วันนี้ (13 ธ.ค.2565) เมื่อเวลา 16.30 น.นายชูวิทย์

วันนี้ (18 มี.ค.2568) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอหลักเกณฑ์ในการขอแก้ไขแนวทางการปรับเปลี่ยน หลักเกณฑ์ แนว
ศาลฎีกาสั่งจำคุก 50 ปีแฮกเกอร์แก้ไขระบบเติมเงินทรูมูฟกว่า 105 ล้านบาท ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 3 แฮกเกอร์แก้ไขวงเงิน ระบบเติมเงินทรูมูฟ 105 ล้านบาท ศาลฎีกาสั่งจำคุก 50 ปีแฮกเกอร์แก้ไขระบบเติมเงินทรูมูฟกว่า
ศาลฎีกาสั่งจำคุก 50 ปีแฮกเกอร์แก้ไขระบบเติมเงินทรูมูฟกว่า 105 ล้านบาท ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 3 แฮกเกอร์แก้ไขวงเงิน ระบบเติมเงินทรูมูฟ 105 ล้านบาท ศาลฎีกาสั่งจำคุก 50 ปีแฮกเกอร์แก้ไขระบบเติมเงินทรูมูฟกว่า 105 ล้านบาท วันนี้ (13 ก.ค.2558) บริษัท ทรู มูฟ จำกัด แจ้งว่า สืบเนื่องจากคดีหมายเลขแดงที่ อ.4948/2551 ศาลอาญา ระหว่าง พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานอัยการพิเศษ ฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 2 โจทก์ บริษัท ทรู มูฟ จำกัด โจทก์ร่วม นายทวีทรัพย์ ลลิตศศิวิมล จำเลยที่ 1 นายปรเมศ วิทยากร ประชา ไลน์ หวย รัฐบาลจำเลยที่ 2 และนายฉัตรชัย บูรณะดิษ จำเลยที่ 3 โจทก์ฟ้องจำเลยทั้ง 3 ฐานร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ร่วมกันปลอมบัตรอิเล็กทรอนิกส์ มีไว้เพื่อจำหน่ายบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม ร่วมกันฉ้อโกงโดยการโจรกรรมข้อมูลชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน เข้าระบบข้อมูลของ บริษัท ทรู มูฟ จำกัด เพื่อเข้าไปแก้ไขวงเงินการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบเติมเงินให้มีมูลค่าสูงขึ้น 105 ล้านบาทและได้นำออกไปจำหน่าย 12 ล้านบาทเศษ ทำให้บริษัท ทรู มูฟ จำกัด ได้รับความเสียหาย ขณะนี้ คดีถึงที่สุดแล้วโดยศาลอาญาได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2558 ให้ จำคุกจำเลยที่ 1 ฐานร่วมกันปลอมบัตรอิเล็กทรอนิกส์และกระทำความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายหรือมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม รวม 48 กรรม จำคุกกระทงละ 2 ปี เป็นจำคุก 96 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 3 แล้วจำคุก 64 ปี แต่ให้ลงโทษจำคุก 50 ปี ตามที่กฎหมายกำหนด จำคุกจำเลยที่ 2 ฐานเป็นผู้สนับสนุนความผิดฐานปลอมบัตรอิเล็กทรอนิกส์และกระทำความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายหรือมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม รวม 16 กรรม จำคุกกระทงละ 2 ปี เป็นจำคุก 32 ปีลดโทษให้ 1 ใน 3 แล้วจำคุก 21 ปี 4 เดือน จำเลยที่ 3 กระทำความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายหรือมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม รวม 4 กรรม จำคุกกระทงละ 2 ปี เป็นจำคุก 8 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 3 แล้วจำคุก 5 ปี 4 เดือน วันนี้ (13 ก.ค.2558) บริษัท ทรู มูฟ จำกัด แจ้งว่า สืบเนื่องจากคดีหมายเลขแดงที่ อ.4948/2551 ศาลอาญา ระหว่าง พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานอัยการพิเศษ ฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 2 โจทก์ บริษัท ทรู มูฟ จำกัด โจทก์ร่วม นายทวีทรัพย์ ลลิตศศิวิมล จำเลยที่ 1 นายปรเมศ วิทยากร จำเลยที่ 2 และนายฉัตรชัย บูรณะดิษ จำเลยที่ 3 โจทก์ฟ้องจำเลยทั้ง 3 ฐานร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ร่วมกันปลอมบัตรอิเล็กทรอนิกส์ มีไว้เพื่อจำหน่ายบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม ร่วมกันฉ้อโกงโดยการโจรกรรมข้อมูลชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน เข้าระบบข้อมูลของ บริษัท ทรู มูฟ จำกัด เพื่อเข้าไปแก้ไขวงเงินการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบเติมเงินให้มีมูลค่าสูงขึ้น 105 ล้านบาทและได้นำออกไปจำหน่าย 12 ล้านบาทเศษ ทำให้บริษัท ทรู มูฟ จำกัด ได้รับความเสียหาย ขณะนี้ คดีถึงที่สุดแล้วโดยศาลอาญาได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2558 ให้ จำคุกจำเลยที่ 1 ฐานร่วมกันปลอมบัตรอิเล็กทรอนิกส์และกระทำความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายหรือมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม รวม 48 กรรม จำคุกกระทงละ 2 ปี เป็นจำคุก 96 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 3 แล้วจำคุก 64 ปี แต่ให้ลงโทษจำคุก 50 ปี ตามที่กฎหมายกำหนด จำคุกจำเลยที่ 2 ฐานเป็นผู้สนับสนุนความผิดฐานปลอมบัตรอิเล็กทรอนิกส์และกระทำความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายหรือมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม รวม 16 กรรม จำคุกกระทงละ 2 ปี เป็นจำคุก 32 ปีลดโทษให้ 1 ใน 3 แล้วจำคุก 21 ปี 4 เดือน จำเลยที่ 3 กระทำความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายหรือมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม รวม 4 กรรม จำคุกกระทงละ 2 ปี เป็นจำคุก 8 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 3 แล้วจำคุก 5 ปี 4 เดือน
ม็อบรถบรรทุกรวมตัวขับไล่ กลุ่มสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย รวมตัวกันขับไล่ผู้บังคับการตำรวจทางห
วันนี้ (21 ก.ย.2566) นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับ
วันนี้ (1 มิ.ย.2567) การแข่งขันวอลเลย์บอลเนชันส์ ลีก 2024 หรือ VNL 2024 สนามที่ 2 ณ เขตบริหารพิเศษมา
ศาลฎีกาสั่งจำคุก 50 ปีแฮกเกอร์แก้ไขระบบเติมเงินทรูมูฟกว่า 105 ล้านบาท ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 3 แฮกเกอร์แก้ไขวงเงิน ระบบเติมเงินทรูมูฟ 105 ล้านบาท ศาลฎีกาสั่งจำคุก 50 ปีแฮกเกอร์แก้ไขระบบเติมเงินทรูมูฟกว่า 105 ล้านบาท วันนี้ (13 ก.ค.2558) บริษัท ทรู มูฟ จำกัด แจ้งว่า สืบเนื่องจากคดีหมายเลขแดงที่ อ.4948/2551 ศาลอาญา ระหว่าง พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานอัยการพิเศษ ฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 2 โจทก์ บริษัท ทรู มูฟ จำกัด โจทก์ร่วม นายทวีทรัพย์ ลลิตศศิวิมล จำเลยที่ 1 นายปรเมศ วิทยากร ประชา ไลน์ หวย รัฐบาลจำเลยที่ 2 และนายฉัตรชัย บูรณะดิษ จำเลยที่ 3 โจทก์ฟ้องจำเลยทั้ง 3 ฐานร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ร่วมกันปลอมบัตรอิเล็กทรอนิกส์ มีไว้เพื่อจำหน่ายบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม ร่วมกันฉ้อโกงโดยการโจรกรรมข้อมูลชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน เข้าระบบข้อมูลของ บริษัท ทรู มูฟ จำกัด เพื่อเข้าไปแก้ไขวงเงินการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบเติมเงินให้มีมูลค่าสูงขึ้น 105 ล้านบาทและได้นำออกไปจำหน่าย 12 ล้านบาทเศษ ทำให้บริษัท ทรู มูฟ จำกัด ได้รับความเสียหาย ขณะนี้ คดีถึงที่สุดแล้วโดยศาลอาญาได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2558 ให้ จำคุกจำเลยที่ 1 ฐานร่วมกันปลอมบัตรอิเล็กทรอนิกส์และกระทำความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายหรือมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม รวม 48 กรรม จำคุกกระทงละ 2 ปี เป็นจำคุก 96 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 3 แล้วจำคุก 64 ปี แต่ให้ลงโทษจำคุก 50 ปี ตามที่กฎหมายกำหนด จำคุกจำเลยที่ 2 ฐานเป็นผู้สนับสนุนความผิดฐานปลอมบัตรอิเล็กทรอนิกส์และกระทำความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายหรือมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม รวม 16 กรรม จำคุกกระทงละ 2 ปี เป็นจำคุก 32 ปีลดโทษให้ 1 ใน 3 แล้วจำคุก 21 ปี 4 เดือน จำเลยที่ 3 กระทำความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายหรือมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม รวม 4 กรรม จำคุกกระทงละ 2 ปี เป็นจำคุก 8 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 3 แล้วจำคุก 5 ปี 4 เดือน วันนี้ (13 ก.ค.2558) บริษัท ทรู มูฟ จำกัด แจ้งว่า สืบเนื่องจากคดีหมายเลขแดงที่ อ.4948/2551 ศาลอาญา ระหว่าง พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานอัยการพิเศษ ฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 2 โจทก์ บริษัท ทรู มูฟ จำกัด โจทก์ร่วม นายทวีทรัพย์ ลลิตศศิวิมล จำเลยที่ 1 นายปรเมศ วิทยากร จำเลยที่ 2 และนายฉัตรชัย บูรณะดิษ จำเลยที่ 3 โจทก์ฟ้องจำเลยทั้ง 3 ฐานร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ร่วมกันปลอมบัตรอิเล็กทรอนิกส์ มีไว้เพื่อจำหน่ายบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม ร่วมกันฉ้อโกงโดยการโจรกรรมข้อมูลชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน เข้าระบบข้อมูลของ บริษัท ทรู มูฟ จำกัด เพื่อเข้าไปแก้ไขวงเงินการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบเติมเงินให้มีมูลค่าสูงขึ้น 105 ล้านบาทและได้นำออกไปจำหน่าย 12 ล้านบาทเศษ ทำให้บริษัท ทรู มูฟ จำกัด ได้รับความเสียหาย ขณะนี้ คดีถึงที่สุดแล้วโดยศาลอาญาได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2558 ให้ จำคุกจำเลยที่ 1 ฐานร่วมกันปลอมบัตรอิเล็กทรอนิกส์และกระทำความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายหรือมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม รวม 48 กรรม จำคุกกระทงละ 2 ปี เป็นจำคุก 96 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 3 แล้วจำคุก 64 ปี แต่ให้ลงโทษจำคุก 50 ปี ตามที่กฎหมายกำหนด จำคุกจำเลยที่ 2 ฐานเป็นผู้สนับสนุนความผิดฐานปลอมบัตรอิเล็กทรอนิกส์และกระทำความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายหรือมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม รวม 16 กรรม จำคุกกระทงละ 2 ปี เป็นจำคุก 32 ปีลดโทษให้ 1 ใน 3 แล้วจำคุก 21 ปี 4 เดือน จำเลยที่ 3 กระทำความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายหรือมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม รวม 4 กรรม จำคุกกระทงละ 2 ปี เป็นจำคุก 8 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 3 แล้วจำคุก 5 ปี 4 เดือน
วันนี้ (15 ต.ค.2567) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกา