google, Youtube, Netflix, Spotify และอื่นๆ อีกมากมาย พร้อมยกค่าใช้จ่ายเดือนละ 2,000 บาท หรือปีละ 24,000 บาทของตัวเองเป็นตัวอย่างเพิ่ม แน่นอนว่า ผู้ให้บริการต่างก็พยายามหารายได้จากการเก็บค่าบริการต่างๆ ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากเราปล่อยให้🌟เป็นไปมากกว่านี้ นั่นหมายถึงคนไทยจะจ่ายเงินออกนอกประเทศโตขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ถ้าเทียบดูแล้วปีนึงคนไทยจ่ายเงินให้กับบริษัทบริการออนไลน์ต่างประเทศสูงถึง 200,000 ล้านบาท ซึ่งมากกว่ามูลค่าการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปปี 64 ที่มีเพียงแค่ 172,750 ล้านบาท หรือ เทียบกับการส่งออกข้าวไทยในปี 2564 มีเพียง 107,758 ล้านบาท "ขายข้าวทั้งปี ยังไม่ได้เท่ากับคนไทยขาดดุลดิจิทัล" ภาวุธให้ข้อเสนอแนะว่า รัฐควรเพิ่มการขาดดุลสินค้าดิจิทัล เข้าไปในการคำนวนเชิงเศรษฐกิจของประเทศ เพราะไทยกำลังสูญเสียเงินมหาศาลให้กับผู้ให้บริการออนไลน์ต่างประเทศ และจะเป็นจุดที่ทำให้นักธุรกิจไทยได้คิดว่า ทำไมถึงปล่อยให้เงินจำนวนมหาศาลนี้ หลุดออกไปให้ต่างประเทศ ? จะสามารถสร้างบริการลักษณะเดียวกันได้ไหม ? หรือควรจะทำอย่างไรต่อ ?