สถานการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัดยังวิกฤตหนัก

วันนี้ (28 ม.ค.2568) แรงงานบริษัท ยานภัณฑ์ จำกัด (มหาชน ) อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ที่ถูกเลิกจ้าง เมื่อวันที่ 26 พ.ย.2567 และไม่ได้รับเงินชดเชย รวมตัวไปที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อทวงถามความคืบหน้าเกี่ยวกับกา

วันนี้ (28 ก.ค.2564) สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สมาคมนักข่าวนักหนังสื

เมื่อวันที่ 25 เม.ย.2567 มีการเผยแพร่ภาพจากกล้องวงจรปิดวันที่ 30 มี.ค.2567 เวลา 14.27 น. จับภาพรถยนต์สีขาวที่มีนายเรียวสุเกะ ผู้เสียชีวิตชาวญี่ปุ่นถูกยิงอยู่ในรถ ขณะผู้ต้องหาขับรถผ่านหน้าโกดังของโรงงา

วันนี้ (28 ก.ค.2564) สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ และสหภาพแรงงานกลางสื่อมวลชนไทย ออกแถลงการณ์ร่วมกัน ขอให้รัฐบาลยกเลิกมาตรการจำกัดเสรีภาพประชาชนและสื่อมวลชน ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ตามที่ 6 องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน ได้มีแถลงการณ์เมื่อวันที่ 15 ก.ค.2564 แสดงความกังวลต่อการที่รัฐบาลออกข้อกำหนดตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 27) เรื่อง มาตรการเพื่อมิให้มีการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารอันทำให้เกิดความเข้าใจผิดที่ระบุว่า “การเสนอข่าวหรือการทำให้แพร่หลายซึ่งหนังสือ สิ่งพิมพ์ หรือสื่ออื่นใด ที่มีข้อความอันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัว หรือเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉินจนกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ทั่วราชอาณาจักร” พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนการออกข้อกำหนดข้างต้น หรือจัดทำแนวปฏิบัติจากข้อกำหนด และแถลงถึงเจตนารมณ์ในการบังคับใช้ให้เกิดความชัดเจน เพื่อมิให้มีการนำข้อกำหนดดังกล่าว ไปเป็นเครื่องมือในการปิดกั้นการทำหน้าที่เสนอข่าวสารของสื่อมวลชน และการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตของประชาชน จนกระทบต่อสิทธิการรับรู้ข่าวสารและการแสดงความคิดเห็นของประชาชน ตลอดระยะเวลาเกือบ 2 สัปดาห์ นอกจากรัฐบาลจะเพิกเฉยต่อข้อเรียกร้องขององค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนแล้ว ในทางกลับกัน ปรากฏว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 27 ก.ค.2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความใน Facebook กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บังคับใช้มาตรการในข้อกำหนดดังกล่าวอย่างจริงจังต่อสื่อมวลชน คนดังหรือเพจต่างๆ ฯลฯ องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนทั้ง 6 องค์กร ได้ประชุมหารือกันและมีความเห็นร่วมกันดังต่อไปนี้ 1. การยืนยันที่จะบังคับใช้ข้อกำหนดดังกล่าวของนายกรัฐมนตรี ประกอบกับความพยายามของรัฐบาลที่ข่มขู่และดำเนินคดีกับประชาชนที่ใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญวิพากษ์วิจารณ์การบริหารประเทศในสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ย่อมเป็นการแสดงเจตนาที่ชัดเจนที่ต้องการจำกัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชนและสื่อมวลชน 2. การอ้างว่า รัฐบาลจำเป็นต้องใช้มาตรการนี้ ในการจัดการกับปัญหาสิ่งที่รัฐบาลเรียกว่า “ข่าวปลอม” หรือ Fake News นั้น เป็นการกล่าวอ้างที่ปราศจากความรับผิดชอบต่อความล้มเหลวของรัฐบาลในการสื่อสารกับประชาชน อันเป็นผลมาจากการบริหารราชการที่ผิดพลาดของนายกรัฐมนตรีเองทั้งสิ้น ทั้งนี้ ถึงแม้จะมีสื่อมวลชนบางส่วนได้เคยนำเสนอข่าวที่คลาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริง แต่ก็มิใช่เป็นการจงใจสร้างข่าวปลอมตามที่รัฐบาลหรือปฏิบัติการข่าวสาร (IO) ของฝั่งรัฐบาลตีตรา เนื่องจากการเสนอข่าวที่คลาดเคลื่อนเหล่านั้นไม่ได้มีเจตนาสร้างข่าวเท็จเพื่อหวังผลให้เกิดความเข้าใจผิดหรือเกิดความเสียหาย หากแต่เป็นความผิดพลาดคลาดเคลื่อนในรายละเอียดของการนำเสนอเชิงวารสารศาสตร์ ซึ่งสื่อที่นำเสนอก็ได้รับผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือต่อตนเองเช่นกัน อีกทั้งการแสดงความรับผิดชอบและแก้ไขให้ถูกต้องก็เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องได้ 3. องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน ขอเชิญชวนให้สื่อมวลชน และผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนทุกแขนงร่วมกันแสดงออกในทุกรูปแบบเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกมาตรการตามข้อกำหนดดังกล่าว โดยพร้อมเพรียงกัน พร้อมทั้งช่วยกันระมัดระวังการเสนอข่าวให้เป็นไปตามหลักจริยธรรมวิชาชีพสื่อมวลชนอย่างเคร่งครัด เพื่อมิให้รัฐบาลใช้เป็นข้ออ้างในการจำกัดเสรีภาพการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน อันจะกระทบต่อสิทธิในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชนด้วย องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนทั้ง 6 องค์กรขอยืนยันในหลักการ “เสรีภาพสื่อเสรีภฝาก 29 รับ 100 xoาพประชาชน” กล่าวคือ การคุกคามเสรีภาพของสื่อมวลชน ย่อมเป็นการคุกคามเสรีภาพในการแสดงออกและเสรีภาพในการรับรู้ข่าวสารของประชาชนเช่นกัน ดังนั้น จากนี้เป็นต้นไป องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนจะมีกิจกรรมที่แสดงออกถึงความไม่เห็นด้วยกับการดำเนินการของรัฐบาลในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง จนกว่ารัฐบาลจะเข้าใจและตระหนักได้ว่า การพยายามจำกัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชนและสื่อมวลชนย่อมนำไปสู่ความล่มสลายของรัฐบาลในที่สุด

เพราะฉะนั้นถ้าเราทำให้การเลือกตั้งทั่วไปในครั้งหน้า มีความบริสุทธิ์ยุติธรรม เป็นที่ยอมรับ มีกติกาเป็นที่ยอมรับ และถ้าสามารถทำประชามติเรื่องการแก้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ควบคู่กันไปด้วย ซึ่งตอนนี้ก็อาจจะ