วันนี้ (20 ก.พ.64) ภายหลังการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนต

วันนี้ (28 พ.ค.2567) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงครบรอบ 2 ปี ของการทำงาน ภายใต้ชื่องาน “2 ปี ทำงาน ‘เปลี่ยน ปรับ’ ยกระดับเมืองน่าอยู่” พร้อมทั้งแสดงวิสัยทัศน์การทำงานในอีก 2 ปี ข้างหน้า ที่ห้องอเนกประสงค์ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เขตปทุมวัน นายชัชชาติ กล่าวว่า เดิมกรุงเทพฯ เป็นเมืองเที่ยวสนุก แต่ประสิทธิภาพต่ำ ซึ่งทำให้คนเหนื่อยกับการใช้ชีวิตและการเผชิญกับปัญหาอุปสรรคมากมาย ดังนั้นสิ่งที่ได้ทำตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จึงมีการเปลี่ยนแปลงและปรับหลาย ๆ ด้าน เพื่อให้การทำงานและการแก้ไขปัญหามีความคล่องตัว มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้คนเหนื่อยน้อยลง และมีความสุขกับการใช้ชีวิตมากขึ้น Traffy Fondue คือหนึ่งในตัวอย่างที่ได้ทำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาของประชาชน โดยตัดขั้นตอนจากที่ต้องใช้เอกสารมากมาย เปลี่ยนมาเป็นการออนไลน์ตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่ง 2 ปีที่เปิดให้ประชาชนร้องเรียนความเดือดร้อนผ่าน Traffy Fondue ได้ลงมือแก้ไขเสร็จสิ้นแล้ว 465,291 เรื่อง จากที่มีการร้องเรียนเข้ามาทั้งหมด 588,842 เรื่อง คิดเป็น 78 % อยู่ระหว่างแก้ไข 58,456 เรื่อง ส่งต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 40,655 เรื่อง และติดตาม 11,545 เรื่อง เฉลี่ยระยะเวลาที่ใช้ในการแก้ไขปัญหาเรื่องที่ประชาชนร้องเรียนมา ลดลง 97 % จากเดิมใช้เวลาประมาณ 2 เดือน เหลือเพียง 2 วัน ล่าสุดติดตั้งไฟฟ้าแสงสว่างที่ซอยประชาอุทิศ 17 เสร็จภายใน 1 วัน 12 ชั่วโมง หลังได้รับแจ้งจากประชาชนผ่านทาง Traffy Fondue ทางเท้าถนนบรรทัดทอง ซ่อมพื้นผิวเสร็จภายใน 4 วัน ซึ่งประชาชนพึงพอใจให้คะแนน 5 ดาวมา เป็นต้น ขณะนี้ได้เพิ่มความสะดวก ลดขั้นตอนให้แจ้งเรื่องร้องเรียนได้ง่ายขึ้น โดยลดคำถามจากเดิม 5 คำถาม เหลือ 3 คำถาม และนำ AI เข้ามาใช้ในการระบุประเภทของเรื่องร้องเรียน อีกทั้งเพิ่มเติมการติดตามเรื่องร้องเรียนที่อยู่บริเวณใกล้เคียง พร้อมให้ประชาชนเข้าไปตรวจสอบและให้คะแนนการแก้ไขของ กทม. เพิ่มเติมได้ เพื่อให้ กทม. กลับไปแก้ไขเพิ่มในส่วนที่ยังไม่พึงพอใจ นอกจากนี้ยังมีการสะสมคะแนนให้กับประชาชนที่เข้ามามีส่วนร่วม เพิ่มความสนุกในการใช้งาน Traffy Fondue ที่สำคัญประชาชนยังสามารถมั่นใจในความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวว่าจะไม่ถูกเปิดเผย เพราะไม่มีการเก็บชื่อและรูปโปรไฟล์ กทม. เชื่อว่าสิ่งที่สะท้อนผ่านการร้องเรียนใน Traffy Fondue คือความเชื่อมั่นระหว่าง กทม.กับประชาชน ดังนั้น กทม. จึงมุ่งมั่นในการแก้ไขทุก ๆ ปัญหาที่ประชาชนแจ้งเข้ามาอย่างเต็มที่ และเชิญชวนชาว กทม. ทุกคนเพิ่ม Line OA “@TraffyFondue” ไว้เป็นเพื่อน ขณะนี้กิจกรรม “ผู้ว่าฯ สัญจร” อยู่ในช่วงของสัญจรวนซ้ำในรอบที่สองแล้ว หลังจากผู้ว่าฯ ชัชชาติ พร้อมคณะผู้บริหาร ได้สัญจรเข้าไปประชุมร่วมกับหน่วยงานและลงพื้นที่เพื่อรับทราบปัญหาของประชาชนในพื้นที่จนครบทั้ง 23 หน่วยงาน และ 50 เขตมาแล้ว ซึ่งในช่วง 2 ปีที่มี “ผู้ว่าฯ สัญจร” ได้มีข้อสั่งการให้แก้ไขปัญหาในพื้นที่ไป 1,779 รายการ มีการดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว 1,251 รายการ ส่วนการลงพื้นที่ในรอบที่สองนี้ จะเป็นการติดตามการแก้ไขปัญหาและรับฟังเสียงของประชาชนเพิ่มเติม เป็นการตอกย้ำแนวคิดของ กทม. ในยุคนี้ คือ “หันหลังให้ผู้ว่าฯ หันหน้าให้ประชาชน” ซึ่งมุ่งรับฟังความคิดเห็น รับรู้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาให้ได้มากที่สุด การทำทางเท้าให้น่าเดิน สวยงาม และปลอดภัย เป็นสิ่งที่ กทม. มุ่งมั่นในการทำทางเท้าให้เอื้อต่อการใช้งานของคนทุกเพศทุกวัย โดยยึดมาตรฐานทางเท้าที่แข็งแรง คงทน และสวยงามด้วย ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ได้ปรับปรุงทางเท้าไป 785 กม. ขณะเดียวกันได้ปรับพื้นทางเข้าออกอาคารให้เรียบเสมอทางเท้า ลดความสูงของทางเท้าเหลือ 10 ซม. และ 18 ซม. และติดเบรลล์บล็อกแนวตรง สำหรับคนพิการและผู้สูงวัยได้ใช้ง่าย เดินง่ายขึ้นด้วย นอกจากนี้ ยังได้จัดระเบียบหาบเร่-แผงลอยให้ประชาชนเข้าถึงอาหารราคาถูกได้ โดยไม่เบียดเบียนทางเดินเท้า ทำไปแล้ว 257 จุด เช่น จุดที่ ถ.สารสิน ขณะนี้ได้จัดพื้นที่ขายชั่วคราวให้ก่อนจะขยับขยายเข้ามาอยู่ใน Hawker Center ที่จะสร้างเสร็จในปีนี้ พร้อมทั้งจัดระเบียบสายสื่อสารที่รกรุงรังในถนนสายต่าง ๆ รวมระยะทาง 627 กม. รวมทั้งเปลี่ยนหลอดไฟฟ้าแสงสว่างให้เป็นหลอด LED ที่มีอายุการใช้งานยาวกว่า เชื่อมระบบ IOT สามารถตรวจสอบหลอดไฟดวงที่เสียได้อัตโนมัติและแก้ไขได้รวดเร็ว ให้คนกรุงเทพฯ เดินเท้ากลับบ้านอย่างสบายใจ ปัญหาฝนตก น้ำไม่ระบาย เดินทางลำบาก ซึ่งอยู่คู่กับกรุงเทพฯ มายาวนาน นับตั้งแต่มีการถอดบทเรียนและรวบรวมข้อมูลจุดน้ำท่วมทั่วกรุงเทพฯ ในปี 2565 พบจุดสำคัญที่ต้องแก้ไข 737 จุด ขณะนี้แก้ไขแล้ว 370 จุด และจะแก้ไขได้ทันในปี 2567 อีก 190 จุด ตัวอย่างบริเวณศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก มีการแก้ไขน้ำท่วมทุกมิติ โดยส่วนที่ทำเสร็จแล้ว ได้แก่ การทำท่อเชื่อมเร่งระบายน้ำ ก่อสร้างบ่อสูบน้ำ และลอกท่อระบายน้ำถึงคลองน้ำแก้ว และกำลังทำการก่อสร้างท่อหน้า มหาวทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม ปรับปรุงบ่อสูบน้ำ ถ.รัชดาฯ พร้อมปรับปรุงเขื่อนเดิม ปรับปรุงบ่อสูบน้ำซอยอาภาภิรมย์ 2 บ่อ และก่อสร้างระบบระบายน้ำเพิ่มเติม ถ.รัชดา จุดหน้าธนาคารกรุงเทพ-ศาลอาญา นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการเตรียมพร้อมรับมือน้ำท่วมก่อนที่จะเกิดฝน โดยการล้างท่อระบายน้ำทำไปแล้ว 4,200 กม. ทำความสะอาดคลองเปิดทางน้ำไหล 1,960 กม. ขุดลอดคลอง 217 กม. พร้อมทั้งทำการบำรุงรักษาประตูระบายน้ำ สถานีสูบน้ำ ล้างอุโมงค์ระบายน้ำทุกแห่ง และตรวจสอบเครื่องสูบน้ำทุกเครื่องให้พร้อมใช้งาน เมืองที่ดี คือเมืองที่มีพื้นที่สาธารณะ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนในการใช้ชีวิตให้กับประชาชน ไม่จำเป็นต้องจ่ายแพงเพื่อจะเข้าถึงบริการต่าง ๆ ด้วยแนวคิดนี้ทำให้ กทม. พัฒนาพื้นที่สาธารณะที่มีอยู่ ประกอบด้วย สวนสาธารณะ 58 แห่ง ศูนย์นันทนาการ 36 แห่ง ห้องสมุด 34 แห่ง พิพิธภัณฑ์เด็ก 2 แห่ง ศูนย์กีฬา 12 แห่ง ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงและใช้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สำหรับศูนย์กีฬาแบบใหม่ครบวงจร ได้ปรับปรุงแล้ว 11 แห่ง เช่น ศูนย์กีฬาเบญจกิติ ศูนย์กีฬาบางขุนเทียน ศูนย์นันทนาการวัดดอกไม้ เตรียมขยายผลอีก 13 แห่ง เช่น ศูนย์กีฬาตลาดพลู ศูนย์กีฬาวังทองหลาง ศูนย์กีฬาเสนานิเวศน์ ศูนย์กีฬาทวีวัฒนา ศูนย์นันทนาการทุ่งครุ เป็นต้น ซึ่งที่ผ่านมา ได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชน ในการทำศูนย์กีฬาแบบใหม่ ที่มีกิจกรรมหลากหลายและประเภทกีฬาใหม่ ๆ อาทิ พิกเคิลบอล เทกบอล ปิงปอง บาสเกตบอล โดยที่สวนเบญจกิติ เป็นต้นแบบขยายศูนย์กีฬาไปยังสวนอื่น ๆ ทั่วกรุงเทพฯ เช่น บึงหนองบอน เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ส่วนการเพิ่มพื้นที่แห่งความสร้างสรรค์ กำลังมีการปรับปรุงอาคารลุมพินีสถานสู่ Performance Art Hub ของคนกรุงเทพฯ ซึ่งกำหนดจะแล้วเสร็จในปี 2568 สวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ กำลังจะเกิดขึ้น ด้วยโครงการเชื่อมบึงหนองบอน-สวนหลวง ร.9 รวมทั้งการเพิ่มสวนขนาดใหญ่ให้เป็นปอดฟอกอากาศ และสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของคนกรุงเทพฯ เช่น ที่บ่อฝรั่ง (ริมบึงบางซื่อ) ซึ่งจะเป็นสวนกีฬาทางน้ำแห่งใหม่ และสวนป่าชุ่มน้ำบางกอก (เสรีไทย) ส่วนสวน 15 นาที ซึ่งเป็นสวนขนาดเล็กที่ใกล้ชิดชุมชนเพียงระยะการเดินไม่เกิน 15 นาที ล่าสุดได้เกิดขึ้นแล้วกว่า 100 แห่ง คาดว่าจะครบ 500 แห่ง ภายใน 4 ปี โดยขณะนี้ได้วางเกณฑ์มาตรฐาน 8 ข้อ เพื่อยกระดับคุณภาพของสวน 15 นาทีทุกแห่ง ประกอบด้วย 1.การเข้าถึงพื้นที่ 2.สิ่งอำนวยความสะดวก 3.กิจกรรมการใช้งาน 4.การออกแบบ 5.ความปลอดภัย 6.การมีส่วนร่วม 7.สุขภาวะ 8.สิ่งแวดล้อม เช่น ระบบนิเวศน์ ตัวอย่างสวนที่ได้มาตรฐาน เช่น สวนสุขใจ ยานนาวา สวนใต้แยกตากสิน สวนป่าสัก วิภาวดี 5 เป็นต้น ปรับใหญ่บริการสุขภาพ ปูพรมตรวจรักษาโรค สร้างพื้นฐานคุณภาพชีวิตที่ดีเพื่อลดข้อจำกัดในการเข้าถึงบริการสาธารณสุขของคนกรุงเทพฯ ปัญหาหมออยู่ไกล เข้าถึงยาก ไม่สะดวก เสียเวลา ถูกคลี่คลายลงด้วยการพัฒนาบริการต่าง ๆ เช่น โครงการตรวจสุขภาพฟรี 1,000,000 คน ได้ทุกคน ไม่จำกัดสิแค่ สมัคร ก็ รับ เครดิต ฟรี 300ทธิ์ ซึ่งจะเปิดยาวไปถึงเดือนกันยายน 2567 มีการตรวจคัดกรองมากกว่า 14 รายการพื้นฐาน เพื่อรู้สัญญาณของโรคก่อนที่จะเป็นอันตราย มีเพิ่มเจาะเลือดส่งตรวจแล็บ เอ็กซเรย์ปอด ตรวจคลื่นไ🎖️ฟฟ้าหัวใจ และภาวะแทรกซ้อนทางตา ประชาชนสามารถตรวจสอบปฏิทินตรวจสุขภาพของแต่ละเดือน และเลือกวันเวลาและสถานที่ที่สะดวกไปรับบริการได้ ซึ่งประชาชนที่ไปรับบริการมีความพึงพอใจที่ไม่ต้องรอคิว ไม่ต้องเดินทางไกล และลดภาระค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ กทม.ยังได้ขยายการบริการของศูนย์บริการสาธารณะ รับตรวจรักษานอกเวลาจนถึง 2 ทุ่ม หรือเสาร์-อาทิตย์ ทุ🎧กพื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน อีกทั้งยังขยายศูนย์ส่งเสริมและฟื้นฟูสุขภาพ (กายภาพบำบัด) แก้ออฟฟิศซินโดรม ปวดคอ บ่า ไหล หลัง ได้ที่ศูนย์ฯ ใกล้บ้าน 8 แห่ง เปิด Pride Clinic คัดกรอง-ปรึกษาฟรี สำหรับผู้มีความหลากหลายทางเพศ จากเดิมมี 6 แห่ง เพิ่มเป็น 31 แห่ง มีผู้ใช้บริการเกือบ 20,000 ราย มีตั้งแต่การตรวจระดับฮอร์โมนและการขอรับฮอร์โมน ปรึกษาปัญหาสุขภาพจิต เครียด ซึมเศร้า ปรึกษาด้านศัลยกรรมการผ่าตัด ตรวจหา HIV ซิฟิลิส และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และบริการยาป้องกันการติดเชื้อ HIV นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าฯ กทม. นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าฯ กทม. ตลอดระยะเวลา 2 ปี เป็นช่วงที่ กทม. ดำเนินการด้านการป้องกันและต่อต้านการทุจริตอย่างเข้มข้น โดยมีการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนทั้งสิ้น 781 เรื่อง ในจำนวนนี้มีมูลทุจริต 56 เรื่อง ได้ดำเนินการถึงขั้นสอบสวนทางวินัย 44 เรื่อง และมีการให้ออกจากราชการ 29 ราย อยู่ระหว่างการพิจารณา 12 เรื่อง ส่งต่อให้ ป.ป.ช. หรือ ป.ป.ท. จำนวน 5 เรื่อง ในด้านการให้บริการขออนุญาตต่าง ๆ มีความสะดวกยิ่งขึ้นด้วย BMA One Stop Service ซึ่งรวมศูนย์การขอใบอนุญาตไว้บนออนไลน์ โดยกำลังตั้งทีมอนุมัติกลางให้สามารถอนุมัติได้เร็วขึ้น ประชาชนสามารถติดตามทุกคำขออนุญาตทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ส่วนการขออนุญาตถ่ายทำ ที่ให้บริการอยู่ ขณะนี้กำลังพัฒนาแพลตฟอร์มการขออนุญาตถ่ายทำให้เป็นระบบกลางที่ครบวงจรจบในที่เดียวต่อไป ส่วนการเปิดฐานข้อมูล (Open Data) ได้มีการเปิดเผยข้อมูลด้านนโยบาย งบประมาณ สัญญาจ้าง ภาษี ฯลฯ ไปแล้วมากกว่า 1,000 ชุดข้อมูล มีผู้ใช้งานมากกว่า 3 ล้านครั้ง/ปี ด้านการเปิดระบบจัดซื้อจัดจ้าง ได้มุ่งให้เกิดความโปร่งใสตั้งแต่การประกวดราคาจนถึงการบริหารสัญญา โดยเร็ว ๆ นี้ มีระบบที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าแข่งขันประมูลงานของ กทม. ด้วยการ Subscribe ให้ผู้รับจ้างรับการแจ้งเตือนโครงการใหม่และติดตามความคืบหน้าได้ ความพยายามในการแก้ไขปัญหาโครงการส่วนต่อขยายรถไฟฟ้า BTS ที่มีมาต่อเนื่อง ได้ลุล่วงไปในก้าวแรก โดยสามารถชำระหนี้งานระบบของส่วนต่อขยาย 23,000 ล้านบาท และโอนกรรมสิทธิ์มาเป็นของ กทม. เรียบร้อยแล้ว สิ่งที่จะต้องทำต่อไปคือการลดการผูกขาด โดยเสนอรัฐบาลให้ยกเลิกคำสั่ง ม.44 นำระบบรถไฟฟ้ากลับสู่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างและร่วมทุนตามกฎหมาย เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนต่อไป 2 ปี ที่ผ่านมาเป็นช่วงของการทำงานที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของกรุงเทพมหานครโดยผ่านนโยบายและโครงการต่าง ๆ มากมาย ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพของเมือง ยกตัวอย่างที่เห็นชัดเจน อาทิ- ในมิติ “ประชาชนชนเป็นศูนย์กลาง” คือ Traffy Fondue - มิติ “สร้างการมีส่วนร่วม” ได้แก่ ศูนย์กีฬาสวนเบญจกิติ บ่อฝรั่ง สวน 15 นาที การเพิ่มงบประมาณพัฒนาพื้นที่ให้กับสำนักงานเขต จาก 500 ล้านบาท เป็น 3,300 ล้านบาท - มิติ “ทำงานอย่างโปร่งใส” ได้แก่ Open Bangkok, Open Data, Open Contract และ BMA e-GP - มิติ “ใช้เทคโนโลยีและข้อมูล” ได้แก่ บริการ BMA OSS, GPS รถขยะ และระบบมอนิเตอร์ไฟฟ้าแสงสว่าง - มิติ “รับฟังเสียงจากคนรุ่นใหม่ ได้แก่ สภาเมืองคนรุ่นใหม่ สภาเด็กและเยาวชน โครงการ HackBKK- มิติ “เดินหน้าแก้ไขปัญหาที่ท้าทาย” ได้แก่ การยกระดับการศึกษา ยกระดับสาธารณสุข แก้หนี้สิน BTS และปัญหาหาบเร่-แผงลอย รวมถึงการเตรียมเสนอร่าง พ.ร.บ.กทม.ใหม่ เพื่อนำไปสู่การยกระดับการบริหารราชการ กทม. ในรูปแบบใหม่ด้วย 2 ปีต่อไป มุ่งบูรณาการข้ามหน่วยงาน สร้างกรุงเทพฯเมืองน่าอยู่แห่งอนาคตในอีก 2 ปี ข้างหน้า นายชัชชาติ และทีมงาน มุ่งมั่นจะขับเคลื่อนกรุงเทพมหานครเป็นเมืองน่าอยู่ โดยทำงานประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วน โดยนายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า 2 ปี นับจากนี้จะเป็นช่วงของการพัฒนาเมืองที่เปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากขึ้น ทั้งช่วยสอดส่อง แจ้งปัญหาผ่าน Traffy Fondue การตรวจสอบ Open Data ข้อมูลงบประมาณ การจัดซื้อจัดจ้าง ทั้งร่วมทำ ร่วมนำเสนอ ผ่านสภาเด็กและเยาวชน สภาเมืองคนรุ่นใหม่ ประชาคมคนพิการ ย่านสร้างสรรค์ เทศกาล อีเวนต์ กิจกรรมดนตรีในสวน และอาสาสมัครเทคโนโลยีประจำชุมชน นอกจากนี้ยังมี e-participation แพลตฟอร์มออนไลน์ที่สามารถร่วมสร้างกรุงเทพฯ เช่น แพลตฟอร์มการจองพื้นที่สาธารณะ และแพลตฟอร์ม Participatory Budgeting อีกด้วย ส่วนที่ให้อำนาจประชาชนตัดสินใจได้เอง ได้แก่ การผลักดันข้อบัญญัติกองทุนชุมชนเข้มแข็ง และข้อเสนอปรับแก้ พ.ร.บ.ส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ ซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วง 2 ปีนี้เช่นกัน นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึง การทำงานด้านสิ่งแวดล้อมในช่วง 2 ปีข้างหน้า เพื่อทำให้กรุงเทพฯ มีอากาศสะอาด นอกเหนือจากดำเนินการตามมาตรการลดฝุ่นที่ได้ทำมาอย่างต่อเนื่องแล้ว นอกจากนี้จะมีการเปลี่ยนรถบริการของ กทม. ไม่ว่าจะเป็น รถเก็บขยะ รถบรรทุกน้ำ รถสุขาเคลื่อนที่ รถบรรทุก 6 ล้อ จากรถที่ใช้พลังงานดีเซลมาเป็นรถพลังงานไฟฟ้าแทน นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯ กทม. นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯ กทม. ทั้งนี้จากการคำนวณรถขยะขนาด 5 ตัน สามารถลดค่าเช่าลงเหลือ 2,240 บาท/คัน/วัน จาก 2,800 บาท/คัน/วัน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเหลือ 200 ตัน/ปี จาก 2,256 ตัน/ปี ลดการปล่อย PM2.5 เหลือเป็นศูนย์ จาก 22 กก./ปี และลดต้นทุนพลังงานเหลือ 455 บาท/เที่ยว จาก 1,300 บาท/เที่ยว โดยม🎖️ีแผนรับมอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ในปี 67 จำนวน 615 คัน ปี 68 จำนวน 392 คัน และปี 69 อีก 657 คัน นอกจากนี้ยังเร่งรัดการก่อสร้างโรงเผาเพื่อผลิตไฟฟ้าอ่อนนุช-หนองแขม เพื่อลดการฝังกลบ และลดต้นทุนการจัดการขยะ โดยคาดว่าจะเปิดในปี 69 ซึ่งจะประหยัดเงินค่าจัดการขยะได้ 172,462,500 บาท/ปี นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ในช่วง 2 ปี จากนี้ คนกรุงเทพฯ จะเดินทางสะดวกขึ้น ด้วยบริการป้ายรถเมล์ดิจิทัล 500 ป้าย การปรับปรุงศาลารถเมล์ 300 หลัง และการติดตั้งจอดิจิทัลในศาลาที่พักผู้โดยสารอีก 200 หลัง เพิ่มตัวเลือกการเดินทาง โดยเฉพาะการเชื่อมต่อ (Last Mile) ด้วยการเดินทางที่หลากหลาย เช่น รถตุ๊ก ๆ ไฟฟ้า เรือไฟฟ้า จักรยาน Shuttle Bus และการเดินเท้าที่สะดวกปลอดภัย มีหลังคาคลุม เป็นต้น ด้านการจราจรจะคล่องตัวขึ้น โดยการอัปเกรดสัญญาณไฟจราจรทั่วกรุงเทพฯ ให้เป็น Adaptive Signaling ปรับสัญญาณไฟให้สอดคล้องกับปริมาณจราจร 541 ทางแยก พร้อมทั้งมอนิเตอร์เมือง สังเกต และสั่งการผ่าน Command Center ทั้งในเรื่องการติดตั้ง CCTV ไฟส่องสว่าง เซ็นเซอร์วัดระดับน้ำท่วมขังบนถนน โดยส่งข้อมูลมาที่ Open Digital Platform ส่วนการขอใบอนุญาตการก่อสร้างออนไลน์จะมีความครอบคลุมอาคารทุกประเภท ตั้งแต่ขนาดเล็ก ต่ำกว่า 2000 ตร.ม. ขนาดใหญ่ +2,000 ตรม. อาคารขนาดใหญ่พิเศษ +10,000 ตรม. ไปจนถึงอาคารสูง +23 ม. และสามารถติดตามสถานะโครงการผ่านออนไลน์ได้ นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าฯ กทม. นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าฯ กทม. น.ส.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า การยกระดับการบริการด้านสาธารณสุขของคนกรุงเทพฯ ในช่วง 2 ปีหลังนี้ จะการผลักดันโรงพยาบาลเดิม 3 แห่ง และเพิ่มโรงพยาบาลใหม่ในสังกัด กทม. อีก 4 แห่ง เพื่อขยายเตียงดูแลคนกรุงเทพฯ ให้ได้ครอบคลุมยิ่งขึ้น อีก 1,272 เตียง โดยจะเพิ่มที่โรงพยาบาลกลาง อีก 150 เตียง โรงพยาบาลบางนาเพิ่ม 324 เตียง โรงพยาบาลคลองสามวา เพิ่ม 268 เตียง ส่วนโรงพยาบาลแห่งที่จะเปิดใหม่ ได้แก่ โรงพยาบาลพระมงคลเทพมุนี ขนาด 150 เตียง โรงพยาบาลดดอนเมือง ขนาด 200 เตียง โรงพยาบาลสายไห💌ม ขนาด 120 เตียง และโรงพยาบาลทุ่งครุ ขนาด 60 เตียง ขณะเดียวกันยังพัฒนาศูนย์บริการสาธารณสุขให้เข้าถึงง่าย กระจายทั่วกรุงเทพฯ โดยก่อสร้างอาคารใหม่ 21 แห่ง และปรับปรุงใหม่อีก 31 แห่ง ในช่วง 2 ปีต่อจากนี้ นอกจากนี้ ยังเตรียมปรับปรุงสถานีดับเพลิง 13 แห่ง และสร้างใหม่อีก 3 แห่ง พร้อมทั้งยกะดับ Command Center เพิ่มประสิทธิภาพการติดตั้ง GPS ให้รถพยาบาล 80 คัน แ❤️ละรถดับเพลิง 250 คัน ติดตามสถานการณ์ผ่าน IOT กล้อง DVR และ Body Cam เพิ่มประสิทธิภาพการตัดสินใจและสั่งการแบบเรียลไทม์ผ่านระบบข้อมูลทรัพยากรและห้อง War Room น.ส.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯ กทม. น.ส.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯ กทม. นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า การพัฒนาคน คือการพัฒนาเมือง สิ่งที่ กทม. มุ่งมั่นในช่วง 2 ปีข้างหน้านี้ คือ การยกระดับจากการศึกษา สู่การเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong learning) ซึ่งหมายถึง การดูแลตั้งแต่ระดับเด็กปฐมวัย การศึกษาภาคบังคับ และการพัฒนาทักษะอาชีพ โดยการศึกษาปฐมวัยเป็นการดูแลเด็กก่อนวัยเรียน จาก 83,264 คน เพิ่มเป็น 100,000 คน ปรับปรุงศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและเริ่มรับเด็กเร็วขึ้นที่อายุ 1 ขวบครึ่ง เพิ่มชั้นอนุบาลสำหรับเด็ก 3 ขวบ โดยมีแผนขยายให้ครอบคลุมทุกโรงเรียนในปี 69 ปรับปรุงหลักสูตรสร้างพัฒนาสมวัยผ่านการเล่น (play-base-learning) พร้อมทั้งปรับปรุงกายภาพของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและโรงเรียนสังกัด กทม. 🎪ทั้งห้องน้ำ สนามเด็กเล่น และห้องเรียนปลอดฝุ่น ส่วนการศึกษาภาคบังคับ จะเปลี่ยนหลักสูตรที่เน้นการคิดวิเคราะห์ นำความรู้ไปใช้บนหลักสูตรฐานสมรรถนะ (skill-base-learning) และพัฒนาห้องเรียนดิจิทัล สร้าง Active Learning สำหรับเด็ก ป.4 - ม.3 ทุกโรงเรียน โดยทุกห้องเรียนมีคอมพิวเตอร์ เป็นการต่อยอดจากที่ได้มีการนำร่องห้องเรียน Chromebook ในปีการศึกษาที่ผ่านมาพบว่ามีคะแนนเฉลี่ยมากกว่าห้องเรียนปกติ 28 % ด้านการพัฒนาทักษะอาชีพ จะเน้นที่การพัฒนาทักษะวิชาชีพที่ตอบโจทย์ตลาดแรงงาน โดยดำเนินการร่วมกับสถานประกอบการ เช่น หลักสูตรขับรถสามล้อไฟฟ้า (Muvmi) หลักสูตรแม่บ้านการโรงแรม ซึ่งทำร่วมกับสมาคมโรงแรมไทย และหลักสูตรตัดขนสุนัข ที่ทำร่วมกับโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ เป็นต้น กทม.เชิญชวนคนกรุงเทพฯ เตรียมตัวพบกับงานนิทรรศการกรุงเทพมหานคร ปี 2567 หรือ BKK EXPO 2024 ภายใต้แนวคิด “เมืองเปลี่ยนได้เพราะคุณ” ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่าง 20-23 มิ.ย.2567 ณ อาคารพิพิธภัณฑ์สวนป่าเบญจกิติ สวนเบญจกิตติ เขตคลองเตย นิทรรศการมีชีวิตที่ให้คนกรุงเทพฯ และผู้สนใจทุกวัยได้ไปร่วมสัมผัสความเป็นเมืองในยุค 2024 ผ่านกิจกรรม การสาธิต เกม การเล่าเรื่อง การละเล่นที่สนุกสนาน ใน 5 เมือง ได้แก่ 1.เมืองเศรษฐกิจ โอกาส และความหวัง 2. เมืองสร้างสรรค์ การศึกษาและเรียนรู้ตลอดชีวิต 3.เมืองเดินทาง เส้นทางและสายน้ำ 4.เมืองปลอดภัย สุขภาพ ชีวิต และทรัพย์สิน 5.เมืองยั่งยืน พลังงาน และสิ่งแวดล้อม นอกจากนิทรรศการแล้ว ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจอีกมาก เช่น บูทอาหารร้านเด็ดจาก 50 เขต สินค้าชุมชน กิจกรรมเวิร์กช็อปต่าง ๆ สนามเด็กเล่นกลางแจ้งขนาดใหญ่โดยกลุ่มสร้างสรรค์การเรียนรู้ เวทีเสวนาและการแสดงที่หลากหลาย โดยสามารถติดตามรายละเอียดผ่านเฟซบุ๊กเพจ “กรุงเทพมหานคร” อ่านข่าว : ไทยพีบีเอส ถ่ายทอดสด Bangkok Pride Festival 2024 ให้ชมทั่วโลก 1 มิ.ย. นี้ ครม.อนุมัติร่างงบฯ 68 วงเงิน 3.75 ล้านล้าน - ผ่านร่าง พ.ร.บ.ประชามติ เด็ก 37 ล้านคนทั่วโลกสูบบุหรี่ คนรุ่นใหม่จี้รัฐออกมาตรการแก้ไขจริงจัง

วันนี้ (2 พ.ย.2564) นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม ยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) ชี้แจงถึงกรณีเพจดัง drama – addict และหมอแล็บแพนด้า เตือนผู้ปกครองเรื่องกาแฟผสมยาอีที่กำลังระบาดฮ

อุตุฯเตือนะวันออก-ใต้ฝั่งตะวันตกระวังน้ำป่า-น้ำท่วม อุตุฯเตือนภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีฝนตก

นิยายชีวิต โดย : Bilal Ramadhan
เรื่องและภาพโดย : Bilal Ramadhan
[[คลิก]] อ่านเรื่องราว “นิยายชีวิต” ได้ที่นี่..