Ada kisah menarik mengiringi duelInggriskontraBela
7 สิงหาคม 2025 - 08:04
Nita Yoanita, seorang lulusan Universitas BSI (Bin
7 สิงหาคม 2025 - 08:04

สลาก กินแบ่ง รัฐบาล วัน ที่ 16 กันยายน 2560

วันนี้ (14 มี.ค.2564) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ ตำรวจ และชาวบ้าน กว่า 50 คน เร่งค้นหานายวัลลภ สอนรัมย์ อายุ 48 ปี ชาวบ้านฐานเจ้าป่า ต.ลำนางรอง อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย

วันนี้ (27 ต.ค.2566) พรรคเพื่อไทย เลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ 23 คน ภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ โดย น.ส.แพทองธาร แสดงวิสัยทัศน์ขอบคุณสมาชิกเพื่อไทยที่ให้ความไว้

งานวิจัยชี้แต่งงานอายุ 28-32 ปี ชีวิตคู่จะยืนยาว นักสังคมวิทยา มหาวิทยาลัยยูทาห์ สหรัฐอเมริกา เผยผลศึกษาพบว่า ช่วงอายุระหว่าง 28-32 ปี เป็นวัยที่เหมาะสมต่อการแต่งงานมากที่สุด เพราะเป็นช่วงวัยที่เท่าทันความรู้สึกของตัวเอง พบทางเดินชีวิตและมีความรับผิดชอบในระดับหนึ่ง งานวิจัยพบด้วยว่าผู้ที่แต่งงานหลังอายุ 32 ปี อัตราหย่าร้างเพิ่มขึ้น ขณะที่คู่รักวัยรุ่นอายุ 15-19 ปื เลิกรากันมากที่สุด งานวิจัยชี้แต่งงานอายุ 28-32 ปี ชีวิตคู่จะยืนยาว เว็บไซต์นิตยสารไทม์รายงานผลการศึกษาของ นิค วูล์ฟฟิงเกอร์ นักสังคมวิทยาจากมหาวิทยาลัยยูทาห์ สหรัฐฯ พบว่า ช่วงอายุที่เหมาะสมสำหรับการเริ่มต้นชีวิตคู่คือ 28-32 ปี โดยผู้วิจัยนำข้อมูลการสำรวจสภาวะครอบครัวชาวอเมริกันระหว่างปี 2006-2010 และ 2011-2013 มาวิเคราะห์ และพบว่าคู่แต่งงานที่อยู่ในช่วงวัยนี้มีอัตราการหย่าร้างต่ำกว่าผู้ที่แต่งงานในช่วงวัยอื่น โดยเฉพาะในช่วง 5 ปีแรกหลังจากแต่งงานมีอัตราการแยกทางน้อยมาก ไทม์ระบุว่าผลการวิจัยซึ่งได้รับการเผยแพร่ในเว็บไซต์ Family Studies ของสถาบันวิชาการด้านการศึกษาสภาวะครอบครัว เมื่อวันที่ 20 ก.ค.2558 ถือเป็นองค์ความรู้ใหม่เกี่ยวกับการใช้ชีวิตคู่ เพราะที่ผ่านมาเรามักเชื่อกันว่าการแต่งงานช้าจะนำไปสู่ชีวิตคู่ที่ยั่งยืน วูล์ฟฟิงเกอร์อธิบายว่า จากการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า อัตราการหย่าร้างจะสูงขึ้นในช่วงอายุปลาย 30 ถึงต้น 40 โดยหลังจากอายุ 32 ปี โอกาสที่จะเกิดการหย่าร้างจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 ต่อปี เขาชี้ว่าเหตุผลที่คนวัย 28-32 ปี เหมาะที่จะแต่งงานนั้นมีหลายข้อ เช่น -คนวัยนี้โตพอที่จะรู้เท่าทันความรู้สึกของตัวเองว่าเข้ากับอีกฝ่ายหนึ่งได้จริงหรือเป็นแค่ความพลุ่งพล่านของฮอร์โมน -เขาหรือเธอได้เลือกเส้นทางชีวิตที่ตัวเองต้องการแล้ว และเริ่มมีความรับผิดชอบต่อเรื่องต่างๆ -มีความมั่นคงทางการเงินในระดับหนึ่ง -ยังไม่แก่เกินไปที่จะปรับตัว ปรับนิสัย ไลฟ์สไตล์ การใช้ชีวิตประจำวัน ฯลฯ ให้เข้ากับอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญในการใช้ชีวิตคู่ -ส่วนมากคนวัยนี้ยังไม่เคยแต่งงานหรือมีลูกติดทำให้ไม่ต้องแบ่งเวลาเพื่อไปดูแลลูก "บางคนอาจเรียกการศึกษานี้ว่าเป็น ‘ทฤษฏีโกลดิล็อคส์ของการแต่งงาน’ ที่คู่แต่งงานต้องไม่เด็กหรือแก่จนเกินไป นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายเหตุผลสนับสนุนว่าช่วงอายุ 20 ตอนปลาย และ 30 ตอนต้น เป็นระยะที่ดีในการเริ่มต้นชีวิตคู่กับใครสักคน” นักสังคมวิทยาจาก มหาวิทยาลัยยูทาห์ สหรัฐฯ กล่าว วูล์ฟฟิงเกอร์กล่าวอีกว่า คู่แต่งงานที่ประสบความสำเร็จในชีวิตคู่ ส่วนมากมักเป็นคู่ที่รู้นิสัยใจคอกัน ขณะที่ ฟิลลิป โคเฮน นักสังคมวิทยาจากมหาวิทยาลัยแมรีแลนด์ กลับมีข้อมูลที่ต่างออกไป เขาอ้างข้อมูลจากการสำรวจสภาพสังคมอเมริกันที่ชื่อ American Community Survey ที่พบว่าคู่แต่งงานสูงวัยมักมีการเปลี่ยนแปลงชีวิตแต่งงานน้อยที่สุด โดยอายุที่เหมาะสมแก่การมีชีวิตคู่และเลิกรากันน้อยที่สุดคือช่วงวัย 45-49 ปี แต่ช่วงวัย 15-19 จะเกิดการหย่าร้างมากที่สุด รองลงมาคือช่วงวัย 20-24 ปี 25-29 ปี และ 35-39 ปี ตามลำดับ นอกจากนี้ ปัจจัยที่โคเฮนเชื่อว่าช่วยให้ชีวิตคู่ยืนยาวยังได้แก่ ความมั่นคงด้านการเงิน การศึกษาที่ดี การหมั้นก่อนย้ายมาอยู่ด้วยกัน และการแต่งงานก่อนมีบุตร ล้วนมีส่วนทำให้คู่แต่งงานมีชีวิตคู่ที่ยืนยาว สิรินภา อิ่มศิริ แปลแสลาก กินแบ่ง รัฐบาล วัน ที่ 16 กันยายน 2560ละเรียบเรียงจาก http://time.com/3966588/marriage-wedding-best-age/ เว็บไซต์นิตยสารไทม์รายงานผลการศึกษาของ นิค วูล์ฟฟิงเกอร์ นักสังคมวิทยาจากมหาวิทยาลัยยูทาห์ สหรัฐฯ พบว่า ช่วงอายุที่เหมาะสมสำหรับการเริ่มต้นชีวิตคู่คือ 28-32 ปี โดยผู้วิจัยนำข้อมูลการสำรวจสภาวะครอบครัวชาวอเมริกันระหว่างปี 2006-2010 และ 2011-2013 มาวิเคราะห์ และพบว่าคู่แต่งงานที่อยู่ในช่วงวัยนี้มีอัตราการหย่าร้างต่ำกว่าผู้ที่แต่งงานในช่วงวัยอื่น โดยเฉพาะในช่วง 5 ปีแรกหลังจากแต่งงานมีอัตราการแยกทางน้อยมาก ไทม์ระบุว่าผลการวิจัยซึ่งได้รับการเผยแพร่ในเว็บไซต์ Family Studies ของสถาบันวิชาการด้านการศึกษาสภาวะครอบครัว เมื่อวันที่ 20 ก.ค.2558 ถือเป็นองค์ความรู้ใหม่เกี่ยวกับการใช้ชีวิตคู่ เพราะที่ผ่านมาเรามักเชื่อกันว่าการแต่งงานช้าจะนำไปสู่ชีวิตคู่ที่ยั่งยืน วูล์ฟฟิงเกอร์อธิบายว่า จากการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า อัตราการหย่าร้างจะสูงขึ้นในช่วงอายุปลาย 30 ถึงต้น 40 โดยหลังจากอายุ 32 ปี โอกาสที่จะเกิดการหย่าร้างจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 ต่อปี เขาชี้ว่าเหตุผลที่คนวัย 28-32 ปี เหมาะที่จะแต่งงานนั้นมีหลายข้อ เช่น -คนวัยนี้โตพอที่จะรู้เท่าทันความรู้สึกของตัวเองว่าเข้ากับอีกฝ่ายหนึ่งได้จริงหรือเป็นแค่ความพลุ่งพล่านของฮอร์โมน -เขาหรือเธอได้เลือกเส้นทางชีวิตที่ตัวเองต้องการแล้ว และเริ่มมีความรับผิดชอบต่อเรื่องต่างๆ -มีความมั่นคงทางการเงินในระดับหนึ่ง -ยังไม่แก่เกินไปที่จะปรับตัว ปรับนิสัย ไลฟ์สไตล์ การใช้ชีวิตประจำวัน ฯลฯ ให้เข้ากับอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญในการใช้ชีวิตคู่ -ส่วนมากคนวัยนี้ยังไม่เคยแต่งงานหรือมีลูกติดทำให้ไม่ต้องแบ่งเวลาเพื่อไปดูแลลูก "บางคนอาจเรียกการศึกษานี้ว่าเป็น ‘ทฤษฏีโกลดิล็อคส์ของการแต่งงาน’ ที่คู่แต่งงานต้องไม่เด็กหรือแก่จนเกินไป นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายเหตุผลสนับสนุนว่าช่วงอายุ 20 ตอนปลาย และ 30 ตอนต้น เป็นระยะที่ดีในการเริ่มต้นชีวิตคู่กับใครสักคน” นักสังคมวิทยาจาก มหาวิทยาลัยยูทาห์ สหรัฐฯ กล่าว วูล์ฟฟิงเกอร์กล่าวอีกว่า คู่แต่งงานที่ประสบความสำเร็จในชีวิตคู่ ส่วนมากมักเป็นคู่ที่รู้นิสัยใจคอกัน ขณะที่ ฟิลลิป โคเฮน นักสังคมวิทยาจากมหาวิทยาลัยแมรีแลนด์ กลับมีข้อมูลที่ต่างออกไป เขาอ้างข้อมูลจากการสำรวจสภาพสังคมอเมริกันที่ชื่อ American Community Survey ที่พบว่าคู่แต่งงานสูงวัยมักมีการเปลี่ยนแปลงชีวิตแต่งงานน้อยที่สุด โดยอายุที่เหมาะสมแก่การมีชีวิตคู่และเลิกรากันน้อยที่สุดคือช่วงวัย 45-49 ปี แต่ช่วงวัย 15-19 จะเกิดการหย่าร้างมากที่สุด รองลงมาคือช่วงวัย 20-24 ปี 25-29 ปี และ 35-39 ปี ตามลำดับ นอกจากนี้ ปัจจัยที่โคเฮนเชื่อว่าช่วยให้ชีวิตคู่ยืนยาวยังได้แก่ ความมั่นคงด้านการเงิน การศึกษาที่ดี การหมั้นก่อนย้ายมาอยู่ด้วยกัน และการแต่งงานก่อนมีบุตร ล้วนมีส่วนทำให้คู่แต่งงานมีชีวิตคู่ที่ยืนยาว สิรินภา อิ่มศิริ แปลและเรียบเรียงจาก http://time.com/3966588/marriage-wedding-best-age/

วันนี้ (26 พ.ค.2565) ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รักษาการ เลขาธิการพรรคเศรษฐกิจไทย นำ ส.ส.พรรคแถลงหลังประชุมรักษาการกรรมบริหารพรรค เพื่อกำหนดให้มีการประชุมใหญ่ ในการสรรหากรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ โดยที่ประชุม

งานวิจัยชี้แต่งงานอายุ 28-32 ปี ชีวิตคู่จะยืนยาว นักสังคมวิทยา มหาวิทยาลัยยูทาห์ สหรัฐอเมริกา เผยผลศ