MALANG - Wakil Menteri Kesehatan (Wamenkes) Dante

วันนี้ (19 ก.ย.2566) ความพร้อมล่าสุดของทีมนักตบลูกยางสาวไทย เมื่อวานนี้ได้ลงฝึกซ้อมก่อนดวลกับทีมชาติอิตาลี ซึ่งโค้ชด่วน ดนัย ศรีวัชรเมธากุล ได้ติวเข้ม เรื่องการรับบอลแรกให้เข้าเซตเตอร์โซน เพื่อทำเกมรุ
ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) เรียกสถานการณ์ในขณะที่โลกเผชิญการระบาดของโควิด-19 เข้าสู่ปีที่ 3 ว่าเป็นจุดหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ เพราะมีเครื่องมือต่างๆ ที่จะยับยั้งภาวะฉุกเฉินที่เกิดจากโควิด-19 ได
จากเพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น Part 1 เปิดคลิปพ่อทำร้ายลูกผ่านเฟซบุ๊ก ขณะที่ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์ดัน #พ่อทำร้ายลูก ติดเทรนด์ทวิตเตอร์ ถึงความเหมาะสมในการใช้ความรุนแรงในครอบครัว (อ่านข่าวเพิ่มเติม : เพจดังเปิดคลิป #พ่อทำร้ายลูก โซเชียลวิจารณ์ดันแฮชแท็กติดเทรนด์) "ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์" หรือทนายแจม ทนายด้านสิทธิมนุษยชน เปิดเผยมุมมองด้านกฎหมายกับไทยพีบีเอสออนไลน์ว่า ในอดีตที่ผ่านมาสังคมไทยมีแนวคิดอนุรักษ์นิยมเรื่องพ่อแม่เป็นเจ้าชีวิตของลูก เนื่องจากพ่อแม่เป็นผู้ให้กำเนิด ทำให้เกิดกฎหมายที่สอดคล้องกันหรือเรียกว่าคดีอุทลุม โดยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1562 บัญญัติว่า "ผู้ใดจะฟ้องบุพการีของตนเป็นคดีแพ่งหรือคดีอาญามิได้ แต่เมื่อผู้นั้นหรือญาติสนิทของผู้นั้นร้องขอ อัยการจะยกคดีขึ้นว่ากล่าวก็ได้" จนกลายเป็นทางตันสำหรับลูกที่ถูกทำร้ายในครอบครัว แม้กฎหมายนี้จะใช้มาจนถึงปัจจุบัน แต่ท่ามกลางการเรียนรู้เรื่องสิทธิทางร่างกายและความเข้าใจในสังคมทำให้เกิดการผลักดันจนคลอดกฎหมายเพื่ออุดช่องโหว่ดังกล่าว คือ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระทําด้วยความรุนแรงในครอบครัว มาตรา 4 ผู้ใดกระทําการอันเป็นความรุนแรงในครอบครัว ผู้นั้นกระทําความผิดฐานกระทําความรุนแรงในครอบครัว ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 มาตรา 26 ซึ่งผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 26 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อย่างไรก็ตาม เมื่อเหตุรุนแรงเกิดขึ้นในครอบครัว เด็กที่เติบโตมาโดยมีพ่อแม่เป็นโลกทั้งใบก็ยังจำเป็นจะได้รับการเลี้ยงดูจากพ่อแม่อยู่ ทำให้เกิดคดีความมักเกิดการไกล่เกลี่ย เพื่อปรับพ่อแม่ให้พร้อมเลี้ยงลูกและให้เด็กยังสามารถอยู่กับครอบครัวได้ หรือหากพิจารณาแล้วพบว่าพ่อหรือแม่ที่ทำร้ายร่างกายลูกนั้นขาดคุณสมบัติในการเลี้ยงดู หน่วยงานกลางทั้งมูลนิธิต่าง ๆ หรือกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จะก้าวเข้ามาดูแลไปตามขั้นตอนทั้งการประสานไปอยู่กับญาติ หรือบางกรณีก็อาจมีการหาครอบครัวอุปถัมภ์ให้ต่อไป สำหรับข้อกฎหมายที่มีบทลงโทษที่ชัดเจนอาจจะไม่ใช่คำตอบในระยะยาว "ทนายศศินันท์" ในฐานะคุณแม่ลูกสอง สะท้อนว่า การแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัวต้องเริ่มต้นด้วยการปรับทัศนคติและมุมมอง โดยเฉพาะการปลูกฝังในเด็กเล็กว่า การใช้ความรุนแรงหรือการทำร้ายร่างกายไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง ขณะเดียวกันโรงเรียนก็ต้องสอนเรื่องสิทธิขั้นพื้นฐาน โดยเฉพาะสิทธิทางร่างกายให้เด็กได้รู้และเข้าใจว่า เมื่อถูกทำร้ายร่างกายไม่ใช่เรื่องปกติ และควรดำเนินการอย่างไรต่อไป ทั้งนี้ ทนายศศินันท์ ทิ้งท้ายกับไทยพีบีเอสโปรแกรม สูตร สล็อตออนไลน์ว่า ปัจจุบันมีแนวโน้มที่ดีในสังคมที่เยาวชนส่วนใหญ่เริ่มรู้และเข้าใจถึงสิทธิเนื้อตัวร่างกายของตัวเอง และพร้อมจะต่อสู้เพื่อสิทธิของตัวเองมากขึ้น ส่วนการเพิ่มโทษกรณีการทำร้ายร่างกายในครอบครัวนั้น ส่วนตัวยังมองว่าไม่ใช่ทางออก เพราะมีตัวอย่างให้เห็นกันในต่างประเทศว่าแม้โทษจะหนักแต่คดีอาชญากรรมก็ไม่ได้ลดน้อยลง
กรณีตำรวจอุดรธานี บุกค้นบ้าน เสี่ย ป.อายุ 55 ปี นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หลังผู้ปกครองแจ้งเด็กอายุ14
วันนี้(31 ม.ค.2567) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ช่วง
วันนี้ (30 ม.ค.2565) เจ้าหน้าที่กู้ภัยทางด่วน 1 และมูลนิธิป่อเต็กตึ้ง เข้าตรวจสอบอุบัติเหตุบนทางด่วน
จากเพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น Part 1 เปิดคลิปพ่อทำร้ายลูกผ่านเฟซบุ๊ก ขณะที่ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์ดัน #พ่อทำร้ายลูก ติดเทรนด์ทวิตเตอร์ ถึงความเหมาะสมในการใช้ความรุนแรงในครอบครัว (อ่านข่าวเพิ่มเติม : เพจดังเปิดคลิป #พ่อทำร้ายลูก โซเชียลวิจารณ์ดันแฮชแท็กติดเทรนด์) "ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์" หรือทนายแจม ทนายด้านสิทธิมนุษยชน เปิดเผยมุมมองด้านกฎหมายกับไทยพีบีเอสออนไลน์ว่า ในอดีตที่ผ่านมาสังคมไทยมีแนวคิดอนุรักษ์นิยมเรื่องพ่อแม่เป็นเจ้าชีวิตของลูก เนื่องจากพ่อแม่เป็นผู้ให้กำเนิด ทำให้เกิดกฎหมายที่สอดคล้องกันหรือเรียกว่าคดีอุทลุม โดยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1562 บัญญัติว่า "ผู้ใดจะฟ้องบุพการีของตนเป็นคดีแพ่งหรือคดีอาญามิได้ แต่เมื่อผู้นั้นหรือญาติสนิทของผู้นั้นร้องขอ อัยการจะยกคดีขึ้นว่ากล่าวก็ได้" จนกลายเป็นทางตันสำหรับลูกที่ถูกทำร้ายในครอบครัว แม้กฎหมายนี้จะใช้มาจนถึงปัจจุบัน แต่ท่ามกลางการเรียนรู้เรื่องสิทธิทางร่างกายและความเข้าใจในสังคมทำให้เกิดการผลักดันจนคลอดกฎหมายเพื่ออุดช่องโหว่ดังกล่าว คือ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระทําด้วยความรุนแรงในครอบครัว มาตรา 4 ผู้ใดกระทําการอันเป็นความรุนแรงในครอบครัว ผู้นั้นกระทําความผิดฐานกระทําความรุนแรงในครอบครัว ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 มาตรา 26 ซึ่งผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 26 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อย่างไรก็ตาม เมื่อเหตุรุนแรงเกิดขึ้นในครอบครัว เด็กที่เติบโตมาโดยมีพ่อแม่เป็นโลกทั้งใบก็ยังจำเป็นจะได้รับการเลี้ยงดูจากพ่อแม่อยู่ ทำให้เกิดคดีความมักเกิดการไกล่เกลี่ย เพื่อปรับพ่อแม่ให้พร้อมเลี้ยงลูกและให้เด็กยังสามารถอยู่กับครอบครัวได้ หรือหากพิจารณาแล้วพบว่าพ่อหรือแม่ที่ทำร้ายร่างกายลูกนั้นขาดคุณสมบัติในการเลี้ยงดู หน่วยงานกลางทั้งมูลนิธิต่าง ๆ หรือกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จะก้าวเข้ามาดูแลไปตามขั้นตอนทั้งการประสานไปอยู่กับญาติ หรือบางกรณีก็อาจมีการหาครอบครัวอุปถัมภ์ให้ต่อไป สำหรับข้อกฎหมายที่มีบทลงโทษที่ชัดเจนอาจจะไม่ใช่คำตอบในระยะยาว "ทนายศศินันท์" ในฐานะคุณแม่ลูกสอง สะท้อนว่า การแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัวต้องเริ่มต้นด้วยการปรับทัศนคติและมุมมอง โดยเฉพาะการปลูกฝังในเด็กเล็กว่า การใช้ความรุนแรงหรือการทำร้ายร่างกายไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง ขณะเดียวกันโรงเรียนก็ต้องสอนเรื่องสิทธิขั้นพื้นฐาน โดยเฉพาะสิทธิทางร่างกายให้เด็กได้รู้และเข้าใจว่า เมื่อถูกทำร้ายร่างกายไม่ใช่เรื่องปกติ และควรดำเนินการอย่างไรต่อไป ทั้งนี้ ทนายศศินันท์ ทิ้งท้ายกับไทยพีบีเอสโปรแกรม สูตร สล็อตออนไลน์ว่า ปัจจุบันมีแนวโน้มที่ดีในสังคมที่เยาวชนส่วนใหญ่เริ่มรู้และเข้าใจถึงสิทธิเนื้อตัวร่างกายของตัวเอง และพร้อมจะต่อสู้เพื่อสิทธิของตัวเองมากขึ้น ส่วนการเพิ่มโทษกรณีการทำร้ายร่างกายในครอบครัวนั้น ส่วนตัวยังมองว่าไม่ใช่ทางออก เพราะมีตัวอย่างให้เห็นกันในต่างประเทศว่าแม้โทษจะหนักแต่คดีอาชญากรรมก็ไม่ได้ลดน้อยลง
จากเพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น Part 1 เปิดคลิปพ่อทำร้ายลูกผ่านเฟซบุ๊ก ขณะที่ผู้ใช้สื่อสังคมออนไล