Seorang pria berinisial N (64) di Kota Semarang, J
วันนี้ (1 มิ.ย.2564) องค์การอนามัยโลกประกาศระบบใหม่สำหรับใช้เรียกชื่อสายพันธุ์เชื้อ COVID-19 โดยใช้ตัวอักษรกรีก แทนการเรียกชื่อประเทศที่พบสายพันธุ์นั้น ๆ ระบบใหม่นี้ส่งผลให้เชื้อ COVID-19 กลายพันธุ์ที
ภาพกล้องวงจรปิด ที่บันทึกไว้ได้ขณะเรือบรรทุกน้ำมัน สมูธซี 2 เกิดระเบิดอย่างรุนแรง 2 ครั้งซ้อน บริเวณท่าเทียบเรือ ซอยสุขสวัสดิ์ 45 อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ก่อนเกิดไฟลุกไหม้อย่างรุนแรง ทำให้ลูกเรือบาด
วันนี้ (14 พ.ค.2564) พล.ร.ต.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ชี้แจงกรณีพบผู้ติดเชื้อไวรัส COVID-19 บนเรือ BOA DEEP C ว่า ศรชล.ภาค 2 ได้รับการประสานจากนายสันติ รักษ์ทรัพย์ เจ้าพนักงานด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ท่าเรือน้ำลึก จ.สงขลา ทราบว่า เรือ BOA DEEP C สัญชาตินอร์เวย์ พร้อมลูกเรือ 29 คน ออกเดินทางจากประเทศอินเดีย ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.2564 โดยผ่านทางประเทศสิงคโปร์ และเดินทางมาถึงท่าเรือน้ำลึกเจ้าพระยาสากลจำกัด จว.สงขลา เมื่อวันที่ 11 พ.ค.2564 เวลาประมาณ 08.00 น. โดยทางจนท.ด่านท่าเทียบเรือ ได้ตรวจสอบเอกสารประจำเรือต่าง ๆ และเอกสารการตรวจโรค COVID–19 ของคนประจำเรือ และทำการสวอป เพื่อตรวจหาเชื้อ และในเวลา 17.00 น.เรือได้ออกจากท่าเทียบเรือเพื่อเดินทางไป อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี แต่ในเวลา 22.00 เรือ BOA DEEP C ได้รับแจ้งผลการตรวจสวอป พบลูกเรือติดเชืufabet 037้อ 6 คน ประกอบด้วยชาวยูเครน 2 คน โปแลนด์ 2 คน อินเดีย 1 คน และ รัสเซีย 1 คน สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสงขลา จึงได้แจ้งให้เรือเดินทางกลับมาที่สงขลา และไปจอดทอดสมอ บริเวณจุดจอดกักกันโรค ตามที่สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสงขลากำหนด ตั้งแต่วันที่ 12 พ.ค.2564 จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง พร้อมทั้งห้ามเรือเดินทางไปส่งลูกเรือบนแท่นผลิต หรือท่าเรือภายในประเทศ ทั้งนี้หากเรือประสงค์เดินทางกลับประเทศต้นทางสามารถแจ้งความประสงค์ให้ทราบและสามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้สาธารณสุขจังหวัดสงขลาได้กำหนดให้เรือ BOA DEEP C เป็นโรงพยาบาลสนาม เนื่องจากคนประจำเรือเป็นชาวต่างชาติทั้งหมด และกลุ่มคนที่ติดเชื้อยังไม่มีอาการรุนแรง ซึ่งจะแยกผู้ติดเชื้อและไม่ติดเชื้อออกจากกัน และเฝ้าสังเกตอาการทุกวัน ทั้งนี้ ศรชล.ได้สั่งการให้หน่วยงานใน ศรชล.ภาค 2 ในพื้นที่ จ.สงขลาจัดเรือออกตรวจสอบ เพื่อเฝ้าระวังไม่ให้มีการขนถ่ายคนและสิ่งของจากเรืออื่นไปยังเรือดังกล่าวหรือการขนถ่ายคนและสิ่งของจากเรือดังกล่าวไปสู่เรืออื่น
วันนี้ (14 พ.ค.2564) พล.ร.ต.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.)
วันนี้ (6 มิ.ย.2565) นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สัปด
วันนี้ (8 ต.ค.2564) ตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ ปคบ.แถลงจับ น.ส.ณ
วันนี้ (14 พ.ค.2564) พล.ร.ต.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ชี้แจงกรณีพบผู้ติดเชื้อไวรัส COVID-19 บนเรือ BOA DEEP C ว่า ศรชล.ภาค 2 ได้รับการประสานจากนายสันติ รักษ์ทรัพย์ เจ้าพนักงานด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ท่าเรือน้ำลึก จ.สงขลา ทราบว่า เรือ BOA DEEP C สัญชาตินอร์เวย์ พร้อมลูกเรือ 29 คน ออกเดินทางจากประเทศอินเดีย ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.2564 โดยผ่านทางประเทศสิงคโปร์ และเดินทางมาถึงท่าเรือน้ำลึกเจ้าพระยาสากลจำกัด จว.สงขลา เมื่อวันที่ 11 พ.ค.2564 เวลาประมาณ 08.00 น. โดยทางจนท.ด่านท่าเทียบเรือ ได้ตรวจสอบเอกสารประจำเรือต่าง ๆ และเอกสารการตรวจโรค COVID–19 ของคนประจำเรือ และทำการสวอป เพื่อตรวจหาเชื้อ และในเวลา 17.00 น.เรือได้ออกจากท่าเทียบเรือเพื่อเดินทางไป อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี แต่ในเวลา 22.00 เรือ BOA DEEP C ได้รับแจ้งผลการตรวจสวอป พบลูกเรือติดเชืufabet 037้อ 6 คน ประกอบด้วยชาวยูเครน 2 คน โปแลนด์ 2 คน อินเดีย 1 คน และ รัสเซีย 1 คน สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสงขลา จึงได้แจ้งให้เรือเดินทางกลับมาที่สงขลา และไปจอดทอดสมอ บริเวณจุดจอดกักกันโรค ตามที่สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสงขลากำหนด ตั้งแต่วันที่ 12 พ.ค.2564 จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง พร้อมทั้งห้ามเรือเดินทางไปส่งลูกเรือบนแท่นผลิต หรือท่าเรือภายในประเทศ ทั้งนี้หากเรือประสงค์เดินทางกลับประเทศต้นทางสามารถแจ้งความประสงค์ให้ทราบและสามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้สาธารณสุขจังหวัดสงขลาได้กำหนดให้เรือ BOA DEEP C เป็นโรงพยาบาลสนาม เนื่องจากคนประจำเรือเป็นชาวต่างชาติทั้งหมด และกลุ่มคนที่ติดเชื้อยังไม่มีอาการรุนแรง ซึ่งจะแยกผู้ติดเชื้อและไม่ติดเชื้อออกจากกัน และเฝ้าสังเกตอาการทุกวัน ทั้งนี้ ศรชล.ได้สั่งการให้หน่วยงานใน ศรชล.ภาค 2 ในพื้นที่ จ.สงขลาจัดเรือออกตรวจสอบ เพื่อเฝ้าระวังไม่ให้มีการขนถ่ายคนและสิ่งของจากเรืออื่นไปยังเรือดังกล่าวหรือการขนถ่ายคนและสิ่งของจากเรือดังกล่าวไปสู่เรืออื่น
นอกจากชาวจีนในประเทศที่วิตกกับจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดแล้ว บ้านใกล้เรือนเคียงอย่า