วันที่ 6 มิ.ย.2567 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานยศทหารเป็นกรณีพิเศษ โดยมีรายละเอียดความว่า มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานยศ พลเรือเอก และ พลอ
กรณีเพจอีซ้อขยี้ข่าว โพสต์ภาพ และข้อความหลังถูกแก๊งคอลเซนเตอร์หลอกเอาเงินไป 2.4 ล้านบาท จึงเข้าไปแจ้งความไว้ที่โรงพักแห่งหนึ่ง วันรุ่งขึ้นมีตำรวจโทรเข้ามาบอกว่าจะดูแลคดีนี้ให้แต่ต้องแลกกับเงินหลักแสน
จากกรณีพิธีกรชื่อดังเคยเป็นโรคแพนิกไม่ออกจากบ้านถึง 1 ปี และเกือบเป็นโรคซึมเศร้า เพราะเครียดจากสถานการณ์ COVID-19 ไทยพีบีเอสออนไลน์ชวนมารู้จักโรค โรคแพนิก (Panic disorder) หรือโรคตื่นตระหนกเป็นโรควิตกกังวลที่มีอาการตกใจกลัวอย่างกะทันหันและรุนแรงทั้งที่ไม่ได้เผชิญกับเหตุการณ์หรือ สถานการณ์ที่อันตราย ข้อมูลจาก โรงพยาบาลจิตเวชนครสวรรค์ราชนครินทร์ ระบุว่า โรคแพนิกสามารถพบได้ถึงร้อยละ 3 – 5 ในประชากรทั่วไป คนส่วนใหญ่จะเคยมีอาการแพนิกหนึ่งหรือสองครั้งในชีวิต ซึ่งความถี่ในการเกิดอาการแพนิกอาจแตกต่างกันออกไป ตั้งแต่มีอาการหลาย ๆ ครั้งต่อวันไปจนกระทั่งมีอาการเพียงไม่กี่ครั้งต่อปี ผู้ป่วยโรคนี้จะรู้สึกทุกข์ทรมานในการดำเนินชีวิตประจำวันเนื่องจากมีความวิตกกังวลตลอดเวลาว่าจะมีอาการเกิดขึ้นอีกเมื่อไร บางคนต้องเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตหรือการงานที่เคยทำประจำและเกิดความทุกข์ใจอย่างมากที่ไม่อาจดำเนินชีวิตให้เป็นปกติสุขได้ดังเดิม แต่ความจริงแล้วยังมีวิธีการที่จะช่วยให้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นและหายได้ ขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจนของโรคแพนิก จากการวิจัยพบว่าโรคแพนิกอาจมีความสัมพันธ์กับปัจจัยด้านกรรมพันธุ์ โดยถ้าเป็นญาติสายตรงจะพบประมาณร้อยละ 43 นอกจากนี้ ยังอาจเกี่ยวข้องกับการมีเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ๆ ในชีวิตเกิดขึ้น ทำให้เกิดความเครียดและนำไปสู่การเกิดอาการของโรคแพนิก เช่น การต้องจากไกลบ้านเพื่อไปศึกษาต่อ การแต่งงานหรือการมีลูกคนแรก ฯลฯ ขณะมีอาการแพนิกร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลง ดังนี้ คือสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ ที่เรียกว่า“อะมิกดาลา” ( Amygdala ) รับรู้ว่ามีอันตรายเกิดขึ้นจะส่งสัญญาณไปที่ระบบประสาทอัตโนมัติ ที่เรียกว่าซิมพาเทติก (Sympathetic) ซึ่งจะไปกระตุ้นต่อมหมวกไตให้มีการหลั่งฮอร์โมนอะดรีนาลิน (Adrenaline) ซึ่งเป็นหนึ่งในฮอร์โมนที่มีหน้าที่ในการปกป้องเราจากอันตราย ฮอร์โมนที่หลั่งออกมาจะกระจายเข้าสู่กระแสเลือดไปตามอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย เป็นเหตุให้เกิดอาการต่าง ๆ ตามมา เมื่อมีลักษณะอาการดังที่กล่าวมาข้างต้น และสงสัยว่าอาจเป็นโรคแพนิค สิ่งที่ต้องทำเป็นลำดับแรกคือการไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด แม้ว่าโรคแพนิคจะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่อาการของโรคนั้นไปสัมพันธ์คล้ายคลึงกับปัญหาสุขภาพร้ายแรงอื่นๆ ด้วยเช่นกัน เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคระบบหลอดเลือดหัวใจ และหัวใจวายเฉียบพลัน โรคแพนิค (Panic disorder) ไม่ได้เป็นโรคร้ายแรง หรือทำให้มีอันตรายถึงชีวิต แต่ทำให้เกิดความกังวลกับผู้ที่เป็น และต้องรักษาหากกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตได้โดยปกติ ซึ่งการรักษาแบ่งออกเป็น 2 วิธี ซึ่งการรักษาที่ได้ผลดีและตรงกับสาเหตุก็คือการรับประทานยา เพื่อช่วยปรับสมดุลการทำงานของสารเคมีในสมองดังกล่าว อาการเหล่านี้ก็จะหายไปได้ นอกจากนี้การดูแลจัดการกับตัวเองเมื่อมีอาการก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน การรักษาด้วยยาเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสารสื่อประสาทในสมองเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดโรคแพนิค ดังนั้นการรับประทานยา เพื่อไปปรับสมดุลของสารสื่อประสาทในสมองจึงมีความจำเป็น และใช้เวลาในการรักษาประมาณ 8-12 เดือน โดยขึ้นอยู่กับปัจจัยกระตุ้นให้เกิดโรคของแต่ละบุคคล จากการศึกษาพบว่า ประมาณ 1 ใน 3 ของผู้ที่เป็นโรคนี้ สามารถหายขาดได้ การรักษาทางใจคือการทำจิตบำบัดประเภทปรับความคิดและพฤติกรรม ซึ่งมีหลายวิธี เช่น ฝึกหายใจในผู้ป่วยที่มีอาการหายใจไม่อิ่ม หายใจเข้า – ออกลึก ๆ ช้า ๆ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากอาการ โดยหายใจเข้าให้ท้องป่องและหายใจออกให้ท้องยุบในจังหวะที่ช้า ซึ่งจะทำให้ร่างกายค่อย ๆ ปรับตัว หลังจากนั้นร่างกายจะเริ่มผ่อนคลายและอาการก็จะค่อย ๆ ดีขึ้นและหายไปเอง นอกจากนี้ ยังต้องรู้เท่าทันอารมณ์ของตน ตั้งสติ บอกlucky777 ถอนเงินสล็อต แจก โบนัส ฟรีกับตัวเองว่าอาการที่เกิดขึ้นเป็นแค่เรื่องชั่วคราว สามารถหายได้และไม่อันตรายถึงแก่ชีวิต มีการฝึกการคลายกล้ามเนื้อในผู้ป่วยที่มีอาการปวดศรีษะ หรือปวดตึงกล้ามเนื้อ รวมถึงการฝึกสมาธิ และการฝึกคิดในทางบวก ทั้งนี้ โรคแพนิกเป็นโรคที่น่ากลัวสำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้ บางคนบอกว่าเป็นโรคที่น่ารำคาญมากทีเดียว แต่ถ้าดูแลรักษาถูกต้องแล้ว ผู้ป่วยก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติเช่นเดียวกับผู้อื่นในสังคม ที่มา : คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล, โรงพยาบาลจิตเวชนครสวรรค์ราชนครินทร์, โรงพยาบาลเปาโล, praram9
ศปภ.ขอโทษ-ย้ำยังไม่ต้องอพยพ ให้เก็บของขึ้นที่สูงเท่านั้น ศปภ.แจ้งผ่าน Facebook ขออภัยที่แจ้งเหตุผิดพลาด ย้ำสถานการณ์ตอนนี้ในพื้นที่ย่านรังสิตยังอยู่ที่ขั้น 1 คือให้เก็บของขึ้นที่สูง ยังไม่ต้องอพยพ ศปภ
จากกรณีพิธีกรชื่อดังเคยเป็นโรคแพนิกไม่ออกจากบ้านถึง 1 ปี และเกือบเป็นโรคซึมเศร้า เพราะเครียดจากสถานก