ตรวจ สลากกินแบ่ง รัฐบาล 16 มกราคม 2563-เพจดังอ้างพบอีกเจาะข้อมูลชุดใหญ่ 30 ล้านรายการ

วันนี้ (6 มิ.ย.2566) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้พิจารณากรณีสำนักงาน กกต.รายงานผลการดำเนินการเกี่ยวกับคำร้องขอให้ตรวจสอบว่านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรา
วันนี้ (22 ก.ค.2564) นายเรืองไกร เรืองกิจวัฒนะ โฆษกคณะ กมธ.พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีง
ต้นเดือนกรกฏาคม 2563 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) บุกเข้าตรวจค้นบริษัท ไถ่ซี่ พัฒนา กรุ๊ป จำกัด ย่านห้วยขวาง กรุงเทพฯ หลังพบข้อมูลว่า นายอาเปา แซ่เซิน สวมสัญชาติไทยเข้ามาอย่างไม่ถูกกฏหมาย เข้ามาถือหุ้นในบริษัทบริษัท ไถ่ซี่ พัฒนา กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นการทำธุรกิจต้องห้ามตาม พ.ร.บ. ประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว แต่สิ่งที่น่าตั้งข้อสังเกตุคือบริษัทนี้มีทุนจดทะเบียนรวมกันกว่า 3,600 ล้านบาท แต่บริษัทจดตั้งหลังได้รับสัญชาติไทยเพียง 3 ปี ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล ผอ.ความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้ข้อมูลว่าคนต่างด้าวกลุ่มนี้มีความผิดปกติ ด้วยวิธีการเข้ามา และกิจกรรมหลังได้สัญชาติ ไทยพีบีเอสตรวจสอบข้อมูลของบริษัท ไถ่ซี ที่มีความเชื่อมโยงกับขบวนการสวมบัตรประชาชน หรือสวมสิทธิ์คนไทย พบว่ามีรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ อย่างน้อย 4 คน นำโดย "นายหวัง" ที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทนี้ หลังจากนำรายชื่อของผู้ถือหุ้นใหญ่ไปตรวจสอบในฐานข้อมูล กรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่ากลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ ในบริษัท ไถ่ซี ไปมีชื่ออยู่ในบริษัทลักษณะเดียวกัน ชื่อบริษัท อัมรินทร์ ซึ่งเป็นบริษัทตัวแทนนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์ จากนั้น ผู้ถือหุ้นกลุ่มนี้ได้ขายบริษัท อัมรินทร์ ให้กับ "นายอาเปา" ซึ่งนายอาเปามีประวัติการทำธุรกิจไม่ธรรมดา เพราะมีธุรกิจอยู่ในมืออยู่แล้ว 2 บริษัท คือ "บริษัท 10 Plus" และ "บริษัท ดียี่" ซึ่งบริษัทแรกดำเนินธุรกิจซื้อขายสินค้าการเกษตร มีทุนจดทะเบียน 2,000 ล้านบาท ส่วนบริษัทที่ 2 เป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้าง มีทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท ทำให้ในปัจจุบัน นายอาเปามีบริษัทใหญ่ในความครอบครองถึง 3 บริษัท อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน ยังไม่ทราบว่านายอาเปาเป็นใคร เป็นนักธุรกิจ นอมินี หรือคนไร้สัญชาติ แต่มีกลุ่มคนที่ไว้วางใจให้เขาบริหารเงินทุนกว่า 3,000 ล้านบาท สัญญาณเหล่านี้ล้วนแต่เป็นสัญญาณอันตรายที่มีการพร่องเงินจากธุรกิจใหญ่ เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ซึ่งอาจจะกลายเป็นผลกระทบต่อเศรษฐกิจ อาเปา แซ่เซิน คือ 1 ใน 15 คนแรกที่พบว่าหลังจากสวมบัตรประชาชนแล้วมีชื่อจดตั้งบริษัท 4 บริษัท มีทุนจดทะเบียนรวมกว่า 3,600 ล้านบาทและพบบริษัทในเครืออีกกว่า 104 บริษัท ทุนจดทะเบียนรวมกันกว่า 5,700 ล้านบาท ธุรกิจส่วนใหญ่เป็นธุรกิจบริหารจัดการอสังหารมทรัพย์และทรัพย์สิน เกี่ยวกับการท่องเที่ยวและนันทนาการ ล่าสุดไทยพีบีเอสได้รับข้อมูลจากกรมสอบสวนคดีพิเศษว่าตอนนี้ นายอาเปา แซ่เซิน ได้เปลี่ยนไปใช้ชื่อภาษาจีนและอาจหลบหนีออกจากประเทศไทย นอกจากนี้อีกด้านนายอำเภอเวียงแก่น ให้ข้อมูลว่า ตอนนี้ได้เพิกถอนสัญชาติจากการตรวจสอบบุคคลต้องสังสัย 255 คน ว่าอาจได้สัญชาติโดยมิชอบ ไปแล้วกว่ตรวจ สลากกินแบ่ง รัฐบาล 16 มกราคม 2563า 71 คน และส่งเรื่องไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ส่วนความคืบหน้าของการติดตามตัวนายอาเปา แซ่เซินมาดำเนินคดี คงต้องติดตามต่อว่าจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ จะดำเนินการอย่างไร เพราะเครือข่ายที่สวมบัตรเข้ามา สร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจ
ต้นเดือนกรกฏาคม 2563 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) บุกเข้าตรวจค้นบริษัท ไถ่ซี่ พัฒนา กรุ๊ป จำกัด ย่านห้วยขวาง กรุงเทพฯ หลังพบข้อมูลว่า นายอาเปา แซ่เซิน สวมสัญชาติไทยเข้ามาอย่างไม่ถูกกฏหมาย เข้ามาถือหุ้น