UID: 58445

ศาลแพ่งสั่งยึดทรัพย์ ศาลแพ่งอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาที่พิพากษากลับคำสั่งของศาลอุทธรณ์ให้ยึดทรัพย์นายชูวิ

วันนี้ (31 ต.ค.2567) เวลาประมาณ 03.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่สอด อ.แม่สอด จ.ตาก รับแจ้งมีเหตุทะเล

ศาลแพ่งสั่งยึดทรัพย์ ศาลแพ่งอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาที่พิพากษากลับคำสั่งของศาลอุทธรณ์ให้ยึดทรัพย์นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย 3.4 ล้านบาท รวมทั้งหุ้นในบริษัทเครือเดวิส กรุ๊ป ตกเป็นของแผ่นดิน ศาลแพ่งสั่งยึดทรัพย์ ศาลแพ่งอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาที่พิพากษากลับคำสั่งของศาลอุทธรณ์ให้ยึดทรัพย์นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย 3.4 ล้านบาท โดยคดีนี้พนักงานอัยการสำนักงานอัยการสูงสุดเป็นโจทก์ฟ้องนายชูวิทย์ และบริษัทโฮ แปซิฟิค ซึ่งเป็นผู้คัดค้านที่ 1 และ 2 กระทำผิด พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 กรณีที่นายชูวิทย์ได้ยื่นคำคัดค้านต่อศาลว่า ไม่ได้ดำเนินธุรกิจ ที่เป็นธุระจัดหาการค้าประเวณี และไม่ได้เป็นเจ้าของกิจการ สถานบันเทิงฮอนโนลูลู โคปาคาบาน่า บาบาร่า และเอ็มมานูเอล โดยอ้างว่าทรัพย์สินทั้งหมดเป็นการดำเนินธุรกิจโดยสุจริต ซึ่งก่อนหน้านี้ศาลชั้นต้น และศาลอาญาได้มีคำสั่งให้คืนทรัพย์สินให้นายชูวิทย์ แต่ศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนแล้วเห็นว่า นายชูวิทย์ เป็นหุ้นส่วน และผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัดเทอร์เม่ ที่ถือใบอนุญาตสถานบริการ และยังเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทโฮแปซิฟิค ที่เปิดสถานบริการอาบอบนวด ซึ่งบริษัทดังกล่าว ยังเป็นผู้สั่งซื้อถุงยางอนามัยจากบริษัทต่างๆ โดยเฉพาะในปี 2545 เป็นเงินกว่า 100,000 บาท นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าพบถุงยางอนามัยใช้แล้วจากสถานบริการอาบอบนวด พร้อมมีพยานให้การยืนยันว่ามีผู้ที่พาไปทำงานเป็นพนักงานนวดได้จัดให้พนักงานร่วมประเวณีลูกค้า จึงเห็นว่าหลักฐานมีน้ำหนักเพียงพอ ให้เชื่อได้ว่าเป็นผู้กระทำผิดเกี่ยวกับเพศ ซึ่งทางผู้คัดค้านก็ไม่นำสืบว่าทรัพย์สิน มีที่มาอย่างไร จึงพิพากษากลับให้เงินในบัญชีธนาคาร 2 แห่ง รวมถึงหุ้นในเครือ เดวิส กรุ๊ป และดอกเบี้ยตกเป็นของแผ่นดิน ศาลแพ่งอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาที่พิพากษากลับคำสั่งของศาลอุทธรณ์ให้ยึดทรัพย์นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย 3.4 ล้านบาท โดยเข้า เล่น เกม สล็อตเว็บ ไม่มี ขั้น ต่ําคดีนี้พนักงานอัยการสำนักงานอัยการสูงสุดเป็นโจทก์ฟ้องนายชูวิทย์ และบริษัทโฮ แปซิฟิค ซึ่งเป็นผู้คัดค้านที่ 1 และ 2 กระทำผิด พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 กรณีที่นายชูวิทย์ได้ยื่นคำคัดค้านต่อศาลว่า ไม่ได้ดำเนินธุรกิจ ที่เป็นธุระจัดหาการค้าประเวณี และไม่ได้เป็นเจ้าของกิจการ สถานบันเทิงฮอนโนลูลู โคปาคาบาน่า บาบาร่า และเอ็มมานูเอล โดยอ้างว่าทรัพย์สินทั้งหมดเป็นการดำเนินธุรกิจโดยสุจริต ซึ่งก่อนหน้านี้ศาลชั้นต้น และศาลอาญาได้มีคำสั่งให้คืนทรัพย์สินให้นายชูวิทย์ แต่ศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนแล้วเห็นว่า นายชูวิทย์ เป็นหุ้นส่วน และผู้จัดการห้างหุ้นส่วนจำกัดเทอร์เม่ ที่ถือใบอนุญาตสถานบริการ และยังเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทโฮแปซิฟิค ที่เปิดสถานบริการอาบอบนวด ซึ่งบริษัทดังกล่าว ยังเป็นผู้สั่งซื้อถุงยางอนามัยจากบริษัทต่างๆ โดยเฉพาะในปี 2545 เป็นเงินกว่า 100,000 บาท นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าพบถุงยางอนามัยใช้แล้วจากสถานบริการอาบอบนวด พร้อมมีพยานให้การยืนยันว่ามีผู้ที่พาไปทำงานเป็นพนักงานนวดได้จัดให้พนักงานร่วมประเวณีลูกค้า จึงเห็นว่าหลักฐานมีน้ำหนักเพียงพอ ให้เชื่อได้ว่าเป็นผู้กระทำผิดเกี่ยวกับเพศ ซึ่งทางผู้คัดค้านก็ไม่นำสืบว่าทรัพย์สิน มีที่มาอย่างไร จึงพิพากษากลับให้เงินในบัญชีธนาคาร 2 แห่ง รวมถึงหุ้นในเครือ เดวิส กรุ๊ป และดอกเบี้ยตกเป็นของแผ่นดิน

หลังจากน.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานครอบครัวเพื่อไทย เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ทำให้มีกเสีย