Home
|
”学倃esports 4 ps

esports 4 psวันนี้ (24 ก.ค.2567) สำนั,,,,,,กข่าว Reuters ŽŸรายงานอ้างข

”学倃esports 4 ps

"หลักเมือง" ความหมายตามพจนานุกรม คือ เสาที่ยกตั้งขึ้นเพื่อแสดงว่า "จะสร้างเมืองที่ตรงนั้นอย่างแน่นอน" ภาษาบาลีสันสกฤตก็เรียก "อินทขีล" ตามประเพณีโบราณเมื่อมีการสร้างบ้านแปงเมือง จำเป็นจะต้องทำพิธียก "เสาเอกของเมือง" หรือ "เสาหลักเมือง" เพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านเมือง โดยสถานที่ตั้งต้องกอปรไปด้วยชัยภูมิอันเป็น "มงคลสถาน" เพราะเมืองนั้นจะกลายเป็นที่อยู่อาศัยของประชาชน ย่อมจะเป็นมิ่งขวัญและกำลังใจของประชาชน ทำให้เกิดความเชื่อมั่นว่าจะอยู่เย็นเป็นสุข และมีความเจริญรุ่งเรืองสถาพร ประเพณีหลักเมืองที่เรื่องเล่าแต่โบราณว่า การสร้างบ้านสร้างเมืองจะต้องทำพิธีฝังอาถรรพ์ประตูเมืองทั้ง 4 รวมถึงเสาหลักเมือง โดยต้องนำคนที่มีชีวิตฝังลงในหลุมเพื่อให้ดวงวิญญาณของผู้นั้นทำหน้าที่เฝ้าประตูเมือง เฝ้าหลักเมือง เพื่อป้องกันอริราชศัตรู และโรคภัยไข้เจ็บมิให้เกิดแก่ผู้ครองบ้านครองเมือง ตลอดจนราษฎรและสมณชีพราหมณ์ คนจะต้องเอาไปฝังนั้น จำเป็นต้องเฉพาะคนที่ชื่อ อิน จัน มั่น คง ถือเป็นเคล็ดที่จะทำให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์ นายนครวัฒกี (ช่างไม้) จะเที่ยวเดินร้องเรียกชื่อ อิน จัน🌸 มั่น คง ไปตามสถานที่ต่างๆ ใครขานรับขึ้นมา ก็จะถูกจับเอาตัวไปฝังในหลุม กลายเป็นผีเฝ้าประตูเมือง แต่ที่กล่าวมานี้ เป็นเพียงเรื่องเล่าขานมานาน ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่ามีการกระทำดังกล่าวจริง รวมทั้งในพงศาวดารไทย ไม่ว่าจะสมัยกรุงสุโขทัย กรุงศรีอยุธยา กรุงรัตนโกสินทร์ หรือเมืองอื่นๆ ก็ไม่ปรากฏ สร้างขึ้นเมื่อesports 4 psปี พ.ศ.2325 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ได้โปรดเกล้าฯ ให้มีพระราชพิธียกเส🏆าหลักเมืองขึ้น เมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 เม.ย.2325 เวลา 06.54 น. ณ ชัยภูมิใจกลางพระนครใหม่ การฝังเสาหลักเมืองมีพิธีรีตองตามพระตำราที่เรียกว่า พระราชพิธีนครฐาน ใช้ไม้ชัยพฤกษ์ทำเป็นเสาหลักเมือง ประกับด้านนอกด้วยไม้แก่นจันทน์ที่มี เส้นผ่าศูนย์กลางวัดที่โคนเสา 29 ซม. สูง 🎈187 นิ้ว กำหนดให้ความสูงของเสาหลักเมืองอยู่พ้นดิน 108 นิ้ว ฝังลงในดินลึก 79 นิ้ว มีเม็ดยอดรูปบัวตูม สวมลงบนเสาหลัก ลงรักปิดทอง ล้วงภายในไว้เป็นช่องสำหรับบรรจุดวงชะตาเมือง จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาเสาหลักเมืองต้นใหม่แทนต้นเดิมที่ชำรุดไปตามกาลเวลา เป็นแกนไม้สัก ประกับนอกด้วยไม้ชัยพฤกษ์ 6 แผ่น สูง 108 นิ้ว ฐานเป็นแท่นกว้าง 70 นิ้ว บรรจุดวงเมืองในยอดเสาทรงมัณฑ์ที่มีความสูงกว่า 5 เมตร ในปี พ.ศ.2525 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนิน ณ ศาลหลักเมือง ในพระราชพิธีสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี เพื่อเป็🍭นสิริมงคลแก่มหานครตามโบรา🔭ณราชประเพณี และได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการดำเนินการปรับปรุงศาลหลักเมืองให้มีความงดงามบริบูรณ์สมกับเป็นที่สถิตแห่งองค์พระหลักเมือง และให้เชิญเสาหลักเมืองต้นเดิมไปประดิษฐานไว้คู่กับเสาหลักเมืองต้นปัจจุบัน รวมทั้งได้สร้างศาลเทพารักษ์เพื่อเป็นที่สถิตแห่งเทพารักษ์ทั้ง 5 ได้แก่ พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง พระกาฬไชยศรี เจ้าเจตคุปต์ และเจ้าหอกลอง และอาคารหอพระพุทธรูปขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้ ในสมัยก่อนศาลหลักเมืองจะมีแต่หลักเมืองเท่านั้น ส่วนเทพารักษ์อีก 5 องค์ ซึ่งเป็นเทพารักษ์ประจำพระนคร ที่รัชกาลที่ 1 ได้โปรดฯ ให้สร้างเพื่อดูแลรักษาเมืองและประเทศชาตินั้น แต่เดิมท่านก็มีศาลของท่านแยกอยู่ต่างหาก คนละที่ ต่อมาเมื่อมีการสร้างสถานที่ราชการและตัดถนนเพิ่ม จึงมีการรื้อศาลเทพารักษ์ดังกล่าวออก แล้วอัญเชิญท่านมาประดิษฐานรวมกันในศาลหลักเมือง ปัจจุบัน "ศาลหลักเมือง" จึงกลายเป็นที่ชุมนุมสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คนนิยมมากราบไหว้และบนบานเพื่อขอให้สมปรารถนาในเรื่องต่างๆ มากขึ้น กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเ🍕บียนโบราณสถาน ศาลหลักเมือง เมื่อวันที่ 21 พ.ค.2518 นับได้ว่าโบราณสถานแห่งนี้นอกจากจะมีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์แล้ว ยังเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนคนไทยทั่วไปอย่างแท้จริง ในวันที่ 21 เม.ย.ของทุกปี ถือเป็นวันสถาปนาองค์พระหลักเมืองจะจัดพิธีบวงสรวงตามประเพณีพราหมณ์ ศาลหลักเมือง เปิดให้การบริการตั้งแต่เวลา 06.30-18.30 น. ทุกวัน และเปิดบริการตลอดคืนในเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ และเทศกาลตรุษจีน นอกเหนือจาก "ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร" แล้ว ตามต่างจังหวัดก็มักจะพบว่ามี "ศาลหลักเมือง" ของจังหวัดนั้นๆ อยู่ด้วย เช่น เชียงใหม่ นครราชสีมา สุพรรณบุรี และ นครศรีธรรมราช เป็นต้น ทั้งนี้เพราะในสมัยโบราณ สถานที่เหล่านี้ต่างก็เป็นเมืองมาก่อน มิได้เป็นเพียงจังหวัดๆ หนึ่งดังเช่นปัจจุบัน ต่างจึงมี "หลักเมือง" ที่บ่งบอกความเป็นเมืองสำคัญหรือเคยเป็นราชธานี ดังนั้น "เสาหลักเมือง" จึงเปรียบเสมือน "เสาเอก" ที่เป็นเครื่องแสดงเจตจำนงของผู้นำและประชาชนที่จะลงหลักปักฐานในแผ่นดินนั้นๆ นั่นเอง ที่มา : สำนักงานกิจการศาลหลักเมือง, กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม