"รัฐบาลชุดนี้ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ เชื่อว่าเศรษฐกิจอวกาศมันอยู่ในสายตาที่พิจารณาอยู่แล้ว และน่าจะมีโอกาสที่จะทำรายได้ให้กับประเทศไทย แต่ต้องกลับมาดูทำและความเข้าใจก่อนว่าเศรษฐกิจของโลกมันมีโครงสร้าง
ความตั้งใจที่อยากตีแผ่ปัญหาสังคมทำให้ "ชาติฉกาจ ไวกวี" หนึ่งในผู้กำกับโฆษณาแถวหน้า ตีแผ่ปัญหาการค้าประเวณีเด็กออกเป็นภาพยนตร์สารคดี หวังกระตุ้นสังคมให้ตื่นตัวและเข้าใจถึงปัญหาที่เกิดขึ้น การใช้ชีวิตอย
ความตั้งใจที่อยากตีแผ่ปัญหาสังคมทำให้ "ชาติฉกาจ ไวกวี" หนึ่งในผู้กำกับโฆษณาแถวหน้า ตีแผ่ปัญหาการค้าประเวณีเด็กออกเป็นภาพยนตร์สารคดี หวังกระตุ้นสังคมให้ตื่นตัวและเข้าใจถึงปัญหาที่เกิดขึ้น การใช้ชีวิตอย่างไร้แก่นสารของเต้ยจนถูกครอบครัวและสังคมตราหน้าว่าเป็นตัวปัญหา เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาตัดสินใจหนีไปพัทยาตามคำชวนของเพื่อนและก้าวไปสู่เส้นทางการค้าประเวณีในที่สุด ซึ่งเป็นภาพยนตร์กึ่งสารคดีที่เล่าจากเหตุการณ์จริงเรื่อง "PATTAYA" หนังใหญ่เรื่องแรกของผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณาชื่อดัง "ชาติฉกาจ ไวกวี" ที่ทำขึ้นภายใต้โครงการ Child Project ที่นักทำหนังแถวหน้า ปรัชญา ปิ่นแก้ว และ นนทรีย์ นิมิบุตร เป็นผู้ทาบทามให้มาร่วมงาน โดยเล่าเรื่องด้วยการพาผู้ชมเข้าไปสัมผัสกับด้านมืดของเมืองท่องเที่ยวพัทยาอย่างใกล้ชิดที่สุด อาศัยเพียงอุปกรณ์หลักคือกล้องถ่ายภาพและสมาร์ทโฟน เพื่อหวังให้เห็นถึงความเป็นจริงของปัญหา ชาติฉกาจ เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับทั้งในฐานะช่างภาพมืออาชีพ ผู้กำกับหนังโฆษณาและอาจารย์พิเศษในสถาบันต่างๆ แต่สิ่งที่สร้างชื่อให้กับนักคิดวัย 33 ปีคนนี้คือการทำรายการเรียลลิตี้ Around Me ที่ตั้งคำถามกับค่านิยมของสังคมผ่านการถ่ายทำที่เน้นการเข้าถึงบุคคลและประเด็นต้นเรื่อง ทั้งตึกแถวร้านค้าที่เปลี่ยนเป็นสถานบริการทางเพศในเวลากลางคืน หรือเทรนด์วัยรุ่นเด็กสแกน ที่เกิดจากการปล่อยให้เด็กอายุต่ำกว่าเกณ์เข้าไปเที่ยวในสถานบันเทิง ซึ่งต่อมากลายเป็นต้นแบบและแรงบันดาลใจในการทำสารคดีสะท้อนสังคม ไม่เพียงต้องการถ่ายทอดความเปราะบางของสังคมที่ไร้ภูมิคุ้นกันในยุคปัจจุบัน แต่ยังอยากจุดประกายความคิดและส่งต่อประสบการณ์ให้คนรุ่นใหม่อีกด้วย ความถนัดในกสูตร sexy บา คา ร่า ฟรี 2020ารถ่ายภาพและความสนใจทำภาพยนตร์สะท้อนสังคม ทำให้ชาติฉกาจตัดสินใจเปิดสตูดิโอเพื่อสอนการทำสื่อดิจิทัล ทั้งผลิตภาพยนตร์ โฆษณาและถ่ายภาพ ซึ่งเป็นสตูดิโอแสงเดย์ไลท์แห่งแรกของเอเชีย ที่มีแนวคิดมาจากประโยคฮิตของชาติฉกาจว่า "โลกนี้สวยได้ด้วยพระอาทิตย์เพียงดวงเดียว" เพราะเชื่อเสมอว่าการทำหนังที่ดีไม่จำเป็นต้องมีรูปแบบตายตัวหรือใช้อุปกรณ์ราคาแพงจำนวนมาก แต่สิ่งสำคัญคือจุดมุ่งหมายของหนังที่ต้องการเสนอ ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาติฉกาจเน้นย้ำมาโดยตลอด เพราะมองว่าจะช่วยให้เกิดความเปลี่ยนแปลงต่อสังคมได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง การใช้ชีวิตอย่างไร้แก่นสารของเต้ยจนถูกครอบครัวและสังคมตราหน้าว่าเป็นตัวปัญหา เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาตัดสินใจหนีไปพัทยาตามคำชวนของเพื่อนและก้าวไปสู่เส้นทางการค้าประเวณีในที่สุด ซึ่งเป็นภาพยนตร์กึ่งสารคดีที่เล่าจากเหตุการณ์จริงเรื่อง "PATTAYA" หนังใหญ่เรื่องแรกของผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณาชื่อดัง "ชาติฉกาจ ไวกวี" ที่ทำขึ้นภายใต้โครงการ Child Project ที่นักทำหนังแถวหน้า ปรัชญา ปิ่นแก้ว และ นนทรีย์ นิมิบุตร เป็นผู้ทาบทามให้มาร่วมงาน โดยเล่าเรื่องด้วยการพาผู้ชมเข้าไปสัมผัสกับด้านมืดของเมืองท่องเที่ยวพัทยาอย่างใกล้ชิดที่สุด อาศัยเพียงอุปกรณ์หลักคือกล้องถ่ายภาพและสมาร์ทโฟน เพื่อหวังให้เห็นถึงความเป็นจริงของปัญหา ชาติฉกาจ เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับทั้งในฐานะช่างภาพมืออาชีพ ผู้กำกับหนังโฆษณาและอาจารย์พิเศษในสถาบันต่างๆ แต่สิ่งที่สร้างชื่อให้กับนักคิดวัย 33 ปีคนนี้คือการทำรายการเรียลลิตี้ Around Me ที่ตั้งคำถามกับค่านิยมของสังคมผ่านการถ่ายทำที่เน้นการเข้าถึงบุคคลและประเด็นต้นเรื่อง ทั้งตึกแถวร้านค้าที่เปลี่ยนเป็นสถานบริการทางเพศในเวลากลางคืน หรือเทรนด์วัยรุ่นเด็กสแกน ที่เกิดจากการปล่อยให้เด็กอายุต่ำกว่าเกณ์เข้าไปเที่ยวในสถานบันเทิง ซึ่งต่อมากลายเป็นต้นแบบและแรงบันดาลใจในการทำสารคดีสะท้อนสังคม ไม่เพียงต้องการถ่ายทอดความเปราะบางของสังคมที่ไร้ภูมิคุ้นกันในยุคปัจจุบัน แต่ยังอยากจุดประกายความคิดและส่งต่อประสบการณ์ให้คนรุ่นใหม่อีกด้วย ความถนัดในการถ่ายภาพและความสนใจทำภาพยนตร์สะท้อนสังคม ทำให้ชาติฉกาจตัดสินใจเปิดสตูดิโอเพื่อสอนการทำสื่อดิจิทัล ทั้งผลิตภาพยนตร์ โฆษณาและถ่ายภาพ ซึ่งเป็นสตูดิโอแสงเดย์ไลท์แห่งแรกของเอเชีย ที่มีแนวคิดมาจากประโยคฮิตของชาติฉกาจว่า "โลกนี้สวยได้ด้วยพระอาทิตย์เพียงดวงเดียว" เพราะเชื่อเสมอว่าการทำหนังที่ดีไม่จำเป็นต้องมีรูปแบบตายตัวหรือใช้อุปกรณ์ราคาแพงจำนวนมาก แต่สิ่งสำคัญคือจุดมุ่งหมายของหนังที่ต้องการเสนอ ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาติฉกาจเน้นย้ำมาโดยตลอด เพราะมองว่าจะช่วยให้เกิดความเปลี่ยนแปลงต่อสังคมได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
วันนี้ (15 ม.ค.2568) นายจักกฤช อุเทนสุต รองอธิบดีกรมศุลกากร กรมศุลกากรจับกุมขยะอิเล็กทรอนิกส์ นำเข้าทางท่าเรือแหลมฉบัง จำนวน 10 ตู้คอนเทนเนอร์ น้ำหนักกว่า 256 ตัน ซึ่งเป็นผลจากจากการเฝ้าระวังอย่างเข้ม
ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองในประเทศที่ต้องรับมือ แต่มิติการเมืองและความมั่นคงระหว่างประเทศ ก็เป็นเรื่อ