UID: 75534

วันนี้ (8 ธ.ค.2564) พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยง กรมควบคุมโรค ในฐานะผู้ช่วย

นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยว่า หลังจากที่ราชก

วิกฤตน้ำเต็มเขื่อน หลังฝนตกต่อเนื่อง กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานว่า ยังมีฝนตกหนักหนาแน่นในภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไปจนถึงวันที่ 23 ก.ย.ซึ่งจะส่งผลให้สถานการณ์น้ำท่วมรุนแรงยิ่งขึ้น ส่วนเขื่อนขนาดใหญ่ในภาคเหนืออยู่ในภาวะวิกฤตน้ำเต็มเขื่อน และมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง วิกฤตน้ำเต็มเขื่อน หลังฝนตกต่อเนื่อง เขื่อนภูมิพลที่จังหวัดตากมีปริมาณน้ำเพิ่มมาอยู่ที่ร้อยละ 89 แล้ว แต่การระบายน้ำขณะนี้ยังทรงตัวอยู่เท่าเดิม แต่เขื่อนสิริกิตต์ที่จังหวัดอุตรดิตถ์มีน้ำมากขึ้นที่ร้อยละ 97 แต่เขื่อนยังคงระบายน้ำเท่าเดิมอยู่ที่ 57 ล้านลูกบาศ์กเมตรต่อวัน แต่จะไม่ให้เขื่อนรับน้ำเกินกว่าความจุจึงจะระบายน้ำคงที่ไปจนถึงวันที่ 25 ก.ย.นี้ จากนั้นจะประชุมเพื่อประเมินว่า จำเป็นต้องระบายน้ำเพิ่มขึ้นอีกหรือไม่ ส่วนเขื่อนแควน้อยบำรุงแดนที่จังหวัดพิษณุโลกน้ำยังคงที่อยู่ที่ร้อยละ 99 เพราะมีการเร่งระบายน้ำเพิ่มขึ้นมาแล้วเกือบหนึ่งสัปดาห์ แต่หลังจากนี้ถ้าจำเป็นจะต้องระบายน้ำเพิ่มขึ้นอีก ก็อาจส่งผลกระทบให้อำเภอวัดโluk666 คา สิ โน luk666 คา สิ โนบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งอยู่ท้ายเขื่อนได้รับผลกระทบอย่างหนักได้ ส่วนเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ในจังหวัดลพบุรี ขณะนี้มีน้ำล้นเขื่อนเพิ่มขึ้นอยู่ที่ร้อยละ 116 เมื่อวานนี้เขื่อนจึงจำเป็นต้องระบายน้ำเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งในสาม ซึ่งทำให้ระดับน้ำยิ่งสูงขึ้น แต่ฝนยังคงตกหนักต่อเนื่อง ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ยอมรับว่าการระบายน้ำครั้งนี้จะส่งผลให้เกิดน้ำท่วมหนักขึ้นในบริเวณพื้นที่ท้ายเขื่อนทั้งในจังหวัดลพบุรี สระบุรี และพระนครศรีอยุธยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่อำเภอท่าเรือ และนครหลวง ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ขณะที่ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ประกาศเตือนว่า ฝนตกหนักหลายพื้นที่อาจทำให้เกิดภาวะน้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่มในพื้นที่ที่ยังไม่เคย หรือ สถานการณ์น้ำท่วมจะรุนแรง โดยควรเฝ้าระวังไปจนถึงวันที่ 23 ก.ย.ในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ พิษณุโลก ขอนแก่น จันทบุรี ตราด และ ระนอง ส่วนพื้นที่ราบลุ่มภาคลางต้องเตรียมรับสถานการณ์น้ำท่วมที่จะเพิ่มสูงขึ้น เขื่อนภูมิพลที่จังหวัดตากมีปริมาณน้ำเพิ่มมาอยู่ที่ร้อยละ 89 แล้ว แต่การระบายน้ำขณะนี้ยังทรงตัวอยู่เท่าเดิม แต่เขื่อนสิริกิตต์ที่จังหวัดอุตรดิตถ์มีน้ำมากขึ้นที่ร้อยละ 97 แต่เขื่อนยังคงระบายน้ำเท่าเดิมอยู่ที่ 57 ล้านลูกบาศ์กเมตรต่อวัน แต่จะไม่ให้เขื่อนรับน้ำเกินกว่าความจุจึงจะระบายน้ำคงที่ไปจนถึงวันที่ 25 ก.ย.นี้ จากนั้นจะประชุมเพื่อประเมินว่า จำเป็นต้องระบายน้ำเพิ่มขึ้นอีกหรือไม่ ส่วนเขื่อนแควน้อยบำรุงแดนที่จังหวัดพิษณุโลกน้ำยังคงที่อยู่ที่ร้อยละ 99 เพราะมีการเร่งระบายน้ำเพิ่มขึ้นมาแล้วเกือบหนึ่งสัปดาห์ แต่หลังจากนี้ถ้าจำเป็นจะต้องระบายน้ำเพิ่มขึ้นอีก ก็อาจส่งผลกระทบให้อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งอยู่ท้ายเขื่อนได้รับผลกระทบอย่างหนักได้ ส่วนเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ในจังหวัดลพบุรี ขณะนี้มีน้ำล้นเขื่อนเพิ่มขึ้นอยู่ที่ร้อยละ 116 เมื่อวานนี้เขื่อนจึงจำเป็นต้องระบายน้ำเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งในสาม ซึ่งทำให้ระดับน้ำยิ่งสูงขึ้น แต่ฝนยังคงตกหนักต่อเนื่อง ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ยอมรับว่าการระบายน้ำครั้งนี้จะส่งผลให้เกิดน้ำท่วมหนักขึ้นในบริเวณพื้นที่ท้ายเขื่อนทั้งในจังหวัดลพบุรี สระบุรี และพระนครศรีอยุธยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่อำเภอท่าเรือ และนครหลวง ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ขณะที่ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ประกาศเตือนว่า ฝนตกหนักหลายพื้นที่อาจทำให้เกิดภาวะน้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่มในพื้นที่ที่ยังไม่เคย หรือ สถานการณ์น้ำท่วมจะรุนแรง โดยควรเฝ้าระวังไปจนถึงวันที่ 23 ก.ย.ในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ พิษณุโลก ขอนแก่น จันทบุรี ตราด และ ระนอง ส่วนพื้นที่ราบลุ่มภาคลางต้องเตรียมรับสถานการณ์น้ำท่วมที่จะเพิ่มสูงขึ้น

วิกฤตน้ำเต็มเขื่อน หลังฝนตกต่อเนื่อง กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานว่า ยังมีฝนตกหนักหนาแน่นในภาคเหนือ ภาคกล