royal ออนไลน์
Penunjukan Penjabat (Pj) Kepala Daerah di Sumsel y
฿83425
บาท9
ห้องนอน
76
ห้องน้ำ
561
ตร.ม.
฿ 2789
/ ตารางเมตร
royal ออนไลน์
Gelandang Uzbekistan, Umarali Rahmonaliev, menyebu
UID: 03514
กพย.เปิดงานวิจัย จี้กรมทรัพย์สินทางปัญญา คงระบบคัดค้านก่อนออกสิทธิบัตร สกัดอุตฯยายักษ์ใหญ่ ไล่ฟ้องบร
วันนี้ (22 ม.ค.2568) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา เกิดอุบัติเหตุรถเก๋งชนรถจักรยานย
กพย.เปิดงานวิจัย จี้กรมทรัพย์สินทางปัญญา คงระบบคัดค้านก่อนออกสิทธิบัตร สกัดอุตฯยายักษ์ใหญ่ ไล่ฟ้องบริษัทยาชื่อสามัญในไทยอย่างไม่เป็นธรรม จี้ แก้ระบบสืบค้นสิทธิบัตรแย่-ผลประโยชน์ทับซ้อนในกรรมการและอนุกรรมการสิทธิบัตร กพย.เปิดงานวิจัย จี้กรมทรัพย์สินทางปัญญา คงระบบคัดค้านก่อนออกสิทธิบัตร สกัดอุตฯยายักษ์ใหญ่ แผนงานสร้างกลไกเฝ้าระวังและพัฒนาระบบยา (กพย.) เผยแพร่งานวิจัยซึ่งเป็นเอกสารจุดประเด็นเพื่ออภิปรายและเสนอมาตรการการทำการคัดค้านก่อนการออกสิทธิบัตร (Pre-grant opposition) และการดำเนินการเพื่อเพิกถอนสิทธิบัตร (Patent revocation): ถอดบทเรียนบริษัทยาในประเทศไทย พบว่า ในปัจจุบัน อุตสาหกรรมยาต้นแบบมักใช้มาตรการทางกฎหมายด้วยการยื่นโนติสและฟ้องร้องบริษัทยาชื่อสามัญว่าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อหวังสกัดยาชื่อสามัญเข้าสู่ตลาด ผศ.ดร.นิยดา เกียรติยิ่งอังศุลี ผู้จัดการ กพย.กล่าวว่า บริษัทยาต้นแบบเลือกใช้การฟ้องร้องเอาผิดทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การละเมิดสิทธิบัตร, เครื่องหมายการค้า หรือแม้แต่ละเมิดลิขสิทธิ์ในเอกสารกำกับยาทั้งๆที่ไม่ใช่วรรณกรรมตามกฎหมายไทย นอกจากนี้ในระหว่างคดีอยู่ในศาลยังใช้กลวิธีการส่งจดหมายไปตามโรงพยาบาลต่างๆให้ระงับการสั่งซื้อยาชื่อสามัญที่เป็นคดีความ ทั้งๆที่คดียังไม่สิ้นสุด หากบริษัทยาชื่อสามัญเล็กๆที่ไม่มีฝ่ายกฎหมายหรือฝ่ายสิทธิบัตรที่แข็งแกร่งมากพอ ก็อาจจะถอดใจ ไม่สู้คดี ถอนยาจากตลาด ซึ่งทำให้บริษัทยาต้นแบบผูกขาดและเรียกราคายาได้แพงขึ้นเพราะขายเพียงเจ้าเดียว แม้ว่าในความเป็นจริง ในที่สุดศาลอาจจะชี้ว่า บริษัทยาชื่อสามัญนั้นอาจจะไม่ได้ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาเลยก็ได้ “ดังนั้น ระบบสืบค้นฐานข้อมูลสิทธิบัตรที่มีคุณภาพและเสถียรมากพอ, คู่มือการตรวจสอบคำขอสิทธิบัตรที่มีความชัดเจน เพื่อป้องกันการขอสิทธิบัตรที่ไม่เหมาะสมหรือ Evergreening Patent เป็นสิ่งสำคัญยิ่ง, และ พัฒนาระบบการคัดค้านก่อนการออกสิทธิบัตรให้มีระยะเวลามากพอสำหรับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต่างๆจะได้ช่วยตรวจสอบให้ถูกต้อง เพื่อป้องกันอุตสาหกรรมยาข้ามชาติใช้เงินทุนที่เหนือกว่าใช้ช่องทางกฎหมายรังแกบริษัทยาชื่อสามัญในประเทศ” ด้าน รศ.ดร.จิราพร ลิ้มปานานนท์ ประธานมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคกล่าวว่า จากเอกสารงานวิจัยชี้ให้เห็นชัดว่า มีความพยายามในการทำให้ระบบการตรวจสอบทรัพย์สินทางปัญญาโดยเฉพาะสิทธิบัตรของไทยอ่อนแอลง ซึ่งนี่จะกระทบกับสาธารณะโดยรวมอย่างไม่มีความสมดุลย์ กรมทรัพย์สินทางปัญญาควรแก้ไขปรับปรุงกฎกติกาต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อบริษัทยาชื่อสามัญของประเทศไทย และจำเป็นต้องเท่าทันต่อแรงกดดัน กลวิธีต่างๆ ของบริษัทยาต้นแบบ ซึ่งถูกหนุนหลังโดยประเทศอุตสาหกรรมตะวันตก ไม่โอนอ่อนไปตามอิทธิพลหรือการเจรจาที่จะตัดตอนการเติบโตของอุตสาหกรรมของประเทศดังที่เคยเป็นมาแล้ว เมื่อยอมแก้ไข พรบ.สิทธิบัตร ก่อนล่วงหน้าถึง 8 ปีเต็ม ซึ่งทำให้ประเทศชาติเสียโอกาสมหาศาล เมื่อเทียบกับอินเดียที่แก้ไขในอีก 13 ปีต่อมา นางอัฉรา เอกแสงศรี ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา องค์การเภสัชกรรมกล่าวว่า อยากให้ประเทศไทย มีหน่วยงานด้านกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาที่เข้ามาช่วยเหลือบริษัทยาเล็กๆที่อาจถูกขู่ หรือช่วยตรวจสอบและคัดค้านคำขอสิทธิบัตรที่ไม่เหมาะสม เช่นที่มีการรวมตัวของนักกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาในอินเดียมาทำงานด้านนี้ ที่ผ่านมา การวิจัยและพัฒนาของสถาบันฯพบปัญหาเยอะมากโดยเฉพาะเรื่องฐานข้อมูลสิทธิบัตร “กรมทรัพย์สินทางroyal ออนไลน์ปัญญาควรปรับปรุงระบบสืบค้นสิทธิบัตรให้ดีขึ้น เพื่อประโยชน์การพัฒนาอุตสาหกรรมยาของประเทศ เพื่อความมั่นคงของชาติ ไม่ใช่การบั่นทอน เช่นปัจจุบัน แม้ที่ผ่านมามีการปรับปรุงบ้าง แต่จนถึงขณะนี้ยังพบปัญหาในการปฏิบัติ ระบบสืบค้นยาก ระบบไม่เสถียร มีความไม่แน่นอนสูง บางทีพบคำขอนั้น บางทีก็ไม่พบ บางคำขอก็หายไปเฉยๆ ยกตัวอย่าง เช่น เราพบคำขอไม่ต่ำกว่า 3 ฉบับที่ยื่นตรวจสอบการประดิษฐ์ในปี 2553 ซึ่ง เกิน 5 ปีนับจากวันประกาศโฆษณา อีกทั้งสถานะเดิมเคยลงว่ายื่นตรวจสอบไปแล้วเมื่อปี 2545 ซึ่งไม่ควรเป็นไปได้ หากระบบยังไม่พร้อมเช่นนี้ บริษัทยาชื่อสามัญก็จะไม่มีความมั่นใจเดินหน้าผลิตยาที่คิดว่าไม่ละเมิดสิทธิบัตรมาแข่ขันในตลาดเพื่อให้ยามีราคาถูกลง” แผนงานสร้างกลไกเฝ้าระวังและพัฒนาระบบยา (กพย.) เผยแพร่งานวิจัยซึ่งเป็นเอกสารจุดประเด็นเพื่ออภิปรายและเสนอมาตรการการทำการคัดค้านก่อนการออกสิทธิบัตร (Pre-grant opposition) และการดำเนินการเพื่อเพิกถอนสิทธิบัตร (Patent revocation): ถอดบทเรียนบริษัทยาในประเทศไทย พบว่า ในปัจจุบัน อุตสาหกรรมยาต้นแบบมักใช้มาตรการทางกฎหมายด้วยการยื่นโนติสและฟ้องร้องบริษัทยาชื่อสามัญว่าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อหวังสกัดยาชื่อสามัญเข้าสู่ตลาด ผศ.ดร.นิยดา เกียรติยิ่งอังศุลี ผู้จัดการ กพย.กล่าวว่า บริษัทยาต้นแบบเลือกใช้การฟ้องร้องเอาผิดทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การละเมิดสิทธิบัตร, เครื่องหมายการค้า หรือแม้แต่ละเมิดลิขสิทธิ์ในเอกสารกำกับยาทั้งๆที่ไม่ใช่วรรณกรรมตามกฎหมายไทย นอกจากนี้ในระหว่างคดีอยู่ในศาลยังใช้กลวิธีการส่งจดหมายไปตามโรงพยาบาลต่างๆให้ระงับการสั่งซื้อยาชื่อสามัญที่เป็นคดีความ ทั้งๆที่คดียังไม่สิ้นสุด หากบริษัทยาชื่อสามัญเล็กๆที่ไม่มีฝ่ายกฎหมายหรือฝ่ายสิทธิบัตรที่แข็งแกร่งมากพอ ก็อาจจะถอดใจ ไม่สู้คดี ถอนยาจากตลาด ซึ่งทำให้บริษัทยาต้นแบบผูกขาดและเรียกราคายาได้แพงขึ้นเพราะขายเพียงเจ้าเดียว แม้ว่าในความเป็นจริง ในที่สุดศาลอาจจะชี้ว่า บริษัทยาชื่อสามัญนั้นอาจจะไม่ได้ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาเลยก็ได้ “ดังนั้น ระบบสืบค้นฐานข้อมูลสิทธิบัตรที่มีคุณภาพและเสถียรมากพอ, คู่มือการตรวจสอบคำขอสิทธิบัตรที่มีความชัดเจน เพื่อป้องกันการขอสิทธิบัตรที่ไม่เหมาะสมหรือ Evergreening Patent เป็นสิ่งสำคัญยิ่ง, และ พัฒนาระบบการคัดค้านก่อนการออกสิทธิบัตรให้มีระยะเวลามากพอสำหรับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต่างๆจะได้ช่วยตรวจสอบให้ถูกต้อง เพื่อป้องกันอุตสาหกรรมยาข้ามชาติใช้เงินทุนที่เหนือกว่าใช้ช่องทางกฎหมายรังแกบริษัทยาชื่อสามัญในประเทศ” ด้าน รศ.ดร.จิราพร ลิ้มปานานนท์ ประธานมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคกล่าวว่า จากเอกสารงานวิจัยชี้ให้เห็นชัดว่า มีความพยายามในการทำให้ระบบการตรวจสอบทรัพย์สินทางปัญญาโดยเฉพาะสิทธิบัตรของไทยอ่อนแอลง ซึ่งนี่จะกระทบกับสาธารณะโดยรวมอย่างไม่มีความสมดุลย์ กรมทรัพย์สินทางปัญญาควรแก้ไขปรับปรุงกฎกติกาต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อบริษัทยาชื่อสามัญของประเทศไทย และจำเป็นต้องเท่าทันต่อแรงกดดัน กลวิธีต่างๆ ของบริษัทยาต้นแบบ ซึ่งถูกหนุนหลังโดยประเทศอุตสาหกรรมตะวันตก ไม่โอนอ่อนไปตามอิทธิพลหรือการเจรจาที่จะตัดตอนการเติบโตของอุตสาหกรรมของประเทศดังที่เคยเป็นมาแล้ว เมื่อยอมแก้ไข พรบ.สิทธิบัตร ก่อนล่วงหน้าถึง 8 ปีเต็ม ซึ่งทำให้ประเทศชาติเสียโอกาสมหาศาล เมื่อเทียบกับอินเดียที่แก้ไขในอีก 13 ปีต่อมา นางอัฉรา เอกแสงศรี ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา องค์การเภสัชกรรมกล่าวว่า อยากให้ประเทศไทย มีหน่วยงานด้านกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาที่เข้ามาช่วยเหลือบริษัทยาเล็กๆที่อาจถูกขู่ หรือช่วยตรวจสอบและคัดค้านคำขอสิทธิบัตรที่ไม่เหมาะสม เช่นที่มีการรวมตัวของนักกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาในอินเดียมาทำงานด้านนี้ ที่ผ่านมา การวิจัยและพัฒนาของสถาบันฯพบปัญหาเยอะมากโดยเฉพาะเรื่องฐานข้อมูลสิทธิบัตร “กรมทรัพย์สินทางปัญญาควรปรับปรุงระบบสืบค้นสิทธิบัตรให้ดีขึ้น เพื่อประโยชน์การพัฒนาอุตสาหกรรมยาของประเทศ เพื่อความมั่นคงของชาติ ไม่ใช่การบั่นทอน เช่นปัจจุบัน แม้ที่ผ่านมามีการปรับปรุงบ้าง แต่จนถึงขณะนี้ยังพบปัญหาในการปฏิบัติ ระบบสืบค้นยาก ระบบไม่เสถียร มีความไม่แน่นอนสูง บางทีพบคำขอนั้น บางทีก็ไม่พบ บางคำขอก็หายไปเฉยๆ ยกตัวอย่าง เช่น เราพบคำขอไม่ต่ำกว่า 3 ฉบับที่ยื่นตรวจสอบการประดิษฐ์ในปี 2553 ซึ่ง เกิน 5 ปีนับจากวันประกาศโฆษณา อีกทั้งสถานะเดิมเคยลงว่ายื่นตรวจสอบไปแล้วเมื่อปี 2545 ซึ่งไม่ควรเป็นไปได้ หากระบบยังไม่พร้อมเช่นนี้ บริษัทยาชื่อสามัญก็จะไม่มีความมั่นใจเดินหน้าผลิตยาที่คิดว่าไม่ละเมิดสิทธิบัตรมาแข่ขันในตลาดเพื่อให้ยามีราคาถูกลง”
วันนี้ (10 ก.พ.2568) เว็บไซต์ "ฮั่วเซ่งเฮง" สัปดาห์ก่อนราคาทองคำทำ All-time high จากความกังวลเกี่ยวก
กพย.เปิดงานวิจัย จี้กรมทรัพย์สินทางปัญญา คงระบบคัดค้านก่อนออกสิทธิบัตร สกัดอุตฯยายักษ์ใหญ่ ไล่ฟ้องบร
วันนี้ (22 ม.ค.2568) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา เกิดอุบัติเหตุรถเก๋งชนรถจักรยานย
กพย.เปิดงานวิจัย จี้กรมทรัพย์สินทางปัญญา คงระบบคัดค้านก่อนออกสิทธิบัตร สกัดอุตฯยายักษ์ใหญ่ ไล่ฟ้องบริษัทยาชื่อสามัญในไทยอย่างไม่เป็นธรรม จี้ แก้ระบบสืบค้นสิทธิบัตรแย่-ผลประโยชน์ทับซ้อนในกรรมการและอนุกรรมการสิทธิบัตร กพย.เปิดงานวิจัย จี้กรมทรัพย์สินทางปัญญา คงระบบคัดค้านก่อนออกสิทธิบัตร สกัดอุตฯยายักษ์ใหญ่ แผนงานสร้างกลไกเฝ้าระวังและพัฒนาระบบยา (กพย.) เผยแพร่งานวิจัยซึ่งเป็นเอกสารจุดประเด็นเพื่ออภิปรายและเสนอมาตรการการทำการคัดค้านก่อนการออกสิทธิบัตร (Pre-grant opposition) และการดำเนินการเพื่อเพิกถอนสิทธิบัตร (Patent revocation): ถอดบทเรียนบริษัทยาในประเทศไทย พบว่า ในปัจจุบัน อุตสาหกรรมยาต้นแบบมักใช้มาตรการทางกฎหมายด้วยการยื่นโนติสและฟ้องร้องบริษัทยาชื่อสามัญว่าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อหวังสกัดยาชื่อสามัญเข้าสู่ตลาด ผศ.ดร.นิยดา เกียรติยิ่งอังศุลี ผู้จัดการ กพย.กล่าวว่า บริษัทยาต้นแบบเลือกใช้การฟ้องร้องเอาผิดทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การละเมิดสิทธิบัตร, เครื่องหมายการค้า หรือแม้แต่ละเมิดลิขสิทธิ์ในเอกสารกำกับยาทั้งๆที่ไม่ใช่วรรณกรรมตามกฎหมายไทย นอกจากนี้ในระหว่างคดีอยู่ในศาลยังใช้กลวิธีการส่งจดหมายไปตามโรงพยาบาลต่างๆให้ระงับการสั่งซื้อยาชื่อสามัญที่เป็นคดีความ ทั้งๆที่คดียังไม่สิ้นสุด หากบริษัทยาชื่อสามัญเล็กๆที่ไม่มีฝ่ายกฎหมายหรือฝ่ายสิทธิบัตรที่แข็งแกร่งมากพอ ก็อาจจะถอดใจ ไม่สู้คดี ถอนยาจากตลาด ซึ่งทำให้บริษัทยาต้นแบบผูกขาดและเรียกราคายาได้แพงขึ้นเพราะขายเพียงเจ้าเดียว แม้ว่าในความเป็นจริง ในที่สุดศาลอาจจะชี้ว่า บริษัทยาชื่อสามัญนั้นอาจจะไม่ได้ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาเลยก็ได้ “ดังนั้น ระบบสืบค้นฐานข้อมูลสิทธิบัตรที่มีคุณภาพและเสถียรมากพอ, คู่มือการตรวจสอบคำขอสิทธิบัตรที่มีความชัดเจน เพื่อป้องกันการขอสิทธิบัตรที่ไม่เหมาะสมหรือ Evergreening Patent เป็นสิ่งสำคัญยิ่ง, และ พัฒนาระบบการคัดค้านก่อนการออกสิทธิบัตรให้มีระยะเวลามากพอสำหรับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต่างๆจะได้ช่วยตรวจสอบให้ถูกต้อง เพื่อป้องกันอุตสาหกรรมยาข้ามชาติใช้เงินทุนที่เหนือกว่าใช้ช่องทางกฎหมายรังแกบริษัทยาชื่อสามัญในประเทศ” ด้าน รศ.ดร.จิราพร ลิ้มปานานนท์ ประธานมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคกล่าวว่า จากเอกสารงานวิจัยชี้ให้เห็นชัดว่า มีความพยายามในการทำให้ระบบการตรวจสอบทรัพย์สินทางปัญญาโดยเฉพาะสิทธิบัตรของไทยอ่อนแอลง ซึ่งนี่จะกระทบกับสาธารณะโดยรวมอย่างไม่มีความสมดุลย์ กรมทรัพย์สินทางปัญญาควรแก้ไขปรับปรุงกฎกติกาต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อบริษัทยาชื่อสามัญของประเทศไทย และจำเป็นต้องเท่าทันต่อแรงกดดัน กลวิธีต่างๆ ของบริษัทยาต้นแบบ ซึ่งถูกหนุนหลังโดยประเทศอุตสาหกรรมตะวันตก ไม่โอนอ่อนไปตามอิทธิพลหรือการเจรจาที่จะตัดตอนการเติบโตของอุตสาหกรรมของประเทศดังที่เคยเป็นมาแล้ว เมื่อยอมแก้ไข พรบ.สิทธิบัตร ก่อนล่วงหน้าถึง 8 ปีเต็ม ซึ่งทำให้ประเทศชาติเสียโอกาสมหาศาล เมื่อเทียบกับอินเดียที่แก้ไขในอีก 13 ปีต่อมา นางอัฉรา เอกแสงศรี ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา องค์การเภสัชกรรมกล่าวว่า อยากให้ประเทศไทย มีหน่วยงานด้านกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาที่เข้ามาช่วยเหลือบริษัทยาเล็กๆที่อาจถูกขู่ หรือช่วยตรวจสอบและคัดค้านคำขอสิทธิบัตรที่ไม่เหมาะสม เช่นที่มีการรวมตัวของนักกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาในอินเดียมาทำงานด้านนี้ ที่ผ่านมา การวิจัยและพัฒนาของสถาบันฯพบปัญหาเยอะมากโดยเฉพาะเรื่องฐานข้อมูลสิทธิบัตร “กรมทรัพย์สินทางroyal ออนไลน์ปัญญาควรปรับปรุงระบบสืบค้นสิทธิบัตรให้ดีขึ้น เพื่อประโยชน์การพัฒนาอุตสาหกรรมยาของประเทศ เพื่อความมั่นคงของชาติ ไม่ใช่การบั่นทอน เช่นปัจจุบัน แม้ที่ผ่านมามีการปรับปรุงบ้าง แต่จนถึงขณะนี้ยังพบปัญหาในการปฏิบัติ ระบบสืบค้นยาก ระบบไม่เสถียร มีความไม่แน่นอนสูง บางทีพบคำขอนั้น บางทีก็ไม่พบ บางคำขอก็หายไปเฉยๆ ยกตัวอย่าง เช่น เราพบคำขอไม่ต่ำกว่า 3 ฉบับที่ยื่นตรวจสอบการประดิษฐ์ในปี 2553 ซึ่ง เกิน 5 ปีนับจากวันประกาศโฆษณา อีกทั้งสถานะเดิมเคยลงว่ายื่นตรวจสอบไปแล้วเมื่อปี 2545 ซึ่งไม่ควรเป็นไปได้ หากระบบยังไม่พร้อมเช่นนี้ บริษัทยาชื่อสามัญก็จะไม่มีความมั่นใจเดินหน้าผลิตยาที่คิดว่าไม่ละเมิดสิทธิบัตรมาแข่ขันในตลาดเพื่อให้ยามีราคาถูกลง” แผนงานสร้างกลไกเฝ้าระวังและพัฒนาระบบยา (กพย.) เผยแพร่งานวิจัยซึ่งเป็นเอกสารจุดประเด็นเพื่ออภิปรายและเสนอมาตรการการทำการคัดค้านก่อนการออกสิทธิบัตร (Pre-grant opposition) และการดำเนินการเพื่อเพิกถอนสิทธิบัตร (Patent revocation): ถอดบทเรียนบริษัทยาในประเทศไทย พบว่า ในปัจจุบัน อุตสาหกรรมยาต้นแบบมักใช้มาตรการทางกฎหมายด้วยการยื่นโนติสและฟ้องร้องบริษัทยาชื่อสามัญว่าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อหวังสกัดยาชื่อสามัญเข้าสู่ตลาด ผศ.ดร.นิยดา เกียรติยิ่งอังศุลี ผู้จัดการ กพย.กล่าวว่า บริษัทยาต้นแบบเลือกใช้การฟ้องร้องเอาผิดทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การละเมิดสิทธิบัตร, เครื่องหมายการค้า หรือแม้แต่ละเมิดลิขสิทธิ์ในเอกสารกำกับยาทั้งๆที่ไม่ใช่วรรณกรรมตามกฎหมายไทย นอกจากนี้ในระหว่างคดีอยู่ในศาลยังใช้กลวิธีการส่งจดหมายไปตามโรงพยาบาลต่างๆให้ระงับการสั่งซื้อยาชื่อสามัญที่เป็นคดีความ ทั้งๆที่คดียังไม่สิ้นสุด หากบริษัทยาชื่อสามัญเล็กๆที่ไม่มีฝ่ายกฎหมายหรือฝ่ายสิทธิบัตรที่แข็งแกร่งมากพอ ก็อาจจะถอดใจ ไม่สู้คดี ถอนยาจากตลาด ซึ่งทำให้บริษัทยาต้นแบบผูกขาดและเรียกราคายาได้แพงขึ้นเพราะขายเพียงเจ้าเดียว แม้ว่าในความเป็นจริง ในที่สุดศาลอาจจะชี้ว่า บริษัทยาชื่อสามัญนั้นอาจจะไม่ได้ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาเลยก็ได้ “ดังนั้น ระบบสืบค้นฐานข้อมูลสิทธิบัตรที่มีคุณภาพและเสถียรมากพอ, คู่มือการตรวจสอบคำขอสิทธิบัตรที่มีความชัดเจน เพื่อป้องกันการขอสิทธิบัตรที่ไม่เหมาะสมหรือ Evergreening Patent เป็นสิ่งสำคัญยิ่ง, และ พัฒนาระบบการคัดค้านก่อนการออกสิทธิบัตรให้มีระยะเวลามากพอสำหรับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต่างๆจะได้ช่วยตรวจสอบให้ถูกต้อง เพื่อป้องกันอุตสาหกรรมยาข้ามชาติใช้เงินทุนที่เหนือกว่าใช้ช่องทางกฎหมายรังแกบริษัทยาชื่อสามัญในประเทศ” ด้าน รศ.ดร.จิราพร ลิ้มปานานนท์ ประธานมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคกล่าวว่า จากเอกสารงานวิจัยชี้ให้เห็นชัดว่า มีความพยายามในการทำให้ระบบการตรวจสอบทรัพย์สินทางปัญญาโดยเฉพาะสิทธิบัตรของไทยอ่อนแอลง ซึ่งนี่จะกระทบกับสาธารณะโดยรวมอย่างไม่มีความสมดุลย์ กรมทรัพย์สินทางปัญญาควรแก้ไขปรับปรุงกฎกติกาต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อบริษัทยาชื่อสามัญของประเทศไทย และจำเป็นต้องเท่าทันต่อแรงกดดัน กลวิธีต่างๆ ของบริษัทยาต้นแบบ ซึ่งถูกหนุนหลังโดยประเทศอุตสาหกรรมตะวันตก ไม่โอนอ่อนไปตามอิทธิพลหรือการเจรจาที่จะตัดตอนการเติบโตของอุตสาหกรรมของประเทศดังที่เคยเป็นมาแล้ว เมื่อยอมแก้ไข พรบ.สิทธิบัตร ก่อนล่วงหน้าถึง 8 ปีเต็ม ซึ่งทำให้ประเทศชาติเสียโอกาสมหาศาล เมื่อเทียบกับอินเดียที่แก้ไขในอีก 13 ปีต่อมา นางอัฉรา เอกแสงศรี ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา องค์การเภสัชกรรมกล่าวว่า อยากให้ประเทศไทย มีหน่วยงานด้านกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาที่เข้ามาช่วยเหลือบริษัทยาเล็กๆที่อาจถูกขู่ หรือช่วยตรวจสอบและคัดค้านคำขอสิทธิบัตรที่ไม่เหมาะสม เช่นที่มีการรวมตัวของนักกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาในอินเดียมาทำงานด้านนี้ ที่ผ่านมา การวิจัยและพัฒนาของสถาบันฯพบปัญหาเยอะมากโดยเฉพาะเรื่องฐานข้อมูลสิทธิบัตร “กรมทรัพย์สินทางปัญญาควรปรับปรุงระบบสืบค้นสิทธิบัตรให้ดีขึ้น เพื่อประโยชน์การพัฒนาอุตสาหกรรมยาของประเทศ เพื่อความมั่นคงของชาติ ไม่ใช่การบั่นทอน เช่นปัจจุบัน แม้ที่ผ่านมามีการปรับปรุงบ้าง แต่จนถึงขณะนี้ยังพบปัญหาในการปฏิบัติ ระบบสืบค้นยาก ระบบไม่เสถียร มีความไม่แน่นอนสูง บางทีพบคำขอนั้น บางทีก็ไม่พบ บางคำขอก็หายไปเฉยๆ ยกตัวอย่าง เช่น เราพบคำขอไม่ต่ำกว่า 3 ฉบับที่ยื่นตรวจสอบการประดิษฐ์ในปี 2553 ซึ่ง เกิน 5 ปีนับจากวันประกาศโฆษณา อีกทั้งสถานะเดิมเคยลงว่ายื่นตรวจสอบไปแล้วเมื่อปี 2545 ซึ่งไม่ควรเป็นไปได้ หากระบบยังไม่พร้อมเช่นนี้ บริษัทยาชื่อสามัญก็จะไม่มีความมั่นใจเดินหน้าผลิตยาที่คิดว่าไม่ละเมิดสิทธิบัตรมาแข่ขันในตลาดเพื่อให้ยามีราคาถูกลง”
วันนี้ (10 ก.พ.2568) เว็บไซต์ "ฮั่วเซ่งเฮง" สัปดาห์ก่อนราคาทองคำทำ All-time high จากความกังวลเกี่ยวก
สิ่งอำนวยความสะดวก
การตกแต่ง
เครื่องปรับอากาศ
ชั้นบน
เตาอบ/ไมโครเวฟ
ความสะดวกโดยรอบ
กล้องวงจรปิด
เครืองปรับอากาศ
โถงรอลิฟท์ร้านอาหาร
ทางเข้าหลัก
ยอดสินเชื่อโดยประมาณ
รายละเอียดสินเชื่อ
ยอดสินเชื่อที่ต้องชำระต่อเดือนโดยประมาณ
฿ 0 / เดือน
฿ 0 เงินต้น
฿ 0 ดอกเบี้ย
ค่าใช้จ่ายที่อาจต้องมีเบื้องต้น
เงินดาวน์ทั้งหมด
฿ 0
เงินดาวน์
จำนวนสินเชื่อ ฿ 0 ในอัตรา 0% ของสินเชื่อต่อราคาบ้าน (Loan-to-value)
Indonesia menilai bahwa konflik antaraUkrainadanRu

PelatihJermanJulian Nagelsmann membocorkan salah satu caranya untuk menaklukkanSpanyoldalam duelperempat final Euro2024. Sang tuan rumah akan menghadapi La Roja di Mercedes Benz Arena, Stuttgart, Juma
ดูรายละเอียดโครงการคำถามที่พบบ่อย
Bogor dan sekitarnya menghadapicuacayang bervariasi hari ini, 3 Maret 2025. Keseluruhan wilayah Bogo
NEW YORK -- Komisioner Tinggi Hak Asasi Manusia PBB (OHCHR), Volker Turk mengatakan, perintah Israel
Badan Meteorologi, Klimatologi, dan Geofisika (BMKG) memprakirakankekeringanmulai mendominasi wilaya
Siswa SMKN 4 Kota Semarang, Jawa Tengah, berinisial GRO, dilaporkan meninggal dunia diduga akibat lu
Sejumlah isu dibahas pada Kongres FIFA ke-74 di Bangkok, Thailand. Salah satunya mengenai rasisme. R
ค้นหาประกาศอื่นรอบๆ ทุ่งพญาไท
จากสิ่งที่คุณค้นหา คุณอาจจะสนใจตัวเลือกต่อไปนี้
สบาย 99 สมัคร