จับตา "ฐานทัพเรือ" กัมพูชา จีนช่วยพัฒนาหวังขยายอิทธิพล?

จังหวัดเชียงใหม่ เครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย เครือข่ายผู้มีปัญหาสถานะบุคคล และ ภาคีองค์กรและเครือข่ายที่ทำงานด้านชนกลุ่มน้อยและชาติพันธุ์ จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง ความเหลื่อมล้ำ ควา

น.ส.เมทินีย์ ภัสสราอุดมศักดิ์ นักวิจัยและฝ่ายข้อมูล TRAFFIC เปิดเผยภาพรวมสถานการณ์การค้าสัตว์ป่า ผลิ

วันนี้ (8 พ.ย.2567) นายสายหยุด เพ็งบุญชู ทนายความของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม และ นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด (ภรรยา) เดินทางยังมาศาลอาญา พร้อมเปิดเผยว่า ในวันนี้ทนายความจะไม่ยื่นคําร้องขอประกันต

จังหวัดเชียงใหม่ เครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย เครือข่ายผู้มีปัญหาสถานะบุคคล และ ภาคีองค์กรและเครือข่ายที่ทำงานด้านชนกลุ่มน้อยและชาติพันธุ์ จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง ความเหลื่อมล้ำ ความไม่เป็นธรรมในระบบหลักประกันสุขภาพ และ ทางออกที่ควรจะเป็น พร้อมออกแถลงการณ์ข้อเสนอเชิงนโยบาย เนื้อหาสำคัญระบุว่า แม้ประเทศไทยจะมีระบบหลักประกันสุขภาพครอบคลุมคนไทยทั้งประเทศ มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 ภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ทำให้ประชาชนทุกคนมีหลักประกันสุขภาพ และ ประเทศไทยได้รับการยกย่องเป็นต้นแบบของประเทศกำลังพัฒนา แต่ยังมีคนไทยจำนวนหนึ่งที่กำลังรอพิสูจน์สัญชาติไทยและสถานะบุคคล ไม่สามารถเข้าถึงสิทธิด้านสาธารณสุขตาม พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 เนื่องจากคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความว่า พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ มาตรา 5 ( บุคคลทุกคนมีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขที่มีมาตรฐาน และ มีประสิทธิภาพ ) เป็นการรับรองสิทธิของบุคคลที่มีสัญชาติไทยเท่านั้น ภายหลัง สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. ตระหนักว่า หากบุคคลผู้มีปัญหาสถานะและสิทธิที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยเหล่านี้ไม่สามารถเข้าถึงสิทธิในหลักประกันสุขภาพได้ จะเป็นเหตุทำให้ระบบสาธารณสุขโดยรวมของประเทศเสียไป ก่อให้เกิดการแพร่กระจายของโรคติดต่อชนิดต่าง ๆ จึงเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อขอจัดเว็บพนัน ทดลองเล่นฟรีตั้ง "กองทุนให้บริการด้านสาธารณสุขกับบุคคลที่มีปัญหาสถานะและสิทธิ" เป็นการเฉพาะขึ้น แยกต่างหากจากกองทุนในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ผ่านไป 9 ปี คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติเห็นชอบให้มีการให้สิทธิ (คืนสิทธิ) ขั้นพื้นฐานด้านสาธารณสุขแก่บุคคลที่มีปัญหาสถานะและสิทธิ จำนวน 4.5 แสนคน โดยได้รับงบประมาณรายหัวเฉลี่ยที่ 2,067 บาทต่อคน ต่อมาคณะรัฐมนตรีมีมติหลายครั้งเพิ่มเติมกลุ่มผู้มีปัญหาสถานะและสิทธิ ปัจจุบันครอบคลุมจำนวนกว่า 6 แสนคน แม้จะทำให้กลุ่มผู้มีปัญหาสถานะบุคคล สามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุข และป้องกันการล้มละลายจากค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการเข้ารับการรักษาพยาบาลได้ แต่ก็พบข้อจำกัด คือ (1) ความไม่ยั่งยืนของกองทุนคืนสิทธิฯ ซึ่งอาจถูกยกเลิกเมื่อใดก็ได้ (2) กลุ่มผู้มีปัญหาสถานะและสิทธิในกองทุนให้สิทธิ (คืนสิทธิ) ไม่ได้รับการคุ้มครองสิทธิในกรณีเกิดปัญหาความผิดพลาดจากการรักษาพยาบาล (3) ชุดสิทธิประโยชน์ไม่สามารถพัฒนาให้เกิดความเท่าเทียมกับระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายมีจำนวนน้อย งบประมาณไม่เพียงพอในการพัฒนาสิทธิประโยชน์และจัดบริการสาธารณสุขให้มีคุณภาพ (4) จำนวนผู้มีปัญหาสถานะบุคคลจะลดลงทุกปี ส่งผลทำให้กองทุนคืนสิทธิฯ อาจเกิดการล้มละลายในอนาคตขึ้นได้ เหตุผลและความจำเป็นที่เสนอให้คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ต้องพิจารณาและทบทวนการนิยามผู้ทรงสิทธิรับบริการสาธารณสุขในมาตรา 5 ตาม พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 ด้วยเหตุผล 1) กลุ่มผู้มีปัญหาสถานะและสิทธิ เป็นคนไทยกลุ่มหนึ่ง เคยได้รับสิทธิบริการสาธารณสุขภาพในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติมาก่อน แต่ถูกปลดสิทธิออกจากระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นความเหลื่อมล้ำ สร้างความไม่เป็นธรรมและไม่เท่าเทียมในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งขัดต่อเจตนารมณ์ ในมาตรา 5 พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 2) ผลดีที่เกิดจากการให้กลุ่มผู้มีปัญหาสถานะและสิทธิ ได้รับสิทธิในระบบหลักประกันสุขภาพ ตาม พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 มีผลดีต่อระบบหลักประกันสุขภาพของประเทศ ได้แก่ 2.1) สามารถลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติให้เกิดขึ้นจริงได้ 2.2) ระบบกองทุนเดียวโดยไม่แยกกองทุน (คืนสิทธิ) สามารถบริหารจัดการงบประมาณและการเบิกจ่ายงบประมาณได้ง่ายและรวดเร็ว ช่วยให้ลดต้นทุนการดำเนินงานและมีงบประมาณเหลือในการพัฒนาชุดสิทธิประโยชน์ที่ดีกว่าได้ 2.3) หน่วยบริการสามารถลดความกังวลและมีความมั่นใจในการให้บริการกลุ่มผู้มีปัญหาสถานะและสิทธิว่า โรงพยาบาลจะไม่ขาดทุนหรือรับภาระหนี้สินจากการให้บริการ ไม่กังวลว่าจำนวนประชากรในกองทุนจะลดลงและล้มละลายแต่อย่างใด 3) เป็นการดำเนินการที่สอดรับกับคำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี (นายเศรษฐา ทวีนายกรัฐมนตรี) ที่แถลงต่อรัฐสภา เมื่อวันจันทร์ที่ 11 กันยายน 2566 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะที่ระบุในวรรคท้ายของนโยบายพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนคนไทยว่า "รัฐบาลให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมของคนทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเปราะบาง คนพิการ ผู้สูงอายุ และกลุ่มชาติพันธุ์ โดยจะดูแลให้เกียรติ มีศักดิ์ศรี มีงาน มีรายได้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเดิมด้วยสวัสดิการโดยรัฐ" ด้วยเหตุนี้เครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย เครือข่ายผู้มีปัญหาสถานะบุคคล และภาคีองค์กรและเครือข่ายที่ทำงานด้านชนกลุ่มน้อยและชาติพันธุ์ จึงมีข้อเสนอเชิงนโยบาย เกรียงไกร ชีช่วง ประธานสภาชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่าเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา พี่น้องจำนวนหลักแสนคนได้รับผลกระทบจากการตีความ หรือ การให้นิยามไม่ชัดเจน เมื่อไม่มีหลักประกันสุขภาพทำให้ชาวบ้านที่เจ็บป่วยรีรอที่จะไปโรงพยาบาล หรือ ต้องทนจนกว่าอาการหนักก่อน ซึ่งผลร้ายที่สุด คือ เสียชีวิต วิวัฒน์ ตามี่ ผู้แทนเครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทยเปิดเผยว่าการปลดสิทธิกลุ่มผู้มีปัญหาสถานะบุคคลออกจากระบบหลักประกันสุขภาพ หรือ บัตรทอง สร้างความไม่เป็นธรรม สร้างความเดือดร้อนให้กับคนกลุ่มนี้มาหลายปี ถือเป็นการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม ทั้งที่เคยได้รับสิทธิ์ในบัตรทองมาก่อน ผู้แทนเครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทยระบุอีกว่า หากการยื่นให้ สปสช. และ คณะรัฐมนตรีทบทวนเรื่องนี้แล้ว แต่ยังไม่มีความก้าวหน้า ในขั้นตอนต่อไปก็จะใช้ช่องทางในการฟ้องศาลปกครอง เพื่อขอให้พิจารณาว่าสิ่งที่เกิดขึ้นถือเป็นการกระทำผิดกฎหมายหรือไม่ แพทย์หญิงวลัยรัตน์ ไชยฟู ผู้อำนวยการ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 1 เชียงใหม่ ระบุว่าเจตนารมณ์ ของ พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ คือการดูแลสุขภาพของคนในประเทศไทยทุกคนอยู่แล้ว ประชาชนกลุ่มใดก็ตาม ก็ควรจะต้องมีการดูแลในแง่ของการทั้งดูแลสุขภาพ ป้องกันโรค และ ให้การรักษาพยาบาลอยู่ จึงจะนำสิ่งที่เครือข่ายภาคประชาชนเสนอ ส่งต่อให้คณะกรรมการพิจารณาอีกครั้ง โดยเฉพาะในเรื่องของการตีความ ในมาตรา 5 พ.ร.บ. หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ที่น่าจะต้องทำให้เกิดความชัดเจนขึ้น เพื่อลดความเดือดร้อนให้กับประชาชนกลุ่มผู้มีปัญหาสถานะ และ สิทธิ ต่อไป

วันนี้ (16 มี.ค.2566) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงการเข้าควบคุมสถานการณ์ "สารวัตรกานต์" ที่คลุ้มคลั่งยิงปืนในบ้านพักย่านซอยสายไหม 46 และเสียชีวิตที่โรงพยาบาลภูมิ