มีภาษาพิเศษที่ทำให้เจ้าของอูฐชาวซาอุดีอาระเบีย สามารถสื่อสารและฝึกให้อูฐทำตามคำสั่งต่างๆ ได้ ทั้งฝึก

วันนี้ (15 มี.ค. 2567) นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยว่า กรมศุลกากร สนธิกำลังกับหน่วยสกัดกั้นยาเสพติดทางท่าอากาศยานนานาชาติ (Airport

มีภาษาพิเศษที่ทำให้เจ้าของอูฐชาวซาอุดีอาระเบีย สามารถสื่อสารและฝึกให้อูฐทำตามคำสั่งต่างๆ ได้ ทั้งฝึกให้อูฐรวมฝูง เดินตาม เลี้ยวซ้าย-เลี้ยวขวา หรือแม้ให้อ้าปาก หรืองอเข่าก็ฝึกได้เช่นกัน ภาษานี้มีชื่อเรียกว่า Alheda'a ซึ่งองค์การยูเนสโกเพิ่งประกาศขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ไปเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมานี้เอง ยิ่งสะท้อนให้เห็นถึงสายสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างชาวอาหรับกับสัตว์ที่ได้ชื่อว่าเรือแห่งทะเลเทราย นอกจากคำสั่งต่างๆ แล้ว การท่องบทกวีเป็นทำนองแบบนี้ยังช่วยปลอบประโลมอูฐได้อีกด้วย โดยเฉพาะเวลาที่อูฐตื่นตระหนกเมื่อเจอพายุทราย Hamad al-Marri วัย 36 ปี ซึ่งมีอูฐอยู่ทั้งหมด 100 ตัว บอกว่าอูฐจำเสียงเจ้าของได้ และจะตอบสนองต่อเสียงของเจ้าของเท่านั้น ซึ่งการเลี้ยงอูฐเป็นภูมิปัญญาที่สืบทอดต่อกันมาในครอบครัวของเขามาแล้วหลายรุ่น ตอนนี้ ลูกๆ ของเขาเองก็ชอบและเริ่มมาคลุกคลีกับอูฐมากขึ้น ความรู้เรื่องภาษานี้จะถ่ายทอดต่อกันมาในครอบครัวและชุมชน อย่างเวลาลูกๆ ตามพ่อแม่ไปเลี้ยงอูฐ ก็จะเรียนรู้วิชานี้ไปในตัว เจ้าของอูฐอีกคนหนึ่ง ซึ่งครอบครัวเขาเลี้ยงอูฐกันมานานกว่า 200 ปี บอกว่าที่เขารู้ภาษานี้ เพราะตอนเด็กๆ อาศัufa345sww888 ทาง เข้ายดูพ่อและปู่พูด และตอนนี้ตั้งใจที่จะถ่ายทอดให้ลูกๆ ด้วย หัวหน้าคณะกรรมการมรดกของซาอุดิอาระเบีย (CEO of Saudi Heritage Commission) บอกว่า มีภาพวาดบนผนังหินมากมายที่แสดงให้เห็นว่า ประเทศนี้ใช้อูฐเป็นพาหนะ ทั้งในการทำสงครามและการค้าขาย ซึ่งเป้าหมายที่ยื่นขอจดทะเบียนเป็นมรดกโลก เพราะต้องการปกป้องรักษาและพัฒนาภาษา Alheda'a ให้ยังคงมีสืบต่อไปในอนาคต

จากกรณีเมื่อวันที่ 8 ธ.ค.66 กรมราชทัณฑ์ได้ออกระเบียบว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ. 2566 ซึ่งให้อำนาจกรมราชทัณฑ์ในการกำหนดสถานที่คุมขังอื่น ๆ นอกเหนือจากเรือนจำได้ ทำให้สังคมเกิ