Home
|
ค่าย 918kiss

ชาวธัญบุรีเสริมคันกันน้ำป้องกันน้ำท่วมพื้นที่เศรษฐ

ค่าย 918kiss

วันนี้ (15 พ.ค.2565) เมื่อเวลา 17:35 น. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้สมัครอิสระ เบอร์ 6 ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนระบุถึงการจัดเวทีปราศรัยต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ว่า เนื่องจากที่ผ่านมาได้ลงพื้นที่หาเสียงมาพอสมค

วันนี้ (21 ธ.ค.2567) อาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิสัจจะธรรมกบินทร์บุรี รับแจ้งอุบัติเหตุโครงเหล็กสร้างอาคาร ถล่มทับคนงานก่อสร้าง ในพื้นที่บ้านถนนทอง ม.9 ต.เมืองเก่า อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เมื่อเวลาประมาณ

ช่วงเวลาเกือบ 2 ปี ประเทศไทยเผชิญการแพร่ระบาดของโควิด-19 มาแล้วหลายระลอก การระบาดครั้งแรกเกิดขึ้นที่สนามมวย-สถานบันเทิง จากนั้นระลอก 2 เป็นการระบาดในกลุ่มแรงงานประมง จ.สมุทรสาคร ระลอก 3 สถานบันเทิงย่านทองหล่อ และระลค่าย 918kissอก 4 ที่เริ่มพบสายพันธุ์เดลตาระบาดตามพื้นที่ต่างๆ เช่น แคมป์แรงงานข้ามชาติ กทม. ขณะที่การควบคุมโรคเน้นการจำกัดพื้นที่ระบาด ล็อกดาวน์ และเร่งฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มเสี่ยง แต่ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันยังแตะหลักหมื่นคน ผู้เสียชีวิตยังเพิ่มสูง และการฉีดวัคซีนยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่จะให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ เมื่อไม่สามารถลดจำนวนผู้ติดเชื้อให้กลายเป็นศูนย์ได้ แนวคิด "อยู่ร่วมกับโรคโควิด" จึงกลายเป็นเรื่องที่รัฐบาลสื่อสารกับประชาชน เพื่อให้อยู่ร่วมกับโควิดให้ได้ รศ.นพ.บวรศม ลีระพันธ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ป้องกันสาขาระบาดวิทยา และนักวิจัยระบบสุขภาพ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์เฟซบุ๊ก "Borwornsom Leerapan" มีสาระสำคัญว่า ยุทธศาสตร์อยู่ร่วมกับโรคโควิด หรือ "Living with COVID มีเป้าหมายลดอัตราป่วยตายของผู้ติดเชื้อ แม้จะไม่สามารถควบคุมการแพร่เชื้อในชุมชนให้อยู่ในระดับต่ำได้ แต่มีเครื่องมือสำคัญคือการใช้วัคซีนต้านโควิดที่มีประสิทธิผลให้ครอบคลุมกลุ่มเสี่ยง เพื่อลดอัตราป่วยตาย โดยไม่สนใจจำนวนผู้ติดเชื้อ เพราะสุดท้ายจะกลายเป็นโรคประจำถิ่น (endemic disease) การอยู่ร่วมกับโรคโควิด อาจจะใช้ต้นทุนต่ำในระยะสั้น แต่อาจต้องจ่ายต้นทุนที่สูงในระยะยาว จากการควบคุมโรคและการรักษาต่อเนื่อง ที่เป็นผลมาจากความชุกของโรค นอกจากนี้อาจมีภาระโรคจากผู้ป่วย Long COVID ขณะที่ความไม่แน่นอนในการดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจและสังคม ก็อาจทำให้มีโอกาสกลับมาบังคับใช้มาตรการเข้มข้นซ้ำแล้วซ้ำอีก สร้างความอ่อนล้าให้กับประชาชน และอาจทำให้ทิ้งใครหลายคนไว้ข้างหลัง เพราะไม่สามารถปรับตัวได้ในระยะสั้น ยกตัวอย่าง "สิงคโปร์" เป็นกรณีศึกษาในการดำเนินนโยบาย “อยู่กับโรคโควิด” ซึ่งรัฐบาลสิงคโปร์เตรียมความพร้อมล่วงหน้าก่อนเปิดประเทศด้วยมาตรการกำจัดโรค และการจำกัดพื้นที่ระบาด จนทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อลดลงมาอยู่ภายใต้ขีดความสามารถในการควบคุมโรค และประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้โดยไม่ต้องตั้งการ์ดสูงหลังคลายล็อกดาวน์ ขณะที่ประเทศไทยยังไม่สามารถลดตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน ลงมาอยู่ในระดับที่ระบบสอบสวนโรคสามารถทำงานได้ตามปกติ จำนวนผู้เสียชีวิตยังคงสูง และสัดส่วนของประชาชนที่ได้รับวัคซีนต้านโควิดครบ 2 เข็มแล้วยังอยู่ในระดับต่ำกว่า 20% จึงยังมีความเสี่ยงสูงมากที่จะเกิดการระบาดซ้ำ และอาจจำเป็นต้องใช้มาตรการควบคุมโรคแบบเข้มข้นซ้ำอีก อ้างอิง : รศ.ดร.นพ.บวรศม ลีระพันธ์ ข้อควรระวังในการดำเนินการนโยบาย “เรียนรู้เพื่ออยู่ร่วมกับโรคโควิด” https://www.facebook.com/borwornsom.leerapan/posts/10158714332969072 ข่าวที่เกี่ยวข้อง "หมอธีระ" ห่วงคลายล็อกโควิดซ้ำรอยปีใหม่-ขันน็อตปรับรูปแบบชีวิต ไทม์ไลน์ "ฉากทัศน์โควิดไทย" 63-64 คลายล็อกสวนทางคาดการณ์ระบาด

วันนี้ (24 ก.ค.2565) พล.ต.อ.วรรณวีระ สม ผู้ช่วย ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกัมพูชา ยืนยันกับสื่อมวลชนไท

วันนี้ (17 เม.ย.2567) ตัวแทนผู้รับมอบอำนาจ จากทีมทนายความของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.เดินทา

วันนี้ (31 ต.ค.2566) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายไชย์พล วิภา หรือลุงพล พร้อมด้วยภรรยา นางสมพร หลาบโพธิ์

ช่วงเวลาเกือบ 2 ปี ประเทศไทยเผชิญการแพร่ระบาดของโควิด-19 มาแล้วหลายระลอก การระบาดครั้งแรกเกิดขึ้นที่สนามมวย-สถานบันเทิง จากนั้นระลอก 2 เป็นการระบาดในกลุ่มแรงงานประมง จ.สมุทรสาคร ระลอก 3 สถานบันเทิงย่านทองหล่อ และระลค่าย 918kissอก 4 ที่เริ่มพบสายพันธุ์เดลตาระบาดตามพื้นที่ต่างๆ เช่น แคมป์แรงงานข้ามชาติ กทม. ขณะที่การควบคุมโรคเน้นการจำกัดพื้นที่ระบาด ล็อกดาวน์ และเร่งฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มเสี่ยง แต่ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันยังแตะหลักหมื่นคน ผู้เสียชีวิตยังเพิ่มสูง และการฉีดวัคซีนยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่จะให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ เมื่อไม่สามารถลดจำนวนผู้ติดเชื้อให้กลายเป็นศูนย์ได้ แนวคิด "อยู่ร่วมกับโรคโควิด" จึงกลายเป็นเรื่องที่รัฐบาลสื่อสารกับประชาชน เพื่อให้อยู่ร่วมกับโควิดให้ได้ รศ.นพ.บวรศม ลีระพันธ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ป้องกันสาขาระบาดวิทยา และนักวิจัยระบบสุขภาพ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์เฟซบุ๊ก "Borwornsom Leerapan" มีสาระสำคัญว่า ยุทธศาสตร์อยู่ร่วมกับโรคโควิด หรือ "Living with COVID มีเป้าหมายลดอัตราป่วยตายของผู้ติดเชื้อ แม้จะไม่สามารถควบคุมการแพร่เชื้อในชุมชนให้อยู่ในระดับต่ำได้ แต่มีเครื่องมือสำคัญคือการใช้วัคซีนต้านโควิดที่มีประสิทธิผลให้ครอบคลุมกลุ่มเสี่ยง เพื่อลดอัตราป่วยตาย โดยไม่สนใจจำนวนผู้ติดเชื้อ เพราะสุดท้ายจะกลายเป็นโรคประจำถิ่น (endemic disease) การอยู่ร่วมกับโรคโควิด อาจจะใช้ต้นทุนต่ำในระยะสั้น แต่อาจต้องจ่ายต้นทุนที่สูงในระยะยาว จากการควบคุมโรคและการรักษาต่อเนื่อง ที่เป็นผลมาจากความชุกของโรค นอกจากนี้อาจมีภาระโรคจากผู้ป่วย Long COVID ขณะที่ความไม่แน่นอนในการดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจและสังคม ก็อาจทำให้มีโอกาสกลับมาบังคับใช้มาตรการเข้มข้นซ้ำแล้วซ้ำอีก สร้างความอ่อนล้าให้กับประชาชน และอาจทำให้ทิ้งใครหลายคนไว้ข้างหลัง เพราะไม่สามารถปรับตัวได้ในระยะสั้น ยกตัวอย่าง "สิงคโปร์" เป็นกรณีศึกษาในการดำเนินนโยบาย “อยู่กับโรคโควิด” ซึ่งรัฐบาลสิงคโปร์เตรียมความพร้อมล่วงหน้าก่อนเปิดประเทศด้วยมาตรการกำจัดโรค และการจำกัดพื้นที่ระบาด จนทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อลดลงมาอยู่ภายใต้ขีดความสามารถในการควบคุมโรค และประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้โดยไม่ต้องตั้งการ์ดสูงหลังคลายล็อกดาวน์ ขณะที่ประเทศไทยยังไม่สามารถลดตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน ลงมาอยู่ในระดับที่ระบบสอบสวนโรคสามารถทำงานได้ตามปกติ จำนวนผู้เสียชีวิตยังคงสูง และสัดส่วนของประชาชนที่ได้รับวัคซีนต้านโควิดครบ 2 เข็มแล้วยังอยู่ในระดับต่ำกว่า 20% จึงยังมีความเสี่ยงสูงมากที่จะเกิดการระบาดซ้ำ และอาจจำเป็นต้องใช้มาตรการควบคุมโรคแบบเข้มข้นซ้ำอีก อ้างอิง : รศ.ดร.นพ.บวรศม ลีระพันธ์ ข้อควรระวังในการดำเนินการนโยบาย “เรียนรู้เพื่ออยู่ร่วมกับโรคโควิด” https://www.facebook.com/borwornsom.leerapan/posts/10158714332969072 ข่าวที่เกี่ยวข้อง "หมอธีระ" ห่วงคลายล็อกโควิดซ้ำรอยปีใหม่-ขันน็อตปรับรูปแบบชีวิต ไทม์ไลน์ "ฉากทัศน์โควิดไทย" 63-64 คลายล็อกสวนทางคาดการณ์ระบาด

ช่วงเวลาเกือบ 2 ปี ประเทศไทยเผชิญการแพร่ระบาดของโควิด-19 มาแล้วหลายระลอก การระบาดครั้งแรกเกิดขึ้นที่