UID: 25485

นักวิชาการเตือน 2 พายุลูกใหม่ซ้ำเติมเหตุน้ำท่วมในประเทศไทย แม้ว่าพายุนาลแกจะสลายตัวลงเป็นหย่อมความกด

วันนี้ (17 ธ.ค.2567) กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอาก

นักวิชาการเตือน 2 พายุลูกใหม่ซ้ำเติมเหตุน้ำท่วมในประเทศไทย แม้ว่าพายุนาลแกจะสลายตัวลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำก่อนที่จะเข้าสู่ประเทศไทยแล้ว แต่กรมอุตุนิยมวิทยายังคงรายงานว่า ประเทศไทยจะมีฝนตกกระจายและมีฝนตกหนักในภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตกต่อไป เพราะอิทธิพลของร่องมรสุม และลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ขณะที่นักวิชาการเตือนว่า กำลังมีพายุลูกใหม่อีก 2 ลูก กำลังก่อตัวขึ้นอีกใกล้ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งอาจซ้ำเติมให้วิกฤตน้ำท่วมรุนแรงยิ่งขึ้นอีก นักวิชาการเตือน 2 พายุลูกใหม่ซ้ำเติมเหตุน้ำท่วมในประเทศไทย ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตรเตือนว่า ในปัจจุบันกำลังมีหย่อมความกดอากาศต่ำที่กำลังจะก่อตัวขึ้นเป็นพายุอีก 2 ลูก ใกล้ประเทศฟิลิปปินส์ โดยแบบจำลองของสถาบันคาดการณ์ว่า พายุลูกแรกจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน ขณะพัดผ่านฟิลิปปินส์ในวันที่ 9 ตุลาคม และจะทวีกำลังแรงขึ้นอีกเป็นพายุไต้ฝุ่นในวันที่ 10 ตุลาคม จากนั้นจะเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งที่เกาะไหหลำ ประเทศจีนในวันที่ 11 ตุลาคม ขณะที่พายุอีกลูกใกล้ประเทศฟิลิปปินส์จะทวีกำลังแรงขึ้น และเคลื่อนตัวผ่านประเทศฟิลิปปินส์ตามมา แม้พายุไต้ฝุ่นลูกใหม่จะไม่พัดเข้าสู่ประเทศไทย แต่คาดว่าจะส่งอิทธิพลให้เกิดฝนตกหนักในประเทศไทยได้ ตั้งแต่วันที่ 10 - 13 ตุลาคม ในภาคกลาง ภาคตะวันตก ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยพื้นที่ซึ่งจะมีฝนตกหนักในแบบจำลอง คือ พื้นที่ซึ่งเป็นสีแดง ส่วนพื้นที่ที่เป็นสีเขียว หมายถึงพื้นที่ที่จะมีฝนตกกระจาย สถานการณ์ฝนตกหนักอาจซ้ำเติมให้วิกฤตน้ำท่วมรุนแรงขึ้นได้อีก ขณะที่วันนี้เขื่อนภูมิพลจังหวัดตาก ยังคงระบายน้ำที่ 100 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน แม้จะมีน้ำไหลเข้าอ่างน้อยลงอยู่ที่กว่า 200 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวันแล้ว การระบายน้ำจะยังส่งผลให้ปริมาณน้ำท้ายเขื่อนในแม่น้ำปิงและแม่น้ำเจ้าพระยายังคงเพิ่มขึ้น กรมชลประทาน จึงเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำปิง ในเขตจังหวัดตาก กำแพงเพชร และนครสวรรค์ เฝ้าระวังและเสริมคันกั้นน้ำเพิ่มขึ้นอีก โดยน้ำปริมาณมากที่ไหลจากเขื่อนภูมิพลจะมาถึงจังหวัดนครสวรรค์ในวันเสาร์ที่ 8 ตุลาคมนี้ และวันอาทิตย์ที่ 9 ตุลาคม น้ำจะไหลไปถึงจังหวัดชัยนาท ส่วนกรุงเทพมหานครและปริมณฑลนั้น น้ำจะไหลลงมาถึงประมาณวันอังคารที่ 11 ตุลาคมนี้ ส่วนเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ระบายน้ำอยู่ที่ 980 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพราะขณะนี้น้ำในอ่างเก็บน้ำสูงกว่าระดับเก็บกักสูงสุดแล้ว โดยเขื่อนจำเป็นต้องระบายน้ำเพิ่มต่อไป จนกว่าระดับน้ำในอ่างจะเข้าสู่สภาวะปกติ ประชาชนที่อยู่ท้ายเขื่อนจึงควรเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด แม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำป่าสัก ซึ่งไหลลงมารวมกันที่อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วันนี้เข้าสู่จุดวิกฤตที่ 3,930 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีแล้ว ซึ่งเป็นระดับที่ผู้อำนวยการศูนย์พลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม อุทยานนานาชาติสิรินธรระบุว่า อาจทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาในกรุงเทพมหานครปริ่มพนังกั้นน้ำได้ในไม่ช้าเพราะระดับน้ำยังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอีก วันนี้น้ำไหลผ่านจังหวัดนครสวรรค์อยู่ที่ 4,578 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีแล้ว กรมชลประทานคาดว่าปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่จังหวัดนครสวรรค์อาจเพิ่มสูงถึง 5,000 - 5,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีได้ในไม่กี่วันนี้ ซึ่งจะส่งผลให้ระดับแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลลงมาสู่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เพิ่มสูงขึ้นจนเข้าสู่ภาวะวิกฤตได้ ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตรเตือนว่า ในปัจจุบันกำลังมีหย่อมความกดอากาศต่ำที่กำลังจะก่อตัวขึ้นเป็นพายุอีก 2 ลูก ใกล้ประเทศฟิลิปปินส์ โดยแบบจำลองของสถาบันคาดการณ์ว่า พายุลูกแรกจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน ขณะพัดผ่านฟิลิปปินส์ในวันที่ 9 ตุลาคม และจะทวีกำลังแรงขึ้นอีกเป็นพายุไต้ฝุ่นในวันที่ 10 ตุลาคม จากนั้นจะเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งที่เกาะไหหลำ ประเทศจีนในวันที่ 11 ตุลาคม ขณะที่พายุอีกลูกใกล้ประเทศฟิลิปปินส์จะทวีกำลังแรงขึ้น และเคลื่อนตัวผ่านประเทศฟิลิปปินส์ตามมา แม้พายุไต้ฝุ่นลูกใหม่จะไม่พัดเข้าสู่ประเทศไทย แต่คาดว่าจะส่งอิทธิพลให้เกิดฝนตกหนักในประเทศไทยได้ ตั้งแต่วันที่ 10 - 13 ตุลาคม ในภาคกลาง ภาคตะวันตก ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยพื้นที่ซึ่งจะมีฝนตกหนักในแบบจำลอง คือ พื้นที่ซึ่งเป็นสีแดง ส่วนพื้นที่ที่เป็นสีเขียว หมายถึงพื้นที่ที่จะมีฝนตกกระจาย สถานการณ์ฝนตกหนักอาจซ้ำเติมให้วิกฤตน้ำท่วมรุนแรงขึ้นได้อีก ขณะที่วันนี้เขื่อนภูมิพลจังหวัดตาก ยังคงระบายน้ำที่ 100 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน แม้จะมีน้ำไหลเข้าอ่างน้อยลงอยู่ที่กว่า 200 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวันแล้ว การระบายน้ำจะยังส่งผลให้ปริมาณน้ำท้ายเขื่อนในแม่น้ำปิงและแม่น้ำเจ้าพระยายังคงเพิ่มขึ้น กรมชลประทาน จึงเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำปิง ในเขตจังหวัดตาก กำแพงเพชร และนครสวรรค์ เฝ้าระวังและเสริมคันกั้นน้ำเพิ่มขึ้นอีก โดยน้ำปริมาณมากที่ไหลจากเขื่อนภูมิพลจะมาถึงจังหวัดนครสวรรค์ในวันเสาร์ที่ 8 เว็บตรงที่ดีที่สุดตุลาคมนี้ และวันอาทิตย์ที่ 9 ตุลาคม น้ำจะไหลไปถึงจังหวัดชัยนาท ส่วนกรุงเทพมหานครและปริมณฑลนั้น น้ำจะไหลลงมาถึงประมาณวันอังคารที่ 11 ตุลาคมนี้ ส่วนเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ระบายน้ำอยู่ที่ 980 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพราะขณะนี้น้ำในอ่างเก็บน้ำสูงกว่าระดับเก็บกักสูงสุดแล้ว โดยเขื่อนจำเป็นต้องระบายน้ำเพิ่มต่อไป จนกว่าระดับน้ำในอ่างจะเข้าสู่สภาวะปกติ ประชาชนที่อยู่ท้ายเขื่อนจึงควรเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด แม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำป่าสัก ซึ่งไหลลงมารวมกันที่อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วันนี้เข้าสู่จุดวิกฤตที่ 3,930 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีแล้ว ซึ่งเป็นระดับที่ผู้อำนวยการศูนย์พลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม อุทยานนานาชาติสิรินธรระบุว่า อาจทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาในกรุงเทพมหานครปริ่มพนังกั้นน้ำได้ในไม่ช้าเพราะระดับน้ำยังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอีก วันนี้น้ำไหลผ่านจังหวัดนครสวรรค์อยู่ที่ 4,578 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีแล้ว กรมชลประทานคาดว่าปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่จังหวัดนครสวรรค์อาจเพิ่มสูงถึง 5,000 - 5,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีได้ในไม่กี่วันนี้ ซึ่งจะส่งผลให้ระดับแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลลงมาสู่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เพิ่มสูงขึ้นจนเข้าสู่ภาวะวิกฤตได้

วันนี้ (24 มิ.ย.2566) เวลา 08.45 น. บรรยากาศภายในโรงเรียนราชวินิต มัธยม ทางผู้บริหารโรงเรียนและครอบค