เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นวัฏจักรที่มนุษย์ต้องพบเจอ แต

วันนี้ (5 ก.ค.2565) บรรยากาศที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมาคึกคักเป็นพิเศษ เมื่อแฟนคลับทีมวอลเลย์บอลสาวไทย รวมถึงสื่อมวลชน ให้การต้อนรับทีมวอลย์บอลหญิง เบอร์ 14 ของโลก ที่ทะลุเข้ารอบ 8 ทีม
วันนี้ (18 ธ.ค.2566) เวลา 09.00 น ที่ห้องพิจารณา 701 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีกลุ่มพันธมิตรฯ บุกสนามบินดอนเมืองหมายเลขดำ อ.973/2556 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ฟ้อง พล.ต.จ
วันนี้ (31 ส.ค.2566) ผศ.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีฝ่ายกิจการพิเศษ คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Thon Thamrongnawasawat" ว่า กรณีเพจขยะมรสุม รายงานการพบทากทะเลมังกรฟ้า Blue Dragon Sea Slug ที่ชายฝั่งภูเก็ต ซึ่งนักดำน้ำรู้จักเป็นอย่างดี แม้มีขนาดเล็กแต่สีสวย ทากทะเลเป็นญาติของหอยฝาเดียว เป็นสัตว์พิสดาร บางชนิดสามารถกินสัตว์ที่มีเข็มพิษแล้วดึงเอาเซลล์เข็มพิษมาไว้ในตัวเพื่อป้องกันตัวเอง นักดำน้ำบางคนอาจพบทากพวกนี้ กำลังกินไฮดรอยด์ (ขนนกทะเล) โดยมีเข็มพิษอยู่ปลายเนื้อเยื่อที่ยื่นออกมาคล้าย “หนาม” ตามลำตัว และสามารถดึงเข็มพิษจากสัตว์อื่นมาใช้ได้ ผศ.ธรณ์ อธิบายเพิ่มเติมว่า กลุ่มสัตว์กินเข็มพิษมีหลายตัวและหลายชนิด หนึ่งในนั้นคือทากทะเลมังกรฟ้า ลักษณะจะลอยอยู่บนผิวน้ำเพราะกินอากาศเข้าไป และกินอาหารหลักเป็นPortuguese man o' war หรือเรือรบโปรตุเกส ซึ่งมีพิษร้ายแรง ทากตัวนี้จะลอยไปเกาะบนแมงกะพรุน ค่อย ๆ กินไปเรื่อย ๆ และกระเปาะเข็มพิษก็จะเคลื่อนไปตามเนื้อเยื่อและไปอยู่บริเวณส่วนปลายแหลมบนตัวของทากดังกล่าว ซึ่งจะใช้ป้องกันตัวเท่านั้น ไม่ได้ใช้เพื่อการล่า หรือทำร้าย ตราบใดที่ไม่สัมผัสโดยตรง ก็จะไม่ยิงเข็มพิษออกมา ผศ.ธรณ์ กล่าวว่า ปกติแล้วทากทะเลมังกรฟ้าอยู่กลางมหาสมุทร แต่อาจพบในช่วงหน้ามรสุม เพราะคลื่นลมแรงพัดมาที่ฝั่งเดียวกับที่ จ.ภูเก็ต อย่างไรก็ตาม ทากทะเลมังกรฟ้าอยู่บนฝั่งได้ไม่นาน เมื่อถูกคลื่นกระแทกและอากาศออกหมดตัวจะแฟ่บ แต่อาจพบแมงกะพรุนเรือรบโปรตุเกสลอยน้ำด้วย เพราะทั้งคู่สัมพันธ์กัน ผศ.ธรณ์ เบอล เตะ ช่อง ไหนตือนนักท่องเที่ยวว่า หากโดนทากทะเลมังกรฟ้าแล้ว จะใช้หลักการเดียวกับการโดนแมงกะพรุน ซึ่งแพทย์แนะนำให้ใช้ราดน้ำส้มสายชูปริมาณมาก ข้อมูลจากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ระบุว่า แมงกะพรุนเรือรบโปรตุเกส มีรูปร่างสีฟ้าหรือสีม่วง ส่วนที่ลอยน้ำรูปร่างคล้ายหมวกของทหารเรือชาวโปรตุเกส และมีหนวดยาว ปกติจะไม่พบในน่านน้ำไทย โดยจะพบในทะเลเปิดของมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ, ทะเลเมดิเตอเรเนียน, มหาสมุทรแปซิฟิก และมหาสมุทรอินเดีย แต่อาจจะถูกกระแสน้ำพัดมาเกยตื้นหรือเข้าสู่น่านน้ำไทยได้ในบางฤดูกาล หากสัมผัสโดน แม้แมงกะพรุนชนิดนี้มีความเป็นพิษที่รุนแรงที่สุดในกลุ่มแมงกะพรุนไฟ แต่สำหรับระดับความเป็นพิษสามารถทำให้บาดเจ็บได้ในหลายระดับ ขึ้นอยู่กับความต้านทานของแต่ละบุคคลและปริมาณพิษที่ได้รับ ตั้งแต่อาการแสบคัน จนถึงปวดแสบปวดร้อน รวมถึงกับอาการไข้ ช็อค และเกิดความผิดปกติกับหัวใจและปอด โดยวิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้นจากการถูกพิษของแมงกะพรุนชนิดนี้ คือให้ใช้น้ำส้มสายชูราดบริเวณที่ได้รับพิษอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 30 วินาที และรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล
วันนี้ (21 ก.พ.2564) แม่น้ำโขงช่วงไหลผ่าน จ.นครพนม ระดับน้ำต่ำกว่า 1 เมตร และมีสีฟ้าคราม เป็นปรากฏกา
วันนี้ (31 ส.ค.2566) ผศ.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีฝ่ายกิจการพิเศษ คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
วันนี้ (2 มี.ค.2565) พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เปิดเผยว่า วันนี้จะนำเรือสปี
วันนี้ (31 ส.ค.2566) ผศ.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีฝ่ายกิจการพิเศษ คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Thon Thamrongnawasawat" ว่า กรณีเพจขยะมรสุม รายงานการพบทากทะเลมังกรฟ้า Blue Dragon Sea Slug ที่ชายฝั่งภูเก็ต ซึ่งนักดำน้ำรู้จักเป็นอย่างดี แม้มีขนาดเล็กแต่สีสวย ทากทะเลเป็นญาติของหอยฝาเดียว เป็นสัตว์พิสดาร บางชนิดสามารถกินสัตว์ที่มีเข็มพิษแล้วดึงเอาเซลล์เข็มพิษมาไว้ในตัวเพื่อป้องกันตัวเอง นักดำน้ำบางคนอาจพบทากพวกนี้ กำลังกินไฮดรอยด์ (ขนนกทะเล) โดยมีเข็มพิษอยู่ปลายเนื้อเยื่อที่ยื่นออกมาคล้าย “หนาม” ตามลำตัว และสามารถดึงเข็มพิษจากสัตว์อื่นมาใช้ได้ ผศ.ธรณ์ อธิบายเพิ่มเติมว่า กลุ่มสัตว์กินเข็มพิษมีหลายตัวและหลายชนิด หนึ่งในนั้นคือทากทะเลมังกรฟ้า ลักษณะจะลอยอยู่บนผิวน้ำเพราะกินอากาศเข้าไป และกินอาหารหลักเป็นPortuguese man o' war หรือเรือรบโปรตุเกส ซึ่งมีพิษร้ายแรง ทากตัวนี้จะลอยไปเกาะบนแมงกะพรุน ค่อย ๆ กินไปเรื่อย ๆ และกระเปาะเข็มพิษก็จะเคลื่อนไปตามเนื้อเยื่อและไปอยู่บริเวณส่วนปลายแหลมบนตัวของทากดังกล่าว ซึ่งจะใช้ป้องกันตัวเท่านั้น ไม่ได้ใช้เพื่อการล่า หรือทำร้าย ตราบใดที่ไม่สัมผัสโดยตรง ก็จะไม่ยิงเข็มพิษออกมา ผศ.ธรณ์ กล่าวว่า ปกติแล้วทากทะเลมังกรฟ้าอยู่กลางมหาสมุทร แต่อาจพบในช่วงหน้ามรสุม เพราะคลื่นลมแรงพัดมาที่ฝั่งเดียวกับที่ จ.ภูเก็ต อย่างไรก็ตาม ทากทะเลมังกรฟ้าอยู่บนฝั่งได้ไม่นาน เมื่อถูกคลื่นกระแทกและอากาศออกหมดตัวจะแฟ่บ แต่อาจพบแมงกะพรุนเรือรบโปรตุเกสลอยน้ำด้วย เพราะทั้งคู่สัมพันธ์กัน ผศ.ธรณ์ เบอล เตะ ช่อง ไหนตือนนักท่องเที่ยวว่า หากโดนทากทะเลมังกรฟ้าแล้ว จะใช้หลักการเดียวกับการโดนแมงกะพรุน ซึ่งแพทย์แนะนำให้ใช้ราดน้ำส้มสายชูปริมาณมาก ข้อมูลจากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ระบุว่า แมงกะพรุนเรือรบโปรตุเกส มีรูปร่างสีฟ้าหรือสีม่วง ส่วนที่ลอยน้ำรูปร่างคล้ายหมวกของทหารเรือชาวโปรตุเกส และมีหนวดยาว ปกติจะไม่พบในน่านน้ำไทย โดยจะพบในทะเลเปิดของมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ, ทะเลเมดิเตอเรเนียน, มหาสมุทรแปซิฟิก และมหาสมุทรอินเดีย แต่อาจจะถูกกระแสน้ำพัดมาเกยตื้นหรือเข้าสู่น่านน้ำไทยได้ในบางฤดูกาล หากสัมผัสโดน แม้แมงกะพรุนชนิดนี้มีความเป็นพิษที่รุนแรงที่สุดในกลุ่มแมงกะพรุนไฟ แต่สำหรับระดับความเป็นพิษสามารถทำให้บาดเจ็บได้ในหลายระดับ ขึ้นอยู่กับความต้านทานของแต่ละบุคคลและปริมาณพิษที่ได้รับ ตั้งแต่อาการแสบคัน จนถึงปวดแสบปวดร้อน รวมถึงกับอาการไข้ ช็อค และเกิดความผิดปกติกับหัวใจและปอด โดยวิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้นจากการถูกพิษของแมงกะพรุนชนิดนี้ คือให้ใช้น้ำส้มสายชูราดบริเวณที่ได้รับพิษอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 30 วินาที และรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล
วันนี้ (19 ม.ค.2567) นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ "กัน จอมพลัง" พาผู้เสียหายเป็นเยาวชนหญิงอายุ