วันนี้ ( 3 พ.ค.2566) ทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าว วาระประเทศไทย ครั้งที่ 5 “ปชป. กับนโยบายแก้หนี้ประชาชนและการพัฒนาระบบการเงิน” และ “ปชป.จัดเต็ม ! ดันระบบรางทั่วไทย ลดต้นทุนโลจิสติกส์ - ปิดประ
วันนี้ (2 เม.ย.258) นายทรงศักดิ์ กิตติธากรณ์ ผอ.สำนักป้องกันรักษาป่า และควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ ร่วมกั
วันนี้ (29 เม.ย.2568) สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอินเดียและปากีสถานทวีความรุนแรงขึ้น หลังจากปากีสถานประกาศปิดน่านฟ้าไม่ให้สายการบินที่อินเดียเป็นเจ้าของหรือดำเนินการบินผ่าน เริ่มตั้งแต่วันที่ 24 เม.ย.
วันนี้ ( 3 พ.ค.2566) ทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าว วาระประเทศไทย ครั้งที่ 5 “ปชป. กับนโยบายแก้หนี้ประชาชนและการพัฒนาระบบการเงิน” และ “ปชป.จัดเต็ม ! ดันระบบรางทั่วไทย ลดต้นทุนโลจิสติกส์ - ปิดประตู “ประมูลเอื้อเอกชน” โดย นายพิสิฐ ลี้อาธรรม อดีต รมช.กระทรวงการคลัง ประธานคณะกรรมการนโยบายและทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรค ทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ และผู้เชี่ยวชาญด้านคมนาคมขนส่ง และโครงการขนาดใหญ่ (Megaproject) และ นายมโนชัย สุดจิตร ทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ นายพิสิฐ ลี้อาธรรม อดีต รมช.กระทรวงการคลัง ประธานคณะกรรมการนโยบายและทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์มีนโยบายเรื่องการพัฒนาระบบการเงิน ใน 3 ประเด็นหลัก คือ 1.จะพัฒนาและยกระดับเมืองหาดใหญ่ให้เป็นศูนย์กลางการเงินนานาชาติในภูมิภาค ในโลกทุกวันนี้มีศูนย์กลางการเงินอยู่หลายที่ อาทิ นิวยอร์ก ลอนดอน สิงคโปร์ เป็นต้น ซึ่งด้วยศักยภาพของหาดใหญ่ถ้าได้รับการสนับสนุนทางนโยบายจะสามารถดันให้หาดใหญ่เป็นศูนย์กลางการเงินนานาชาติในภูมิภาคได้ พัฒนาให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งถ้าทำได้จะดึงเม็ดเงินจาก ทุนจีน อาหรับ ฮ่องกง อินโดนีเซีย และอินเดียจะเข้ามา ทั้งนี้ จะต้องมีการแก้ไขกฎหมาย เช่น ภาษีอากร ให้เอื้ออำนวย อย่างน้อยต้องไม่ด้อยไปกว่าสิงคโปร์ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน คมนาคม อินเทอร์เน็ต ดาต้าเซ็นเตอร์ แก้ไขระบบการทำงานของศาล การพิพากษาคดีการเงินให้เทียบชั้นกับนานาชาติได้เพื่อให้มีความเชื่อมั่น มีพื้นที่ทำเป็น Financial District เชื่อว่าการเป็นศูนย์กลางการเงินจะเป็น s curve สร้างหาดใหญ่ให้รุ่งเรืองในอนาคต 2.ส่งเสริมและพัฒนาให้มีธนาคารท้องถิ่นเกิดขึ้น เพราะท้องถิ่นทั่วประเทศเริ่มจาก กทม. อบจ. อบต. และเทศบาลต่าง ๆ มีเงินฝากและเงินเก็บจำนวนมากมาย เพราะแต่ละปีเข้าถูกกฎหมาย และระเบียบการคลังท้องถิ่นบังคับว่าจะต้องทำงบประมาณแบบเกินดุล จึงมีเงินสะสมมากมายฝากตามธนาคารพาณิชย์ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร พรรคประชาธิปัตย์จะตรากฎหมายให้มีการจัดตั้งธนาคารเพื่อพัฒนาท้องถิ่นโดยให้ท้องถิ่นต่าง ๆ เป็นผู้ถือหุ้น รัฐบาลไม่ต้องใส่เงินเลยโดยหน้าที่หลัก คือ เป็นแหล่งระดมทุนเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นระยะยาว เรื่องที่ 3.จัดตั้งธนาคารสหกรณ์ โดยปัจจุบันมีเงินในรูปแบบสหกรณ์ต่างๆไม่น้อยกว่า 3.3 ล้านล้านบาท เงินในสหกรณ์ออมทรัพย์ยังมีมากกว่าธนาคารเอสเอ็มอี หรือธนาคารออมสิน แต่ทุกวันนี้ไม่มีการบริหารจัดการอย่างได้มาตรฐานสากล ประชาธิปัตย์จึงจะเสนอจัดตั้งให้เป็นรูปแบบธนาคารสหกรณ์ พรรคประชาธิปัตย์จะเอื้ออำนวยการตั้งธนาคารสหกรณ์ โดยออกกฎหมายในเรื่องนี้ ซึ่งไม่ต้องใช้เงินของรัฐบาล ไม่มีการก่อหนี้สาธารณะ ยกฐานะชมรมสหกรณ์ออมทรัพย์ให้ขึ้นมาเป็นธนาคารเพื่อที่เงินต่าง ๆ จากสหกรณ์ 2,000 แห่ง จะได้รวมศูนย์และใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศอย่างแท้จริง นายพิสิฐ กล่าวต่อถึงเรื่องนโยบายแก้หนี้ประชาชน โดยหนี้ครัวเรือนเป็นความเดือดร้อนของประชาชนที่สาหัส หลายพรรคการเมืองกล่าวถึงและพยายามจะแก้ไข ด้วยนโยบายต่าง ๆ ที่ทำให้ระบบการเงินอ่อนแอ และจะไม่มีเงินใหม่เข้ามาเช่น จะพักหนี้ 3-5 ปี ไม่ใช้บริการเครดิตบูโรมาทำงาน ไปแทรกแซงการทำงานในภาคธุรกิจการเงิน ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วยและไม่ทำอย่างนั้น พรรคจะทำให้ระบบเข้มแข็งขึ้น ไม่อ่อนแอลง พรรคประชาธิปัตย์มีเป้าหมายจะลดหนี้ครัวเรือนให้ต่ำกว่า 80% จากปัจจุบันใกล้ 90% ของ GDP ให้ได้ในระยะอันสั้น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน โดยจะปลดล็อกกฎหมาย 3 ฉบับ เพราะเป็นอุปสรรคต่อการบริหารการเงินของสมาชิก รวมถึงอัดฉีดเงินผ่านธนาคารหมู่บ้าน/ชุมชน การเพิ่มทุน SME โครงการ 1 ล้านล้านบาทอัดฉีดเงินเข้าเศรษฐกิจ ทำให้เศรษฐกิจขยายตัวกว่า 5% ประชาชนก็มีรายได้มากขึ้นมาผ่อนคลายปัญหาหนี้สินได้ สำหรับหนี้ครัวเรือนนั้นมี 2 ก้อนใหญ่ คือ 1.หนี้ของผู้มีเงินเดือน และ 2.หนี้ของเกษตรกร พรรคจะหาเงิน ประมาณ 900,000 ล้านบาทมาปลดหนี้ของผู้มีเงินเดือน โดยเอาเงินมาจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ โดยจะปลดล็อกให้นำเงินออกมาใช้ได้ประมาณ 200,000 ล้านบาท สำหรับสมาชิก 2.8 ล้านคน เบา คา ร่า 2499sรวม เว็บ คา สิ โน ออนไลน์ id88 เค ดิ ต ฟรีพื่อลดหนี้บ้าน ซื้อบ้าน และปลดล็อกกองทุน กบข.ของข้าราชการ เปิดทางให้ครู หรือตำรวจที่เดือดร้อน สามารถนำเงินจาก กบข.ที่เป็นเงินเขาเองมาลดหนี้บ้าน ซื้อบ้าน เป็นเงินประมาณ 100,000 ล้านบาท รวมทั้งหมด 300,000 ล้านบาท จะช่วยคนได้ประมาณ 4,000,000 คน ที่จะแบ่งเบาลดภาระหนี้ ดอกเบี้ยลดลง โดยไม่ต้องรอปีที่จะเกษียณอายุถึงจะนำเงินออกมาได้ รวมไปถึงจะปลดล็อกสหกรณ์ออมทรัพย์ให้นำทุนเรือนหุ้นสหกรณ์ไปตัดหนี้ที่มีกับสหกรณ์นั้น ๆ ได้ โดยจะแก้กฎหมายทั้ง 3 ฉบับนี้ เพียงแต่ 1 มาตรา คือ แก้ พ.ร.บ.กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ มาตรา 5 ให้สามารถนำเงินกองทุนมาจัดหาที่อยู่อาศัยได้, แก้ พ.ร.บ.กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ มาตรา 43/1 ให้สามารถนำเงินกองทุนมาจัดหาที่อยู่อาศัยได้ และแก้ พ.ร.บ.สหกรณ์ มาตรา 42 ให้สามารถนำหุ้นสหกรณ์มาหักลดหนี้สินเชื่อของสหกรณ์นั้น ๆ ได้ นายมโนชัย กล่าวต่อไปว่า ในส่วนการแก้หนี้เกษตรกรนั้นพรรคประชาธิปัตย์ เล็งเห็นความสำคัญของเกษตรกร และต้องการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรอย่างยั่งยืน ไปพร้อมกับการอัดฉีดทุนก้อนใหม่เพื่อการฟื้นฟูและปรับประสิทธิภาพการผลิตทางการเกษตร โดยมีนโยบาย ดังนี้ 1.ปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบโดยนำหนี้ของ ธ.ก.ส. และรวมถึงหนี้สหกรณ์การเกษตรและกองทุนหมู่บ้าน (ที่ยินยอมขายหนี้ให้ ธ.ก.ส.) มาจัดแบ่งชั้น ตามศักยภาพรายคนเป็น 3 ส่วน แบ่งเป็น ส่วนที่ 1 ลูกหนี้ที่ไม่มีศักยภาพ ที่เป็นเกษตรกรสูงวัย มีอายุมากเกิน 65 ปี หรือทุพพลภาพ ไม่สามารถประกอบอาชีพได้แล้ว มีอยู่ประมาณ 300,000 คน มีมูลหนี้ประมาณ 70,000 ล้านบาท จะยกหนี้ให้แก่เกษตรกรผู้สูงอายุ เป็นการตอบแทนคุณความดีที่ผลิตสินค้าให้เป็นอาหารแก่คนไทยมาอย่างยาวนาน โดยตัดเป็นหนี้สูญ ซึ่ง ธ.ก.ส.สำรองหนี้ดังกล่าวครบแล้ว และมีเงินกองทุนอยู่ประมาณ 420,000 ล้านบาท จึงไม่กระทบฐานะทางการเงินแต่ประการใด ส่วนที่ 2 ลูกหนี้ที่พอมีศักยภาพและยังประกอบอาชีพเกษตรกร แต่มีภาระหนี้สินล้นพ้นตัวไม่สามารถชำระหนี้ได้ ซึ่งมีประมาณ 2,000,000 คน มูลหนี้ประมาณ 1.2 ล้านล้านบาท จะแปลงมูลหนี้แต่ละรายเป็นหุ้นที่ ธ.ก.ส.ถือไว้แต่มีสัญญาขายคืนหุ้นดังกล่าว ให้คืนแก่ลูกหนี้ภายใน 10 ปี ขณะที่เม็ดเงินที่จะลงทุนใหม่จะให้ในรูปการทำธุรกิจร่วมกัน โดย ธ.ก.ส.เปลี่ยนบทบาทจาก เจ้าหนี้ เป็น "คู่คิดคู่ทำร่วมเสี่ยงกับเกษตรกร" (Partnership) แทนเป็นผู้ให้สินเชื่อ (Lender) แบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบันมาเป็นผู้ร่วมทุน ส่วนที่ 3 คือลูกหนี้ที่มีศักยภาพ สามารถเลือกเข้าโครงการเช่นเดียวกับกลุ่มพอมีศักยภาพ หรือใช้บริการสินเชื่อตามปกติของ ธ.ก.ส.ต่อไป โดย ธ.ก.ส.ต้องคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้แก่ผู้กู้กลุ่มดังกล่าวที่มี Net margin ให้ต่ำกว่า 1.0 % 2.ปรับบทบาทของ ธ.ก.ส.ให้เป็นสถาบันเพื่อการพัฒนาชนบท เพื่อให้มีบทบาทนอกจากเป็นผู้บริการทางการเงินแบบคู่คิดคู่ร่วมเสี่ยงกับเกษตรกรและชุมชน (Financial Partnership Provider) ในภาคชนบทแล้ว จะยกระดับเป็นที่ปรึกษาการเงิน (Financial advisory) ช่วยจัดตั้งธนาคารหมู่บ้านโดยจัดหาแหล่งเงินทุนให้ด้วย สำหรับการขับเคลื่อนตามบทบาทใหม่ของ ธ.ก.ส.จะใช้เงินจากแหล่งเงินทุนของ ธ.ก.ส.ซึ่งปัจจุบันมีสภาพคล่องทางการเงินรองรับการดำเนินงานประมาณ 400,000 ล้านบาท และจากการให้รัฐบาลชำระหนี้ตามโครงการจำนำข้าวและประกันรายได้เกษตรกรที่เป็นหนี้ประมาณ 800,000 ล้านบาท รวมเป็นประมาณ 1.2 ล้านบาท ซึ่งเพียงพอ โดยไม่ต้องพึงงบประมาณภาครัฐ ทั้งนี้ จากการยกหนี้ให้แก่เกษตรกรผู้สูงอายุและการแปลงหนี้เป็นทุนประมาณ 1.27 ล้านล้านบาท จะลดหนี้ภาคครัวเรือนของประเทศลงได้มากกว่า 8% ของ GDP และการเปลี่ยนบทบาท ธ.ก.ส.เป็นธนาคารพัฒนาชนบทตามแนวคิด "คู่คิดคู่ร่วมเสี่ยงกับเกษตรกรและชุมชน" จะส่งผลให้เศรษฐกิจฐานรากมีความเข้มแข็ง ทำให้เกิดการเติบโตเศรษฐกิจในภาพรวมแบบยั่งยืนไม่ต่ำกว่าปีละ 1.0% ช่วยให้เกษตรกรที่สูงวัย ทุพพลภาพ ประมาณ 300,000 คน ที่ถูกตัดหนี้เป็นหนี้สูญ หลุดพ้นจากความทุกข์ยากจากการเป็นหนี้สินล้นพ้นตัว ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ของประชาชนในชนบท
เมื่อวันที่ 7 เม.ย. ศูนย์ปฏิบัติการ COVID-19 จังหวัดนนทบุรี รายงานสถานการณ์ COVID-19 ในพื้นที่ พบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 6 คน ผู้ป่วยยืนยันสะสมรอบใหม่ 244 คน รักษาหาย 198 คน ยังอยู่ในโรงพยาบาล 46 คน นอกจา
- บา คา ร่า 2499sรวม เว็บ คา สิ โน ออนไลน์ id88 เค ดิ ต ฟรี
- เทคนิค เล่น เกม ยิง ปลา ให้ ได้ เงินเกม บา คา ร่า ทดลอง เล่น
- บา คา ร่า ที่ รับ วอ ล เลท
- ดา ฟา เบ ท
- โปรแกรม บอล ยู ฟ่า แชมป์ เปีย น ลีก วัน นี้M98ทีเด็ด ballza
- ราคา บอล วัน นี้ ทีเด็ด