กระทรวงศึกษาธิการอัฟกานิสถาน ประกาศปิดมหาวิทยาลัยส

เมื่อวันที่ 19 ต.ค.2565 เมื่อวันที่ 19 ต.ค.2565 สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) เผยแพร่ข้อมูลจาก องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (นาซา) เผยภาพถ่าย “เสาแห่งการก่อกำเนิด” ภาพล่าสุดจากกล้องโทรทร
พ.ศ.2560 ที่ชายหาดภูเก็ต เต่าตนุเพศชายตัวหนึ่งโผล่มาทักทายชาวภูเก็ตและนักท่องเที่ยวแบบไม่ทันตั้งตัว มาพร้อมอาการบาดเจ็บสาหัส กระดองแตกเป็นเสี่ยง ๆ รอยแผลชัดเจน คาดว่าน่าจะโดนใบพัดเรือซัดมาเต็ม ๆ ทีมกร
เมื่อวันที่ 19 ต.ค.2565 เมื่อวันที่ 19 ต.ค.2565 สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) เผยแพร่ข้อมูลจาก องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (นาซา) เผยภาพถ่าย “เสาแห่งการก่อกำเนิด” ภาพล่าสุดจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศ เจมส์ เว็บบ์ โดยระบุว่า ภาพบริเวณเล็ก ๆ ภายในเนบิวลานกอินทรีที่มีขนาดใหญ่กว่า 50 ปีแสง กลุ่มฝุ่นและแก๊สสีเหลืองสดใสที่เห็นในภาพเป็น “วัตถุดิบหลัก” ที่จะก่อตัวไปเป็นดาวฤกษ์ยุคใหม่ที่ซุกซ่อนอยู่เบื้องหลังกลุ่มแก๊สอันหนาทึบเหล่านี้ ราวกับเป็นเสาหลักแห่งห้วงอวกาศที่คอยให้กำเนิดดาวฤกษ์ดวงใหม่ เป็นที่มาของชื่อ “Pillars of Creation” ซึ่งมีความหมายว่า “เสาแห่งการก่อกำเนิด” ภาพ : NASA, ESA, CSA, STScI; Joseph DePasquale (STScI), Anton M. Koekemoer (STScI), Alyssa Pagan (STScI) ภาพ : NASA, ESA, CSA, STScI; Joseph DePasquale (STScI), Anton M. Koekemoer (STScI), Alyssa Pagan (STScI) เสาแห่งการก่อกำเนิด อยู่ห่างออกไปจากโลก 6,500 ปีแสง เป็นเนบิวลาขนาดเล็กเพียง 4-5 ปีแสงที่อยู่ภายใน เนบิวลานกอินทรี (Eagle Nebula, M16) หากใครคุ้นเคยกับวงการภาพถ่ายดาราศาสตร์ก็น่าจะคุ้นหูชื่อเนบิวลาเหล่านี้เป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นเนบิวลาที่มีความสวยงามและสามารถบันทึกภาพได้ไม่ยากนัก สำหรับภาพที่ทำให้ Pillars of Creation เป็นที่รู้จักมากทีสมัคร v9betbeer777 ufa่สุด คือ ผลงานจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลที่ เผยแพร่เมื่อปี ค.ศ. 1995 หรือกว่า 27 ปีที่แล้ว เผยให้เห็นกลุ่มฝุ่นและแก๊สอันหนาทึบ และเป็นภาพที่มีโทนสีแตกต่างไปจากภาพล่าสุดนี้อย่างสิ้นเชิง เนื่องจากฮับเบิลถ่ายภาพในช่วงคลื่นแสงที่ตามองเห็น และใช้ฟิลเตอร์กรองแสงในช่วงคลื่นเฉพาะ จึงประมวลผลภาพออกมาเป็นสีสันที่แตกต่างไปจากเจมส์ เว็บบ์ ภาพล่าสุดจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เว็บบ์ไม่เพียงแต่เผยให้เห็นรายละเอียดและสีสันที่ต่างออกไป แต่ยังแสดงให้เห็นดาวฤกษ์ที่ซุกซ่อนอยู่ภายในฝุ่นอันหนาทึบเหล่านี้ได้อย่างชัดเจนมาก ซึ่งเป็นคุณสมบัติหลักของช่วงคลื่นอินฟราเรดที่สามารถทะลุฝุ่นหนาทึบเหล่านี้ได้ดี ยิ่งรวมเข้ากับขนาดหน้ากล้องที่ใหญ่และอุปกรณ์ถ่ายภาพอย่างกล้อง NIRCam จึงทำให้ได้ภาพเนบิวลาอันโด่งดังแห่งนี้อย่างคมชัดแบบที่ไม่เคยมีกล้องใดทำได้มาก่อน ช่วยให้นักดาราศาสตร์ระบุจำนวนดาวฤกษ์เกิดใหม่ในเนบิวลาแห่งนี้ได้แม่นยำยิ่งขึ้น นำไปสู่การสร้างแบบจำลองการก่อกำเนิดดาว และการทำความเข้าใจกระบวนการก่อกำเนิดดาวฤกษ์ภายในเนบิวลานั่นเอง ภาพ : NASA, ESA, CSA, STScI; Joseph DePasquale (STScI), Anton M. Koekemoer (STScI), Alyssa Pagan (STScI) ภาพ : NASA, ESA, CSA, STScI; Joseph DePasquale (STScI), Anton M. Koekemoer (STScI), Alyssa Pagan (STScI) นอกจากนี้ หากเปรียบเทียบแนวฝุ่นและแก๊สระหว่างภาพจากฮับเบิลกับภาพจากเจมส์ เวบบ์ จะพบว่าส่วนที่หนาทึบของฮับเบิลนั้น เป็นส่วนที่สว่างสีเหลืองสดใสของเจมส์ เวบบ์ เนื่องจากกลุ่มฝุ่นและแก๊สเหล่านี้มีอุณหภูมิต่ำ จึงไม่แผ่รังสีในช่วงคลื่นที่ตามองเห็น ฮับเบิลจึงมองเห็นกลุ่มฝุ่นนี้เป็นสีดำเข้ม ขณะที่เจมส์ เว็บบ์สามารถมองเห็นรายละเอียดของแก๊สเหล่านี้ได้ชัดเจน เนื่องจากแก๊สอุณหภูมิต่ำเช่นนี้จะแผ่รังสีอินฟราเรดออกมา ทำให้เจมส์ เว็บบ์สามารถบันทึกรายละเอียดของกลุ่มแก๊สนี้ได้ ขณะที่แสงจากดาวฤกษ์พื้นหลังก็ยังสามารถทะลุฝุ่นเหล่านี้ออกมาได้อีกด้วย อ้างอิง : www.nasa.gov/.../nasa-s-webb-takes-star-filled... https://hubblesite.org/.../images/1995/44/351-Image.html ข่าวที่เกี่ยวข้อง เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับกล้องโทรทรรศน์อวกาศ "เจมส์ เวบบ์" กล้องโทรทรรศน์อวกาศ" กุญแจสำคัญไขความลับเอกภพ กาแล็กซี NGC 1961 สุดอลังการจากกล้องฮับเบิลของนาซา เปิดภาพ "กาแล็กซีล้อเกวียน จากกล้องโทรทรรศน์อวกาศ "เจมส์ เว็บบ์" ภาพแรกสุดชัดจากเจมส์ เว็บบ์ "กระจุกกาแล็กซี SMACS 0723"
วันนี้ (11 มี.ค.2564) นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า พื้นที่ภาคเหนือที่มีค่
วันที่ 24 ก.ย.2565 เวลา 15.00 น. เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เข้าบังคับใช้กฎหมายตรวจค้นในพื้นที่ ต.กะล
เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.2565 ผู้ปกครองเด็กอายุตั้งแต่ 6-12 ปี บ้านโคกสำโรง ต.บ้านไทร อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัม
เมื่อวันที่ 19 ต.ค.2565 เมื่อวันที่ 19 ต.ค.2565 สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) เผยแพร่ข้อมูลจาก องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (นาซา) เผยภาพถ่าย “เสาแห่งการก่อกำเนิด” ภาพล่าสุดจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศ เจมส์ เว็บบ์ โดยระบุว่า ภาพบริเวณเล็ก ๆ ภายในเนบิวลานกอินทรีที่มีขนาดใหญ่กว่า 50 ปีแสง กลุ่มฝุ่นและแก๊สสีเหลืองสดใสที่เห็นในภาพเป็น “วัตถุดิบหลัก” ที่จะก่อตัวไปเป็นดาวฤกษ์ยุคใหม่ที่ซุกซ่อนอยู่เบื้องหลังกลุ่มแก๊สอันหนาทึบเหล่านี้ ราวกับเป็นเสาหลักแห่งห้วงอวกาศที่คอยให้กำเนิดดาวฤกษ์ดวงใหม่ เป็นที่มาของชื่อ “Pillars of Creation” ซึ่งมีความหมายว่า “เสาแห่งการก่อกำเนิด” ภาพ : NASA, ESA, CSA, STScI; Joseph DePasquale (STScI), Anton M. Koekemoer (STScI), Alyssa Pagan (STScI) ภาพ : NASA, ESA, CSA, STScI; Joseph DePasquale (STScI), Anton M. Koekemoer (STScI), Alyssa Pagan (STScI) เสาแห่งการก่อกำเนิด อยู่ห่างออกไปจากโลก 6,500 ปีแสง เป็นเนบิวลาขนาดเล็กเพียง 4-5 ปีแสงที่อยู่ภายใน เนบิวลานกอินทรี (Eagle Nebula, M16) หากใครคุ้นเคยกับวงการภาพถ่ายดาราศาสตร์ก็น่าจะคุ้นหูชื่อเนบิวลาเหล่านี้เป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นเนบิวลาที่มีความสวยงามและสามารถบันทึกภาพได้ไม่ยากนัก สำหรับภาพที่ทำให้ Pillars of Creation เป็นที่รู้จักมากทีสมัคร v9betbeer777 ufa่สุด คือ ผลงานจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลที่ เผยแพร่เมื่อปี ค.ศ. 1995 หรือกว่า 27 ปีที่แล้ว เผยให้เห็นกลุ่มฝุ่นและแก๊สอันหนาทึบ และเป็นภาพที่มีโทนสีแตกต่างไปจากภาพล่าสุดนี้อย่างสิ้นเชิง เนื่องจากฮับเบิลถ่ายภาพในช่วงคลื่นแสงที่ตามองเห็น และใช้ฟิลเตอร์กรองแสงในช่วงคลื่นเฉพาะ จึงประมวลผลภาพออกมาเป็นสีสันที่แตกต่างไปจากเจมส์ เว็บบ์ ภาพล่าสุดจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เว็บบ์ไม่เพียงแต่เผยให้เห็นรายละเอียดและสีสันที่ต่างออกไป แต่ยังแสดงให้เห็นดาวฤกษ์ที่ซุกซ่อนอยู่ภายในฝุ่นอันหนาทึบเหล่านี้ได้อย่างชัดเจนมาก ซึ่งเป็นคุณสมบัติหลักของช่วงคลื่นอินฟราเรดที่สามารถทะลุฝุ่นหนาทึบเหล่านี้ได้ดี ยิ่งรวมเข้ากับขนาดหน้ากล้องที่ใหญ่และอุปกรณ์ถ่ายภาพอย่างกล้อง NIRCam จึงทำให้ได้ภาพเนบิวลาอันโด่งดังแห่งนี้อย่างคมชัดแบบที่ไม่เคยมีกล้องใดทำได้มาก่อน ช่วยให้นักดาราศาสตร์ระบุจำนวนดาวฤกษ์เกิดใหม่ในเนบิวลาแห่งนี้ได้แม่นยำยิ่งขึ้น นำไปสู่การสร้างแบบจำลองการก่อกำเนิดดาว และการทำความเข้าใจกระบวนการก่อกำเนิดดาวฤกษ์ภายในเนบิวลานั่นเอง ภาพ : NASA, ESA, CSA, STScI; Joseph DePasquale (STScI), Anton M. Koekemoer (STScI), Alyssa Pagan (STScI) ภาพ : NASA, ESA, CSA, STScI; Joseph DePasquale (STScI), Anton M. Koekemoer (STScI), Alyssa Pagan (STScI) นอกจากนี้ หากเปรียบเทียบแนวฝุ่นและแก๊สระหว่างภาพจากฮับเบิลกับภาพจากเจมส์ เวบบ์ จะพบว่าส่วนที่หนาทึบของฮับเบิลนั้น เป็นส่วนที่สว่างสีเหลืองสดใสของเจมส์ เวบบ์ เนื่องจากกลุ่มฝุ่นและแก๊สเหล่านี้มีอุณหภูมิต่ำ จึงไม่แผ่รังสีในช่วงคลื่นที่ตามองเห็น ฮับเบิลจึงมองเห็นกลุ่มฝุ่นนี้เป็นสีดำเข้ม ขณะที่เจมส์ เว็บบ์สามารถมองเห็นรายละเอียดของแก๊สเหล่านี้ได้ชัดเจน เนื่องจากแก๊สอุณหภูมิต่ำเช่นนี้จะแผ่รังสีอินฟราเรดออกมา ทำให้เจมส์ เว็บบ์สามารถบันทึกรายละเอียดของกลุ่มแก๊สนี้ได้ ขณะที่แสงจากดาวฤกษ์พื้นหลังก็ยังสามารถทะลุฝุ่นเหล่านี้ออกมาได้อีกด้วย อ้างอิง : www.nasa.gov/.../nasa-s-webb-takes-star-filled... https://hubblesite.org/.../images/1995/44/351-Image.html ข่าวที่เกี่ยวข้อง เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับกล้องโทรทรรศน์อวกาศ "เจมส์ เวบบ์" กล้องโทรทรรศน์อวกาศ" กุญแจสำคัญไขความลับเอกภพ กาแล็กซี NGC 1961 สุดอลังการจากกล้องฮับเบิลของนาซา เปิดภาพ "กาแล็กซีล้อเกวียน จากกล้องโทรทรรศน์อวกาศ "เจมส์ เว็บบ์" ภาพแรกสุดชัดจากเจมส์ เว็บบ์ "กระจุกกาแล็กซี SMACS 0723"
เมื่อวันที่ 1 มี.ค.2566 กรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) กระทรวงพลังงาน เตือนหลังพบการกระทำผิดจากการลักลอบเติม