วันนี้ ( 1ธ.ค. 2567) พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้สล อ ต 1234
บีโอไอ เผยผลศึกษาโอกาสนักลงทุนไทยในอาเซียน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเตรียมปรับสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูง พร้อมแนะนำนักลงทุนไทยเข้าลงทุนในประเทศสมาชิกอาเซียนภายใต้กรอบเออ
บีโอไอ เผยผลศึกษาโอกาสนักลงทุนไทยในอาเซียน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเตรียมปรับสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูง พร้อมแนะนำนักลงทุนไทยเข้าลงทุนในประเทศสมาชิกอาเซียนภายใต้กรอบเออีซี โดยเฉพาะกิจการภาคบริการ และการเกษตร บีโอไอ เผยผลศึกษาโอกาสนักลงทุนไทยในอาเซียน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ เปิดเผยผลการศึกษาลู่ทางลงทุนไทยภายใต้กรอบประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี ในอุตสาหกรรม 5 สาขา คือ เกษตรกรรม, สิ่งทอ, ยานยนต์, ท่องเที่ยว และก่อสร้าง พบว่า ธุรกิจที่นักลงทุนไทยมีโอกาสไปลงทุนในประเทศสิงคโปร์ คือ ร้านอาหาร, สปา, รีสอร์ท เนื่องจากเป็นประเทศที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นจำนวนมาก ขณะที่ธุรกิจอาหารฮาลาล และท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ยังเป็นที่ต้องการในประเทศมาเลเซีย ส่วนอินโดนีเซีย ควรลงทุนกิจการประมงน้ำลึก เนื่องจากเป็นประเทศที่ขาดความชำนาญ และไม่นิยมบริโภคอาหารทะเล จึงเป็นโอกาสให้นักลงทุนไทยเข้ารับสัมปทานจับสัตว์น้ำ เพื่อแปรรูปได้ และฟิลิปปินส์ เหมาะที่จะลงทุนธุรกิจแปรรูปผลไม้ ธุรกิจชิ้นส่วนอะไหล่ ตกแต่งรถยนต์ ขณะที่สำนักเลขาธิการอาเซียน รายงานการลงทุนโดยตรงระหว่างประเทศในกลุ่มอาเซียนปีที่ผ่านมา มีมูลค่า 75,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี 2553 ซึ่งอยู่ที่ 37,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นับเป็นสถิติสูงสุดจากการลงทุนภายในกลุ่มนี้ และคิดเป็นสัดส่วนการลงทุนของโลก ร้อยละ 10 ขณะที่ภาวะลงทุนของกลุ่มอาเซียนในไทย 8 เดือนแรกปีนี้ผ่านบีโอไอ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยเป็นการลงทุนจากสิงคโปร์ 47 โครงการ คิดเป็นมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 30 รองลงมาเป็นของมาเลซีย 19 โครงการ มูลค่า 3,700 ล้านบาทหรือเพิ่มร้อยละ 16 ทั้งนี้ บีโอไอ อยู่ระหว่างปรับทิศทางนโยบายส่งเสริมการลงทุน หลังกระทรวงการคลังเสนอให้มีการทบทวนสิทธิประโยชน์แก่นักลงทุนต่างชาติ เบื้องต้นจะมุ่งสนับสนุนอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูง แต่จะลดสิทธิประโยชน์อุตสาหกรรมที่ใช้วัตถุดิบในประเทศและใช้แรงงานเป็นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ เปิดเผยผลการศึกษาลู่ทางลงทุนไทยภายใต้กรอบประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี ในอุตสาหกรรม 5 สาขา คือ เกษตรกรรม, สิ่งทอ, ยานยนต์, ท่องเที่ยว และก่อสร้าง พบว่า ธุรกิจที่นักลงทุนไทยมีโอกาสไปลงทุนในประเทศสิงคโปร์ คือ ร้านอาหาร, สปา, รีสอร์ท เนื่องจากเป็นประเทศที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นจำนวนมาก ขณะที่ธุรกิจอาหารฮาลาล และท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ยังเป็นที่ต้องการในประเทศมาเลเซีย ส่วนอินโดนีเซีย ควรลงทุนกิจการประมงน้ำลึก เนื่องจากเป็นประเทศที่ขาดความชำนาญ และไม่นิยมบริโภคอาหารทะเล จึงเป็นโอกาสให้นักลงทุนไทยเข้ารับสัมปทานจับสัตว์น้ำ เพื่อแปรรูปได้ และฟิลิปปินส์ เหมาะที่จะลงทุนธุรกิจแปรรูปผลไม้ ธุรกิจชิ้นส่วนอะไหล่ ตกแต่งรถยนต์ ขณะที่สำนักเลขาธิการอาเซียน รายงานการลงทุนโดยตรงระหว่างประเทศในกลุ่มอาเซียนปีที่ผ่านมา มีมูลค่า 75,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี 2553 ซึ่งอยู่ที่ 37,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นับเป็นสถิติสูงสุดจากการลงทุนภายในกลุ่มนี้ และคิดเป็นสัดส่วนการลงทุนขอสล อ ต 1234งโลก ร้อยละ 10 ขณะที่ภาวะลงทุนของกลุ่มอาเซียนในไทย 8 เดือนแรกปีนี้ผ่านบีโอไอ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยเป็นการลงทุนจากสิงคโปร์ 47 โครงการ คิดเป็นมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 30 รองลงมาเป็นของมาเลซีย 19 โครงการ มูลค่า 3,700 ล้านบาทหรือเพิ่มร้อยละ 16 ทั้งนี้ บีโอไอ อยู่ระหว่างปรับทิศทางนโยบายส่งเสริมการลงทุน หลังกระทรวงการคลังเสนอให้มีการทบทวนสิทธิประโยชน์แก่นักลงทุนต่างชาติ เบื้องต้นจะมุ่งสนับสนุนอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูง แต่จะลดสิทธิประโยชน์อุตสาหกรรมที่ใช้วัตถุดิบในประเทศและใช้แรงงานเป็นพื้นฐาน
วันนี้ 29 พ.ค.2567 นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป
สล อ ต 1234 -Ada Apa Saja?
วันนี้ ( 1ธ.ค. 2567) พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้สล อ ต 1234
บีโอไอ เผยผลศึกษาโอกาสนักลงทุนไทยในอาเซียน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเตรียมปรับสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูง พร้อมแนะนำนักลงทุนไทยเข้าลงทุนในประเทศสมาชิกอาเซียนภายใต้กรอบเออ
บีโอไอ เผยผลศึกษาโอกาสนักลงทุนไทยในอาเซียน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเตรียมปรับสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูง พร้อมแนะนำนักลงทุนไทยเข้าลงทุนในประเทศสมาชิกอาเซียนภายใต้กรอบเออีซี โดยเฉพาะกิจการภาคบริการ และการเกษตร บีโอไอ เผยผลศึกษาโอกาสนักลงทุนไทยในอาเซียน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ เปิดเผยผลการศึกษาลู่ทางลงทุนไทยภายใต้กรอบประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี ในอุตสาหกรรม 5 สาขา คือ เกษตรกรรม, สิ่งทอ, ยานยนต์, ท่องเที่ยว และก่อสร้าง พบว่า ธุรกิจที่นักลงทุนไทยมีโอกาสไปลงทุนในประเทศสิงคโปร์ คือ ร้านอาหาร, สปา, รีสอร์ท เนื่องจากเป็นประเทศที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นจำนวนมาก ขณะที่ธุรกิจอาหารฮาลาล และท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ยังเป็นที่ต้องการในประเทศมาเลเซีย ส่วนอินโดนีเซีย ควรลงทุนกิจการประมงน้ำลึก เนื่องจากเป็นประเทศที่ขาดความชำนาญ และไม่นิยมบริโภคอาหารทะเล จึงเป็นโอกาสให้นักลงทุนไทยเข้ารับสัมปทานจับสัตว์น้ำ เพื่อแปรรูปได้ และฟิลิปปินส์ เหมาะที่จะลงทุนธุรกิจแปรรูปผลไม้ ธุรกิจชิ้นส่วนอะไหล่ ตกแต่งรถยนต์ ขณะที่สำนักเลขาธิการอาเซียน รายงานการลงทุนโดยตรงระหว่างประเทศในกลุ่มอาเซียนปีที่ผ่านมา มีมูลค่า 75,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี 2553 ซึ่งอยู่ที่ 37,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นับเป็นสถิติสูงสุดจากการลงทุนภายในกลุ่มนี้ และคิดเป็นสัดส่วนการลงทุนของโลก ร้อยละ 10 ขณะที่ภาวะลงทุนของกลุ่มอาเซียนในไทย 8 เดือนแรกปีนี้ผ่านบีโอไอ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยเป็นการลงทุนจากสิงคโปร์ 47 โครงการ คิดเป็นมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 30 รองลงมาเป็นของมาเลซีย 19 โครงการ มูลค่า 3,700 ล้านบาทหรือเพิ่มร้อยละ 16 ทั้งนี้ บีโอไอ อยู่ระหว่างปรับทิศทางนโยบายส่งเสริมการลงทุน หลังกระทรวงการคลังเสนอให้มีการทบทวนสิทธิประโยชน์แก่นักลงทุนต่างชาติ เบื้องต้นจะมุ่งสนับสนุนอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูง แต่จะลดสิทธิประโยชน์อุตสาหกรรมที่ใช้วัตถุดิบในประเทศและใช้แรงงานเป็นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ เปิดเผยผลการศึกษาลู่ทางลงทุนไทยภายใต้กรอบประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี ในอุตสาหกรรม 5 สาขา คือ เกษตรกรรม, สิ่งทอ, ยานยนต์, ท่องเที่ยว และก่อสร้าง พบว่า ธุรกิจที่นักลงทุนไทยมีโอกาสไปลงทุนในประเทศสิงคโปร์ คือ ร้านอาหาร, สปา, รีสอร์ท เนื่องจากเป็นประเทศที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นจำนวนมาก ขณะที่ธุรกิจอาหารฮาลาล และท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ยังเป็นที่ต้องการในประเทศมาเลเซีย ส่วนอินโดนีเซีย ควรลงทุนกิจการประมงน้ำลึก เนื่องจากเป็นประเทศที่ขาดความชำนาญ และไม่นิยมบริโภคอาหารทะเล จึงเป็นโอกาสให้นักลงทุนไทยเข้ารับสัมปทานจับสัตว์น้ำ เพื่อแปรรูปได้ และฟิลิปปินส์ เหมาะที่จะลงทุนธุรกิจแปรรูปผลไม้ ธุรกิจชิ้นส่วนอะไหล่ ตกแต่งรถยนต์ ขณะที่สำนักเลขาธิการอาเซียน รายงานการลงทุนโดยตรงระหว่างประเทศในกลุ่มอาเซียนปีที่ผ่านมา มีมูลค่า 75,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี 2553 ซึ่งอยู่ที่ 37,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นับเป็นสถิติสูงสุดจากการลงทุนภายในกลุ่มนี้ และคิดเป็นสัดส่วนการลงทุนขอสล อ ต 1234งโลก ร้อยละ 10 ขณะที่ภาวะลงทุนของกลุ่มอาเซียนในไทย 8 เดือนแรกปีนี้ผ่านบีโอไอ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยเป็นการลงทุนจากสิงคโปร์ 47 โครงการ คิดเป็นมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 30 รองลงมาเป็นของมาเลซีย 19 โครงการ มูลค่า 3,700 ล้านบาทหรือเพิ่มร้อยละ 16 ทั้งนี้ บีโอไอ อยู่ระหว่างปรับทิศทางนโยบายส่งเสริมการลงทุน หลังกระทรวงการคลังเสนอให้มีการทบทวนสิทธิประโยชน์แก่นักลงทุนต่างชาติ เบื้องต้นจะมุ่งสนับสนุนอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูง แต่จะลดสิทธิประโยชน์อุตสาหกรรมที่ใช้วัตถุดิบในประเทศและใช้แรงงานเป็นพื้นฐาน
วันนี้ 29 พ.ค.2567 นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป