UID: 94804

พิษน้ำท่วมทำร้านอาหารสูญ 2.2พันล้าน กระเทือนแรงงาน 1.4 หมื่นคน ยอดนักท่องเที่ยวหด 40% ปรับโปรแกรมทัว

วันนี้ (11 พ.ย.2565) 🥳น.ส.ไตรศ✨ุลี ไ🌏ตรสรณกุล รองโฆ🧜‍♀️ษกประจำสำนักนายก📦รัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซ🍓บุ๊ก "กว

พิษน้ำท่วมทำร้านอาหารสูญ 2.2พันล้าน กระเทือนแรงงาน 1.4 หมื่นคน ยอดนักท่องเที่ยวหด 40% ปรับโปรแกรมทัวร์เฉพาะเครื่องบิน วอนรัฐแก้ปัญหารวมศูนย์ หวั่นปัญหาทวีความรุนแรงขึ้น พิษน้ำท่วมทำร้านอาหารสูญ 2.2พันล้าน กระเทือนแรงงาน 1.4 หมื่นคน ยอดนักท่องเที่ยวหด 40% นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย กล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมที่หนักกว่าทุกปี ทำให้ร้านอาหารต่างๆ โดยเฉพาะที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำสายต่างๆ ในภาคเหนือและภาคกลางเสียหายเฉลี่ยกว่า 50-60 ร้านค้าต่อจังหวัดกระทบต่อภาคแรงงานกว่า 12,000-14,000 คน สูญเสียรายได้กว่าเดือนละ 750 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์น้ำท่วมเข้าสู่เดือนที่ 3 แล้ว ดังนั้น ประเมินเบื้องต้นคาดว่าว่าจะสร้างความเสียหายต่อผู้ประกอบการร้านอาหารไม่ต่ำกว่า 2,250 ล้านบาท อย่างไรก็ตามคาดว่าหากสถานการณ์น้ำไหลเข้าท่วมกรุงเทพ คาดกว่าว่าจะสร้างความเสียหายต่อร้านอาหารต่างๆ ที่ตั้งบริเวณริมแม่น้ำเจ้ารพระยาจำนวนไม่น้อยกว่า 100 ร้านค้า กระทบต่อภาคแรงงานไม่ต่ำกว่า 1,000 คน  ร้านค้าที่เป็นสมาชิกสมาคมยังไม่เดือนร้อนเท่านี้ ยังมีโอกาสทำหารไปช่วยผู้ประทบภัย แต่ยอมรับว่าปีนี้น้ำท่วมหนักและนานกว่าทุกปีทำให้สมาชิกต้องเสียหายทั้งรายได้และอุปรกรณ์ต่างๆ ที่มูลค่าค่อนข้างสูงจำนวนมาก และปกติร้านอาหารจะมีกระแสเงินสดหมุนเวียนอยู่ได้ราว 2 เดือน ซึ่งยังพอจ่ายค่าแรงพนักงานได้ แต่ตอนนี้เริ่มเข้าสู่เดือนที่ 3 เริ่มมีสมาชิกหลายรายที่ยอมรับว่าไม่มีเงินหมุนเวียนภายในร้าน และอาจต้องเลิกจ้างแรงงานบางส่วน สุดท้ายก็เกิดผลกระทบเป็นห่วงโซ่เพราะปกติแรงงานเหล่านี้ จะกินอยู่กับที่ร้านไม่ต่ำกว่า 2 มื้อ เมื่อนายจ้างต้องหยุดจ่ายเงินค่าจ้างแล้ว นอกจากไม่ได้เงินค่าจ้าง ต้องหาเงินมาซื้ออาหารเองอีก นางฐนิวรรณ กล่าวว่า อยากให้รัฐฐบาลวางแผนแก้ปัญหาระยะยาว และเป็นการแก้ปัญหาแบบรวมศูนย์มากกว่า เพราะปัญหานี้เกิดขึ้นทุกปี และมีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้นดีกว่าจะใช้งบประมาณปีละหลายหมื่นล้านแก้ปัญหา โดยที่ปัญหานี้ไม่ได้มีแนวโน้มลดลง จนกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมต่างๆ สูญเสียรายได้ทางเศรษฐกิจเป็นมูลค่ามหาศาล ขณะที่ประชาชนเองก็มีแนวโน้มที่ลำบากมากขึ้น นางสาวมัยรัตน์ พีระญาณ์โกเศส นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ  (สทน.) กล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมใน ทำให้นักท่องเที่ยวเฉพาะเดือนกันยายนเดินทางท่องเที่ยวลดลงไปกว่า 40% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในภาคกลาง เช่น ลพบุรีพระนครศรีอยุธยา ดังนั้น อยากให้รัฐบาลวางแผนแบบบูรณาการเพื่อป้องกันปัญหานี้ ซึ่งไม่รู้ว่าอนาคตจะหนักกว่านี้หรือไม่ เพราะไม่เช่นนั้นนอกจากจะกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจ การลงทุนโดยรวมแล้ว คุณภาพชีวิตของประชาชนในอนาคตอาจต้องเผชิญกับปัญหาวิกฤตเช่นนี้ไปอย่างต่อเนื่อง ยืนยันว่าจะไม่กระทบต่อแรงงานภาคการท่องเที่ยว แม้กระทบต่อรายได้ แต่เป็นเหตุการณ์ที่สุดวิสัยและคิดว่าช่วงเดือนพฤศจิกายนสถานการณ์ท่องเที่ยวจะกลับมาคึกคักเหมือนเดิม ทั้งนี้ บริษัททัวร์ส่วนใหญ่ได้ปรับโปรมแกรมการท่องเที่ยวในภาคเหนือและภาคกลางตอนนี้ โดยใช้เดินทางโดยเครื่องบินเท่านั้น หลังวิกฤตน้ำท่วมเริ่มสาหัส โดยเฉพาะอย่างยิ่งถนนสายเอเชียซึ่งเป็นเส้นทางหลักมู่สู่จังหวัดต่างๆ เดินทางไม่ได้ อย่างไรก็ตามบริษัทนำเที่ยวยืนยันไม่ปรับขึ้นราคาช่วงหลังเหตุการณ์น้ำท่วม นายประกิจ ชินอมรพงษ์ นายกสมาคมโรงแรมไทย หรือทีเฮชเอ กล่าวว่าสมาคมยังมีนโยบายปรับขึ้นค่าที่พักในอัตรา 8-10% ตั้งแต่ต้นปี 2555 เป็นต้นไป แม้ขณะนี้จะเกิดปัญหาน้ำท่วม และภาวะเศรษฐกิจโลกยังวิกฤตแต่เชื่อว่าในระยะยาวจะไม่กระทบต่อภาวะการท่องเที่ยว และยังมั่นใจว่าปีหน้าอัตราการเข้าพักจะเติบโต 8-10% นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย กล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมที่หนักกว่าทุกปี ทำให้ร้านอาหารต่างๆ โดยเฉพาะที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำสายต่างๆ ในภาคเหนือและภาคกลางเสียหายเฉลี่ยกว่า 50-60 ร้านค้าต่อจังหวัดกระทบต่อภาคแรงงานกว่า 12,000-14,000 คน สูญเสียรายได้กว่าเดือนละ 750 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์น้ำท่วมเข้าสู่เดือนที่ 3 แล้ว ดังนั้น ประเมินเบื้องต้นคาดว่าว่าจะสร้างความเสียหายต่อผู้ประกอบการร้านอาหารไม่ต่ำกว่า 2,250 ล้านบาท อย่างไรก็ตามคาดว่าหากสถานการณ์น้ำไหลเข้าท่วมกรุงเทพ คาดกว่าว่าจะสร้างความเสียหายต่อร้านอาหารต่างๆ ที่ตั้งบริเวณริมแม่น้ำเจ้ารพระยาจำนวนไม่น้อยกว่า 100 ร้านค้า กระทบต่อภาคแรงงานไม่ต่ำกว่า 1,000 คน ร้านค้าที่เป็นสมาชิกสมาคมยังไม่เดือนร้อนเท่านี้ ยังมีโอกาสทำหารไปช่วยผู้ประทบภัย แต่ยอมรับว่าปีนี้น้ำท่วมหนักและนานกว่าทุกปีทำให้สมาชิกต้องเสียหายทั้งรายได้และอุปรกรณ์ต่างๆ ที่มูลค่าค่อนข้างสูงจำนวนมาก และปกติร้านอาหารจะมีกระแสเงินสดหมุนเวียนอยู่ได้ราว 2 เดือน ซึ่งยั€งพอจ่ายค่าแรงพนักงานได้ แต่ตอนนี้เริ่มเข้าสู่เดือนที่ 3 เริ่มมีสมาชิกหลายรายที่ยอมรับว่าไม่มีเงินหมุนเวียนภายในร้าน และอาจต้องเลิกจ้างแรงงานบางส่วน สุดท้ายก็เกิดผลกระทบเป็นห่วงโซ่เพราะปกติแรงงานเหล่านี้ จะกินอยู่กับที่ร้านไม่ต่ำกว่า 2 มื้อ เมื่อนายจ้างต้องหยุดจ่ายเงินค่าจ้างแล้ว นอกจากไม่ได้เงินค่าจ้าง ต้องหาเงินมาซื้ออาหารเองอีก นางฐนิวรรณ กล่าวว่า &#x;อยากให้รัฐฐบาŸæ‹ลวางแผนแก้ปัญหาระยะยาว และเป็นการแก้ปัญหาแบบรวมศูนย์มากกว่า เพราะปัญหานี้เกิดขึ้นทุกปี และมีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้นดีกว่าจะใช้งบประมาณปีละหลายหมื่นล้านแก้ปัญหา โดยที่ปัญหานี้ไม่ได้มีแนวโน้มลดลง จนกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมต่างๆ สูญเสียรายได้ทางเศรษฐกิจเป็นมูลค่ามหาศาล ขณะที่ประชาชนเองก็มีแนวโน้มที่ลำบากมากขึ้น นางสาวมัยรัตน์ พีระญาณ์โกเศส นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ  (สทน.) กล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมใน ทำให้นักท่องเที่ยวเฉพาะเดือนกันยายนเดินทางท่องเที่ยวลดลงไปกว่า 40% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวสฝาก 30 รับ 100 ถอน ไม่ อั้น ฝาก 30 รับ 100 ถอน ไม่ อั้นำคัญในภาคกลาง เช่น ลพบุรีพระนครศรีอยุธยา ดังนั้น อยากให้รัฐบาลวางแผนแบบบูรณาการเพื่อป้องกันปัญหานี้ ซึ่งไม่รู้ว่าอนาคตจะหนักกว่านี้หรือไม่ เพราะไม่เช่นนั้นนอกจากจะกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจ การลงทุนโดยรวมแล้ว คุณภาพชีวิตของประชาชนในอนาคตอาจต้องเผชิญกับปัญหาวิกฤตเช่นนี้ไปอย่างต่อเนื่อง ยืนยันว่าจะไม่กระทบต่อแรงงานภาคการท่องเที่ยว แม้กระทบต่อรายได้ แต่เป็นเหตุการณ์ที่สุดวิสัยและคิดว่าช่วงเดือนพฤศจิกายนสถานการณ์ท่องเที่ยวจะกลับมาคึกคักเหมือนเดิม ทั้งนี้ บริษัททัวร์ส่วนใหญ่ได้ปรับโปรมแกรมการท่องเที่ยวในภาคเหนือและภาคกลางตอนนี้ โดยใช้เดินทางโดยเครื่องบินเท่านั้น หลังวิกฤตน้ำท่วมเริ่มสาหัส โดยเฉพาะอย่างยิ่งถนนสายเอเชียซึ่งเป็นเส้นทางหลักมู่สู่จังหวัดต่างๆ เดินทางไม่ได้ อย่างไรก็ตามบริษัทนำเที่ยวยืนยันไม่ปรับขึ้นราคาช่วงหลังเหตุการณ์น้ำท่วม นายประกิจ ชินอมรพงษ์ นายกสมาคมโรงแรมไทย หรือทีเฮชเอ กล่าวว่าสมาคมยังมีนโยบายปรับขึ้นค่าที่พักในอัตรา 8-10% ตั้งแต่ต้นปี 2555 เป็นต้นไป แม้ขณะนี้จะเกิดปัญหาน้ำท่วม และภาวะเศรษฐกิจโลกยังวิกฤตแต่เชื่อว่าในระยะยาวจะไม่กระทบต่อภาวะการท่องเที่ยว และยังมั่นใจว่าปีหน้าอัตราการเข้าพักจะเติบโต 8-10%

ปฏิเสธไม่ได้ว่า การนัดพบระหว่าง ตัวแทนกลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธ และ "ทักษิณ ชินวัตร" หลังจากไปเยือนเชี