Home
|
ฝาก 5 บาท รับ 100 ล่าสุด วอ ล เลท ฝาก 5 บาท รับ 100 ล่าสุด วอ ล เลท

DEN HAAG -- Sembilan negara termasuk negara jiranM

ฝาก 5 บาท รับ 100 ล่าสุด วอ ล เลท ฝาก 5 บาท รับ 100 ล่าสุด วอ ล เลท

วันนี้ (7 ก.ย.2564) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่องให้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีคงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่ออีกหนึ่งวาระโดยมีรายละเอียดดังนี้ ด้วยคณะรัฐมนตรี ได้มีมติเมื่อวันที่ 10

วันนี้ 28 มี.ค.2565 กรุงเทพมหานคร โดยสำนักงานประชาสัมพันธ์ ชวนฉีดวัคซีนโควิด-19 ก่อนสงกรานต์ ณ 6 ศูนย์ฉีดวัคซีน ทั่ว กทม. ดังนี้ ศูนย์ฉีดวัคซีนอาคารกีฬาเวสน์ 1 ศูนย์เยาวชน กทม. (ไทย - ญี่ปุ่น) รับวอล์

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ ดวงจันทร์ก็ได้กลับกลายมาเป็นพื้นที่ของการแข่งขันทางด้านอวกาศระหว่างชาติมหาอำนาจกันอีกครั้ง นับตั้งแต่ที่สหรัฐฯ ประกาศเปิดตัวโครงการอาร์ทิมิส (Artemis) โครงการที่จะพามนุษย์ไปตั้งถิ่นฐานบนดวงจันทร์เป็นครั้งแรก ซึ่งมีจะมีการสร้างสถานีอวกาศแห่งใหม่รอบวงโคจรของดวงจันทร์และสถานีวิจัยบนพื้นผิวบริเวณขั้วใต้เพื่อรองรับการทำงานของนักบินอวกาศในอนาคต โดยหนึ่งในแนวคิดสุดล้ำยุคจากองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือ นาซา (National Aeronautics and Space Administration - NASA) ที่ได้เสนอออกมาแต่ยังไม่ได้กลายเป็นภารกิจอย่างเป็นทางการนั้น ก็คือแนวคิดเรื่องการสร้างกล้องโทรทรรศน์วิทยุ ณ ฝาก 5 บาท รับ 100 ล่าสุด วอ ล เลท ฝาก 5 บาท รับ 100 ล่าสุด วอ ล เลทบริเวณด้านไกลของดวงจันทร์ขึ้นมา ซึ่งกำลังอยู่ในแผนพัฒนาขั้นต้นอยู่ ทั้งนี้ สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์กำลังมองหาอยู่นั้น ก็คือสัญญาณของแก๊สไฮโดรเจนเมื่อราว 13,600 - 13,800 ล้านปีที่แล้ว ในยุคสมัยที่ยังไม่มีดาวฤกษ์ใด ๆ ถือกำเนิดขึ้นมามอบแสงสว่างและความอบอุ่นให้แก่เอกภพเลยแม้แต่ดวงเดียว หรือที่นักดาราศาสตร์เรียกว่า "ยุคมืดของเอกภพ" (Cosmic Dark Ages) เนื่องจากในตอนนั้น ปรากฏการณ์บิกแบง (Big Bang) เพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นานเพียงพอที่แก๊สไฮโดรเจน ซึ่งเป็นธาตุแรกที่เกิดขึ้นมา จะมารวมตัวกันภายใต้แรงโน้มถ่วงจนกลายมาเป็นดาวฤกษ์ได้ และถ้าหากไม่มีดาวฤกษ์ก็หมายความว่าธาตุทั้งหลายที่เกิดจากแรงดันมหาศาลภายในแกนกลางของดาวฤกษ์ อย่างเช่น คาร์บอน หรือออกซิเจน ก็ยังไม่มีอยู่ในเอกภพเช่นกัน ดังนั้นการวิเคราะห์ข้อมูลของไฮโดรเจน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนของสสารมากกว่า 99% ในยุคนั้น จะช่วยต่อยอดให้นักวิทย์สามารถศึกษาองค์ประกอบนอกเหนือจากสสารปกติได้ อันได้แก่ "สสารมืด" สสารที่นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า ทำให้เกิดโครงสร้างเครือข่ายของกาแล็กซีนับล้านขึ้นมา และ "พลังงานมืด" พลังงานที่ส่งผลให้เอกภพขยายตัวอย่างต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้อีกทีหนึ่ง ส่วนสาเหตุที่กล้องโทรทรรศน์วิทยุบนโลกไม่สามารถวิเคราะห์สัญญาณธาตุไฮโดรเจนในยุคแรกเริ่มของเอกภพได้นั้น ก็เพราะว่าการขยายตัวของเอกภพได้ทำให้ความยาวคลื่นของไฮโดรเจนถูกยืดออกไปอย่างมหาศาล จากความยาวคลื่น 21 เซนติเมตรตามปกติ กลายเป็นมากกว่า 100 เมตรขึ้นไป ซึ่งยาวกว่าคลื่นวิทยุ FM ที่เป็นที่รู้จักกันดีเสียอีก และเมื่อคลื่นยิ่งยาว พลังงานยิ่งน้อย ก็ยิ่งตรวจจับยาก ทำให้ต้องใช้จานรับสัญญาณที่ใหญ่ขึ้น และยิ่งอ่อนไหวต่อการรบกวนจากแหล่งกำเนิดสัญญาณอื่น ๆ โดยเฉพาะจากกิจกรรมการสื่อสารบนโลกตามที่กล่าวไปข้างต้น ดังนั้นการไปสร้างกล้องโทรทรรศน์วิทยุบนด้านไกลของดวงจันทร์จึงเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลที่สุดที่จะศึกษายุคมืดของเอกภพ แต่อย่างไรก็ดี การก่อสร้างกล้องฯบนดวงจันทร์นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายสักทีเดียว ถึงแม้จะมีแรงโน้มถ่วงที่ต่ำกว่าโลกก็ตาม เนื่องจากข้อจำกัดด้านจรวดขนส่งในปัจจุบันที่ไม่สามารถบรรจุสัมภาระขนาดใหญ่ อย่างจานรับสัญญาณขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่า 1 กิโลเมตรได้ นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้องค์การนาซาต้องทุ่มเงินออกแบบกล้องโทรทรรศน์วิทยุ และวิธีการสร้างแบบละเอียดไปราว 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ กว่าจะได้แผนการที่พอเป็นไปได้คร่าว ๆ ออกมา โดยเริ่มจากการเปลี่ยนการใช้เสาที่มีความสูงมากในการขึงจานแบบบนโลก ไปใช้การห้อยจานรับสัญญาณลงมาจากขอบของแอ่งหลุมอุกกาบาตแทน ซึ่งมีลักษณะเป็นรูปทรงพาราโบลาอยู่แล้ว หลังจากนั้นก็ได้มีการปรับแก้ตัวจานรับสัญญาณจากที่เป็นแผงเรียบ ๆ แผงเดียวใหญ่ ๆ ให้เป็นตาข่ายเส้นลวดอะลูมิเนียมแบบพิเศษแทน โดยนาซาจะใช้ให้หุ่นยนต์ตัวหนึ่งทำหน้าที่ขึงใยไปมาคล้ายกับแมงมุม ในขณะที่หุ่นยนต์อีกกลุ่มหนึ่งจะทำหน้าที่ขึงเคเบิลเป็นรูปเครื่องหมายบวก เพื่อติดตั้งตัวเซนเซอร์รับสัญญาณให้เหนือจุดกึ่งกลางของจานพอดี เป็นอันเสร็จสมบูรณ์ ในปัจจุบันหน่วยงานห้องปฏิบัติการแรงขับเคลื่อนไอพ่น หรือ JPL ของนาซานั้นก็ได้กำลังพัฒนาหุ่นยนต์ที่จะใช้ในการก่อสร้างกล้องโทรทรรศน์วิทยุบนดวงจันทร์อยู่ หากแผนการทดสอบเป็นไปได้อย่างราบรื่นโครงการนี้ก็อาจเกิดขึ้นจริง ๆ ในช่วงทศวรรษที่ 2030 พร้อมกับการสร้างถิ่นฐานบนขั้วใต้ของดวงจันทร์ตามแผนการในโครงการอาร์ทิมิส ที่มาข้อมูล: NASAที่มาภาพ: NASA“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech

กรณีนายรันตูซา อายุ 33 ปี ชาวอินเดีย พ่อค้าเสื้อผ้า มุ้ง ในพื้นที่ ต.หนองกี่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบ

เมื่อวันที่ 18 ก.ค.2565 สำนักข่าว AP รายงานว่า สนามบินลูตัน ทางตอนเหนือของกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ปร

วันนี้ (4 มี.ค.2564) แม่ของนายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือ แอมมี่ เดอะบอตทอมบลูส์ ผู้ต้องหาคดีเผาทร

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ ดวงจันทร์ก็ได้กลับกลายมาเป็นพื้นที่ของการแข่งขันทางด้านอวกาศระหว่างชาติมหาอำนาจกันอีกครั้ง นับตั้งแต่ที่สหรัฐฯ ประกาศเปิดตัวโครงการอาร์ทิมิส (Artemis) โครงการที่จะพามนุษย์ไปตั้งถิ่นฐานบนดวงจันทร์เป็นครั้งแรก ซึ่งมีจะมีการสร้างสถานีอวกาศแห่งใหม่รอบวงโคจรของดวงจันทร์และสถานีวิจัยบนพื้นผิวบริเวณขั้วใต้เพื่อรองรับการทำงานของนักบินอวกาศในอนาคต โดยหนึ่งในแนวคิดสุดล้ำยุคจากองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือ นาซา (National Aeronautics and Space Administration - NASA) ที่ได้เสนอออกมาแต่ยังไม่ได้กลายเป็นภารกิจอย่างเป็นทางการนั้น ก็คือแนวคิดเรื่องการสร้างกล้องโทรทรรศน์วิทยุ ณ ฝาก 5 บาท รับ 100 ล่าสุด วอ ล เลท ฝาก 5 บาท รับ 100 ล่าสุด วอ ล เลทบริเวณด้านไกลของดวงจันทร์ขึ้นมา ซึ่งกำลังอยู่ในแผนพัฒนาขั้นต้นอยู่ ทั้งนี้ สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์กำลังมองหาอยู่นั้น ก็คือสัญญาณของแก๊สไฮโดรเจนเมื่อราว 13,600 - 13,800 ล้านปีที่แล้ว ในยุคสมัยที่ยังไม่มีดาวฤกษ์ใด ๆ ถือกำเนิดขึ้นมามอบแสงสว่างและความอบอุ่นให้แก่เอกภพเลยแม้แต่ดวงเดียว หรือที่นักดาราศาสตร์เรียกว่า "ยุคมืดของเอกภพ" (Cosmic Dark Ages) เนื่องจากในตอนนั้น ปรากฏการณ์บิกแบง (Big Bang) เพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นานเพียงพอที่แก๊สไฮโดรเจน ซึ่งเป็นธาตุแรกที่เกิดขึ้นมา จะมารวมตัวกันภายใต้แรงโน้มถ่วงจนกลายมาเป็นดาวฤกษ์ได้ และถ้าหากไม่มีดาวฤกษ์ก็หมายความว่าธาตุทั้งหลายที่เกิดจากแรงดันมหาศาลภายในแกนกลางของดาวฤกษ์ อย่างเช่น คาร์บอน หรือออกซิเจน ก็ยังไม่มีอยู่ในเอกภพเช่นกัน ดังนั้นการวิเคราะห์ข้อมูลของไฮโดรเจน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนของสสารมากกว่า 99% ในยุคนั้น จะช่วยต่อยอดให้นักวิทย์สามารถศึกษาองค์ประกอบนอกเหนือจากสสารปกติได้ อันได้แก่ "สสารมืด" สสารที่นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า ทำให้เกิดโครงสร้างเครือข่ายของกาแล็กซีนับล้านขึ้นมา และ "พลังงานมืด" พลังงานที่ส่งผลให้เอกภพขยายตัวอย่างต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้อีกทีหนึ่ง ส่วนสาเหตุที่กล้องโทรทรรศน์วิทยุบนโลกไม่สามารถวิเคราะห์สัญญาณธาตุไฮโดรเจนในยุคแรกเริ่มของเอกภพได้นั้น ก็เพราะว่าการขยายตัวของเอกภพได้ทำให้ความยาวคลื่นของไฮโดรเจนถูกยืดออกไปอย่างมหาศาล จากความยาวคลื่น 21 เซนติเมตรตามปกติ กลายเป็นมากกว่า 100 เมตรขึ้นไป ซึ่งยาวกว่าคลื่นวิทยุ FM ที่เป็นที่รู้จักกันดีเสียอีก และเมื่อคลื่นยิ่งยาว พลังงานยิ่งน้อย ก็ยิ่งตรวจจับยาก ทำให้ต้องใช้จานรับสัญญาณที่ใหญ่ขึ้น และยิ่งอ่อนไหวต่อการรบกวนจากแหล่งกำเนิดสัญญาณอื่น ๆ โดยเฉพาะจากกิจกรรมการสื่อสารบนโลกตามที่กล่าวไปข้างต้น ดังนั้นการไปสร้างกล้องโทรทรรศน์วิทยุบนด้านไกลของดวงจันทร์จึงเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลที่สุดที่จะศึกษายุคมืดของเอกภพ แต่อย่างไรก็ดี การก่อสร้างกล้องฯบนดวงจันทร์นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายสักทีเดียว ถึงแม้จะมีแรงโน้มถ่วงที่ต่ำกว่าโลกก็ตาม เนื่องจากข้อจำกัดด้านจรวดขนส่งในปัจจุบันที่ไม่สามารถบรรจุสัมภาระขนาดใหญ่ อย่างจานรับสัญญาณขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่า 1 กิโลเมตรได้ นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้องค์การนาซาต้องทุ่มเงินออกแบบกล้องโทรทรรศน์วิทยุ และวิธีการสร้างแบบละเอียดไปราว 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ กว่าจะได้แผนการที่พอเป็นไปได้คร่าว ๆ ออกมา โดยเริ่มจากการเปลี่ยนการใช้เสาที่มีความสูงมากในการขึงจานแบบบนโลก ไปใช้การห้อยจานรับสัญญาณลงมาจากขอบของแอ่งหลุมอุกกาบาตแทน ซึ่งมีลักษณะเป็นรูปทรงพาราโบลาอยู่แล้ว หลังจากนั้นก็ได้มีการปรับแก้ตัวจานรับสัญญาณจากที่เป็นแผงเรียบ ๆ แผงเดียวใหญ่ ๆ ให้เป็นตาข่ายเส้นลวดอะลูมิเนียมแบบพิเศษแทน โดยนาซาจะใช้ให้หุ่นยนต์ตัวหนึ่งทำหน้าที่ขึงใยไปมาคล้ายกับแมงมุม ในขณะที่หุ่นยนต์อีกกลุ่มหนึ่งจะทำหน้าที่ขึงเคเบิลเป็นรูปเครื่องหมายบวก เพื่อติดตั้งตัวเซนเซอร์รับสัญญาณให้เหนือจุดกึ่งกลางของจานพอดี เป็นอันเสร็จสมบูรณ์ ในปัจจุบันหน่วยงานห้องปฏิบัติการแรงขับเคลื่อนไอพ่น หรือ JPL ของนาซานั้นก็ได้กำลังพัฒนาหุ่นยนต์ที่จะใช้ในการก่อสร้างกล้องโทรทรรศน์วิทยุบนดวงจันทร์อยู่ หากแผนการทดสอบเป็นไปได้อย่างราบรื่นโครงการนี้ก็อาจเกิดขึ้นจริง ๆ ในช่วงทศวรรษที่ 2030 พร้อมกับการสร้างถิ่นฐานบนขั้วใต้ของดวงจันทร์ตามแผนการในโครงการอาร์ทิมิส ที่มาข้อมูล: NASAที่มาภาพ: NASA“รอบรู้ ดูกระแส ก้าวทันโลก” ไปกับ Thai PBS Sci & Tech

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ ดวงจันทร์ก็ได้กลับกลายมาเป็นพื้นที่ของการแข่งขันทางด้านอวกาศระหว่างชาติมหา