UID: 48420

หนูน้อยจ้าวเวหาร่วมบินกิจกรรม กิจกรรมจักรยานเฉลิมพระเกียรติ "ไบค์ ฟอร์ มัม" โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห

วันนี้ (15 ต.ค.2564) สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า บรรยากาศที่สนามบินนานาชาติงูราห์ ไร ตกอยู่ในสภาพเงีย

รถบรรทุกขนาดใหญ่มีสัดส่วนการใช้งานเพียง 1% ของยานพาหนะบนท้องถนน แต่กลับสร้างมลพิษบนถนนทั่วโลกถึง 25% หากสามารถเปลี่ยนรถบรรทุกที่ก่อมลพิษรุนแรงเหล่านี้ ให้ขับเคลื่อนด้วยพลังงานทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้ ก็อาจทำให้สิ่งแวดล้อมและสภาพอากาศเปลี่ยงแปลงไปในทางที่ดีขึ้นได้ อโมจี (Amogy) เป็นบริษัทสตาร์ตอัปยานยนต์ที่ก่อตั้งขึ้นโดยบัณฑิตจากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) จำนวน 4 คน ที่มีวิสัยทัศน์เหมือนกัน คือ ต้องการลดคาร์บอนในภาคการขนส่งอย่างยั่งยืน จึงได้เปิดตัวรถบรรทุกกึ่งพ่วงที่ใช้พลังงานแอมโมเนีย ซึ่งสามารถกักเก็บพลังงานได้นานกว่าแบตเตอรี่ 5 เท่า โดยรถ 1 คัน มีพลังงานอยู่ที่ 900 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง และยังสามารถเติมเชื้อเพลิงโดยใช้เวลาเพียง 8 นาที ซึ่งเป็นจุดแข็งที่มีเหนือการใช้พลังงานแบตเตอรี่ ระบบการจ่ายพลังงานแอมโมเนียนั้น ปราศจากคาร์บอน และมีความหนาแน่นของพลังงานในระบบที่สูงกว่าแบตเตอรี่ลิเทียมถึง 5 เท่า อีกทั้งการชาร์จพลังงานรถไฟฟ้านั้นใช้เวลาค่อนข้างนานต่อการชาร์จ 1 ครั้ง แต่รถพลังงานแอมโมเนียใช้เวลาในการเติมเชื้อเพลิงเพียง 8 นาที ซึ่งเร็วพอ ๆ กับการเติมน้ำมัน จึงทำให้รถพลังงานแอมโมเนียเป็นทางเลือกที่ดีกว่ารถพลังงานไฟฟ้า รถบรรทุกกึ่งพ่วงพลังงานแอมโมเนีย ได้รับการทดสอบการใช้งานเป็นเวลาหลายชั่วโมงที่วิทยาเขตของมหาวิทยาลัยสโตนีบรู๊ค (Stony Brook University) ในสหรัฐอเมริกา และจะทำการทดสอบอย่างเต็มรูปแบบในสนามทดสอบ เพื่อแสดงประสิทธิภาพของรถบรรทุกภายใต้สภาพการใช้งานจริงที่หลากหลาย การทดลองที่ประสบความสำเร็จในครั้งนี้ พิสูจน์ให้เห็นว่าแอมโมเนียเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ยั่งยืน ในการลดปัญหามลพิษที่เกิดจากรถบรรทุกซึ่งมีเพียง 1% บนท้องถนนแต่กลับสร้างมลพิษต่อโลกมากมาย ซึ่งในอนาคตบริษัทสตาร์ตอัปแห่งนี้จะพัฒนาการใช้พลังงานแอมโมเนียกับเรือลากจูงขนาด 1 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวภายในปี 2023 นี้ ที่มาข้อมูล: amogy, hydrogen-central, freethink, twinfmที่มาallone66ภาพ: amogy“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech

รถบรรทุกขนาดใหญ่มีสัดส่วนการใช้งานเพียง 1% ของยานพาหนะบนท้องถนน แต่กลับสร้างมลพิษบนถนนทั่วโลกถึง 25%