วันนี้ (15 เม.ย.2565) สำนักข่าว Reuters รายงานว่า

นางสุจินดา เชิดชัย หรือเจ๊เกียว นายกสมาคมผู้ประกอบการรถร่วมโดยสาร บขส. และเจ้าของบริษัทในเครือเชิดชัย เปิดใจพร้อมประกาศขายกิจการรถของบริษัทในเครือเชิดชัยทัวร์ เจ๊เกียว บอกว่า ในวันที่ 11 พ.ค.นี้ จะยื่
ความเดิมตอนที่แล้ว : EP : 1เปิดขบวนการแบ่ง “ค่าขนม” จากโครงการถนนยางพารา (EP.1)เปิดโปงตัวอย่างหลักฐานเรียกเก็บเงินสินบน ที่เรียกว่า “ค่าขนม” ที่ผู้บริหารเทศบาลเรียกเงินจากผู้รับเหมา แลกกับงานโครงการถน
ความเดิมตอนที่แล้ว : EP : 1เปิดขบวนการแบ่ง “ค่าขนม” จากโครงการถนนยางพารา (EP.1)เปิดโปงตัวอย่างหลักฐานเรียกเก็บเงินสินบน ที่เรียกว่า “ค่าขนม” ที่ผู้บริหารเทศบาลเรียกเงินจากผู้รับเหมา แลกกับงานโครงการถนนยางพารา (พาราซอยล์ซีเมนต์) ซึ่งเป็นโครงการจากการแปลงงบประมาณ รายจ่ายประจำปี 2562 ของกรม ฯ หนึ่ง ในสังกัดกระทรวงมหาดไทย มีงบประมาณ 1,800 ล้านบาท ความเดิมตอนที่แล้ว : EP : 2เปิดตัวละครในขบวนการ เครือข่าย “ค่าขนม” ถนนยางพารา 40 ล้าน (EP.2)เปิดโปงเครือข่ายสินบน(ค่าขนม) โครงการถนนยางพารา (พาราซอยล์ซีเมนต์) ซึ่งมีตัวละครเกี่ยวข้องทั้งในระดับ ผู้บริหารระดับ 10 อนุมัติโครงการ และผู้บริหารท้องถิ่น รวมถึงวิธีการล็อคสเปค ถนนยางพารา(พาราซอยล์ซีเมนต์) ความเดิมตอนที่แล้ว : EP : 3 แผนตัดตอน “ค่าขนม” 40 ล้าน ! (โครงการถนนยางพารา) (EP.3)https://news.thaipbs.or.th/content/302442 เปิดเผยหลักฐานเอกสาร จากกระทรวงมหาดไทย เมื่อปี’ 62 แม้ยังไม่ได้เซ็นลงนามอนุมัติ แต่ผู้บริหารเทศบาล ก็สามารถนำเอกสารออกจากกระทรวงได้ ผู้บริหารเทศบาล ใช้คำเรียกว่าคนอนุมัติ ว่า คือ “นาย” และมีเอกสารสรุปบัญชีรายจ่าย ตัวเลขส่วนแบ่ง สินบน “ค่าขนม” ความเดิมตอนที่แล้ว : EP : 4สอบข้อเท็จจริง หรือ ตัดตอน “ค่าขนม” (โครงการถนนยางพารา) 40 ล้าน ! (EP.4)เปิดเผย การเจรจาต่อรอง เมื่อคนสนิทของผู้บริหารระดับ 10 ตกที่นั่งลำบาก และกำลังลากปัญหามาถึงกระทรวงฯ การต่อรองมีทั้งพบหน้ากัน พูดคุยทางโทรศัพท์ และหาคนกลางมช่วยไกล่เกลี่ย มีค่าไกลเกลี่ย ถึง 5 ล้านบาท แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ เพราะผู้รับเหมา จ่าย “ค่าขนม”ไปล่วงหน้า เกือบ 40 ล้านบาท แต่ไม่ได้งานถนนพาราซอยล์ซีเมนต์ ........................ ตอนนี้ EP : 5 เป็นตอนสุดท้าย จะชี้ให้เห็นว่า ระบบการทุจริตโครงการถนนยางพาราซอยซีเมนต์ ไม่ใช่แค่ความไม่ชอบมาพากลในหน่วยงานเดียวเท่านั้น หรือเฉพาะกรณีของผู้รับเหมาเพียงรายเดียว แต่เมื่อตรวจสอบย้อนหลัง “โครงการถนนยางพาราซอยซีเมนต์” มีความเชื่อมโยงไปถึง โครงการขายน้ำยางพารา ที่บริษัทขายน้ำยางพาราผสมสาร และตัวแทนจำหน่าย ล้วนแล้วแต่เป็นคนกลุ่มเดียวกันที่สร้างแผนการณ์จาก “โครงการถนนยางพารา 1 หมู่บ้าน 1 กิโลเมตร” โครงการถนนยางพาราซอยซีเมนต์ มีจุดเริ่มต้นมาเหตุผลที่รัฐบาลต้องการช่วยเหลือชาวเกษตรกรสวนยางพารา เพราะได้รับผลกระทบจากราคายางพาราตกต่ำ รัฐบาลในช่วงเวลานั้น จึงมีนโยบายให้หน่วยงานภาครัฐ นำน้ำยางไปใช้ประโยชน์ โดยเฉพาะนำน้ำยางพาราผสมสารไปสร้างถนน เดือนธันวาคม 2561 รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศเดินหน้า “โครงการถนนยางพารา 1 หมู่บ้าน 1 กิโลเมตร” สนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นำน้ำยางพาราไปใช้สร้างถนนพาราซอยล์ซีเมนต์ ทั่วประเทศ จำนวน 75,032 หมู่บ้าน หมู่บ้านละ 1 กิโลเมตร รวมระยะทาง 75,032 กิโลเมตร กระทรวงมหาดไทย ได้รับนโยบายนี้ และมอบหมายให้เป็นอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ซึ่งกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น จึงได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติการขึ้น. เมื่อวันที่ 11 ม.ค.2562 ประมาณการณ์กันว่าต้องใช้น้ำยางสด มาทำถนนมากถึง 1 ล้าน 4 แสนตัน หรือ หากเป็นน้ำยางข้น ประมาณ 7 แสนตัน 1 เดือนต่อมา วันที่ 7 ก.พ.2562 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณารับรองมาตรฐานวัสดุน้ำยางพาราผสมเพิ่มและผสมเพิ่ม เพื่อรับรองสารผสมดินซีเมนต์ปรับปรุงคุณภาพยางพาราตามธรรมชาติ หมายถึงต้องมีการรับรองน้ำยางที่จะนำมาทำถนน มี.ค.2562 มีหนังสือถึงอธิบดีกรมการปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เพื่อแจ้งเรื่องรับรองมาตรฐานน้ำยางพาราผสมเพิ่ม พร้อมกับรายชื่อบริษัทที่ผ่านการรับรอง จากคณะกรรมการพิจารณารับรองมาตรฐานวัสดุน้ำยางพาราผสมฯ แต่น่าสนใจว่า มีบริษัทที่มีรายชื่อผ่านเกณฑ์มาตรฐานน้ำยางพารา รอบแรกเพียง 3 บริษัท วันที่ 3 พ.ค.2562 ผ่านการรับรองมาตรฐาน 3 บริษัทวันที่ 23 ส.ค.2562 ผ่านการรับรองมาตรฐาน 2 บริษัทวันที่ 19 ก.ย.2562 ผ่านการรับรองมาตรฐาน 1 บริษัทวันที่ 18 ต.ค.2562 ผ่านการรับรองมาตรฐาน 1 บริษัทวันที่ 21 พ.ย.2562 ผ่านการรับรองมาตรฐาน 3 บริษัทวันที่ 2 เม.ย.2563 ผ่านการรับรองมาตรฐาน 1 บริษัทวันที่ 9 มิ.ย.2563 ผ่านการรับรองมาตรฐาน 1 บริษัทวันที่ 31 ก.ค.2563 ผ่านการรับรองมาตรฐาน 1 บริษัท ความน่าสนใจ อยู่ที่ 3 บริษัทรอบแรก เพราะจะเชื่อมโยงไปถึงเงิน “ค่าขนม” ที่ผู้รับเหมาบริษัท บริษัททราฟิคอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด 3 บริษัทรอบแรก คือ บริษัทโพลิเมอร์ อินโนเวชั่น จำกัด, บริษัท สยามนวกรรม จำกัด , และบริษัทไทย อีลาสโตพาร์ท จำกัด บริษัทเอกชนทั้ง 3 ราย แจ้งที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกัน คือ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เมื่อตรวจสอบการจดทะเบียน กรรมการผู้ถือหุ้น บางบริษัทเป็นกลุ่มเดียวกันมีเชื่อมโยงกัน เช่น กรรมการผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัทไทย อีลาสโตพาร์ท จำกัด มีนามสกุลเดียวกับ กรรมการผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัทโพลิเมอร์ อินโนเวชั่น จำกัด นอกจากนั้นแล้ว ยังพบข้อมูลอีกว่า - บริษัท ไทย อีลาสโตพาร์ท จำกัด แต่งตั้ง ห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) โชคประดิษฐ์ก่อสร้าง เป็นตัวแทนจำหน่ายเพียงผู้เดียวในประเทศไทย เป็นระยะเวลา 2 ปี นับตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค.2561- บริษัท สยามนวกรรม จำกัด แต่งตั้ง ห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) พัชราการยาง เป็นตัวแทนจำหน่ายเพียงผู้เดียวในประเทศไทย เป็นระยะเวลา 2 ปี นับตั้งแต่วันที่ 3 ก.ย.25613 บริษัท โพลิเมอร์ อินโนเวชั่น จำกัด แต่งตั้ง บริษัท ไทย ภัสนันท์ พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด เป็นตัวแทนจำหน่ายเพียงผู้เดียวในประเทศไทย เป็นระยะเวลา 2 ปี นับตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2561 และเมื่อดูข้อมูลของ ตัวแทนจำหน่ายน้ำยาง คือ ห้างหุ้นส่วนจำกัดโชคเว บ ตรง pgประดิษฐ์ก่อสร้าง, ห้างหุ้นส่วนจำกัดพัชราการยาง, และบริษัท ไทย ภัสนันท์ พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด ก็พบว่า มีเจ้าของเป็นกลุ่มทุนเดียวกันคือ ผู้บริหารเทศบาลในเรื่องนี้ ตั้งแต่เริ่มต้น และชื่อของคนใกล้ชิดปลัดเทศบาล ก็มีกิจการธุรกิจโรงรับจำนำ อีกทั้งยังมีชื่อเป็นคนรับโอนเงิน “ค่าขนม 40 ล้านบาท” โรงรับจำนำก็เป็นนิติบุคคบลที่สั่งจ่ายเช็ค ให้ผู้รับเหมาทำถนน ..แบบนี้ เรียกว่า กินรวบ ทั้งขายน้ำยาง และ “ค่าขนม” โครงการทำถนน (มีหลักฐานใน EP : 3-4) โครงการถนนยางพารา 1 หมู่บ้าน 1 กิโลเมตร ระยะทาง 75,032 กิโลเมตร หน่วยงานราชการบางหน่วยงาน ออกประกาศประกวดราคาจ้างเหมาโครงการก่อสร้างถนน กำหนดคุณสมบัติให้ผู้เสนอราคา และร่างขอบเขตงาน (TOR) ต้องแนบเอกสารรับรองมาตรฐานวัสดุและคุณสมบัติน้ำยางฯ ที่ผูกขาดเพียง 3 บริษัทในขณะนั้น ส่งผลให้ราคาน้ำยางที่ใช้ในโครงการ ปรับราคาขึ้นสูงกว่าที่ขาย จากลิตรละ 45-50 บาท (รวมค่าขนส่ง) เป็น 85 บาท (ไม่รวมค่าขนส่ง) ผู้รับเหมาที่ได้รับงาน ต้องหาทางลดราคาวัตถุดิบ หรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ แน่นอนว่า ก็ต้องไปทำให้คุณภาพของถนนต่ำลงด้วย คำนวณว่า หากถนนใช้น้ำยางฯ 10-12 ตัน / 1 กม. จะมีส่วนต่างเกิดขึ้นถึง 400,000 - 480,000 บาท / กม. และสมมติฐาน แค่ “ค่าขนม” 15 % เราจะสูญเสียงบประมาณไปเข้ากระเป๋าใครบ้าง.. เท่าไหร่ และหากผู้รับเหมา ไม่ต้องจ่าย “ค่าขนม” เราจะประหยัดงบประมาณ ไปได้เท่าไหร่ และนำไปพัฒนารูปแบบอื่นๆ ได้
วันนี้ (17 มี.ค.2564) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข กล่าวถึง
การเลิกเหล้าหรือดื่มแอลกอฮอล์ช่วงเข้าพรรษา เป็นกุศโลบายอย่างหนึ่งที่มีความสำคัญและให้ความหมายลึกซึ้ง
เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.2565 เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทุกฝ่าย ทั้งชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ร่วมกับทหารหน่วยเ
ความเดิมตอนที่แล้ว : EP : 1เปิดขบวนการแบ่ง “ค่าขนม” จากโครงการถนนยางพารา (EP.1)เปิดโปงตัวอย่างหลักฐานเรียกเก็บเงินสินบน ที่เรียกว่า “ค่าขนม” ที่ผู้บริหารเทศบาลเรียกเงินจากผู้รับเหมา แลกกับงานโครงการถนนยางพารา (พาราซอยล์ซีเมนต์) ซึ่งเป็นโครงการจากการแปลงงบประมาณ รายจ่ายประจำปี 2562 ของกรม ฯ หนึ่ง ในสังกัดกระทรวงมหาดไทย มีงบประมาณ 1,800 ล้านบาท ความเดิมตอนที่แล้ว : EP : 2เปิดตัวละครในขบวนการ เครือข่าย “ค่าขนม” ถนนยางพารา 40 ล้าน (EP.2)เปิดโปงเครือข่ายสินบน(ค่าขนม) โครงการถนนยางพารา (พาราซอยล์ซีเมนต์) ซึ่งมีตัวละครเกี่ยวข้องทั้งในระดับ ผู้บริหารระดับ 10 อนุมัติโครงการ และผู้บริหารท้องถิ่น รวมถึงวิธีการล็อคสเปค ถนนยางพารา(พาราซอยล์ซีเมนต์) ความเดิมตอนที่แล้ว : EP : 3 แผนตัดตอน “ค่าขนม” 40 ล้าน ! (โครงการถนนยางพารา) (EP.3)https://news.thaipbs.or.th/content/302442 เปิดเผยหลักฐานเอกสาร จากกระทรวงมหาดไทย เมื่อปี’ 62 แม้ยังไม่ได้เซ็นลงนามอนุมัติ แต่ผู้บริหารเทศบาล ก็สามารถนำเอกสารออกจากกระทรวงได้ ผู้บริหารเทศบาล ใช้คำเรียกว่าคนอนุมัติ ว่า คือ “นาย” และมีเอกสารสรุปบัญชีรายจ่าย ตัวเลขส่วนแบ่ง สินบน “ค่าขนม” ความเดิมตอนที่แล้ว : EP : 4สอบข้อเท็จจริง หรือ ตัดตอน “ค่าขนม” (โครงการถนนยางพารา) 40 ล้าน ! (EP.4)เปิดเผย การเจรจาต่อรอง เมื่อคนสนิทของผู้บริหารระดับ 10 ตกที่นั่งลำบาก และกำลังลากปัญหามาถึงกระทรวงฯ การต่อรองมีทั้งพบหน้ากัน พูดคุยทางโทรศัพท์ และหาคนกลางมช่วยไกล่เกลี่ย มีค่าไกลเกลี่ย ถึง 5 ล้านบาท แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ เพราะผู้รับเหมา จ่าย “ค่าขนม”ไปล่วงหน้า เกือบ 40 ล้านบาท แต่ไม่ได้งานถนนพาราซอยล์ซีเมนต์ ........................ ตอนนี้ EP : 5 เป็นตอนสุดท้าย จะชี้ให้เห็นว่า ระบบการทุจริตโครงการถนนยางพาราซอยซีเมนต์ ไม่ใช่แค่ความไม่ชอบมาพากลในหน่วยงานเดียวเท่านั้น หรือเฉพาะกรณีของผู้รับเหมาเพียงรายเดียว แต่เมื่อตรวจสอบย้อนหลัง “โครงการถนนยางพาราซอยซีเมนต์” มีความเชื่อมโยงไปถึง โครงการขายน้ำยางพารา ที่บริษัทขายน้ำยางพาราผสมสาร และตัวแทนจำหน่าย ล้วนแล้วแต่เป็นคนกลุ่มเดียวกันที่สร้างแผนการณ์จาก “โครงการถนนยางพารา 1 หมู่บ้าน 1 กิโลเมตร” โครงการถนนยางพาราซอยซีเมนต์ มีจุดเริ่มต้นมาเหตุผลที่รัฐบาลต้องการช่วยเหลือชาวเกษตรกรสวนยางพารา เพราะได้รับผลกระทบจากราคายางพาราตกต่ำ รัฐบาลในช่วงเวลานั้น จึงมีนโยบายให้หน่วยงานภาครัฐ นำน้ำยางไปใช้ประโยชน์ โดยเฉพาะนำน้ำยางพาราผสมสารไปสร้างถนน เดือนธันวาคม 2561 รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศเดินหน้า “โครงการถนนยางพารา 1 หมู่บ้าน 1 กิโลเมตร” สนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นำน้ำยางพาราไปใช้สร้างถนนพาราซอยล์ซีเมนต์ ทั่วประเทศ จำนวน 75,032 หมู่บ้าน หมู่บ้านละ 1 กิโลเมตร รวมระยะทาง 75,032 กิโลเมตร กระทรวงมหาดไทย ได้รับนโยบายนี้ และมอบหมายให้เป็นอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ซึ่งกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น จึงได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติการขึ้น. เมื่อวันที่ 11 ม.ค.2562 ประมาณการณ์กันว่าต้องใช้น้ำยางสด มาทำถนนมากถึง 1 ล้าน 4 แสนตัน หรือ หากเป็นน้ำยางข้น ประมาณ 7 แสนตัน 1 เดือนต่อมา วันที่ 7 ก.พ.2562 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณารับรองมาตรฐานวัสดุน้ำยางพาราผสมเพิ่มและผสมเพิ่ม เพื่อรับรองสารผสมดินซีเมนต์ปรับปรุงคุณภาพยางพาราตามธรรมชาติ หมายถึงต้องมีการรับรองน้ำยางที่จะนำมาทำถนน มี.ค.2562 มีหนังสือถึงอธิบดีกรมการปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เพื่อแจ้งเรื่องรับรองมาตรฐานน้ำยางพาราผสมเพิ่ม พร้อมกับรายชื่อบริษัทที่ผ่านการรับรอง จากคณะกรรมการพิจารณารับรองมาตรฐานวัสดุน้ำยางพาราผสมฯ แต่น่าสนใจว่า มีบริษัทที่มีรายชื่อผ่านเกณฑ์มาตรฐานน้ำยางพารา รอบแรกเพียง 3 บริษัท วันที่ 3 พ.ค.2562 ผ่านการรับรองมาตรฐาน 3 บริษัทวันที่ 23 ส.ค.2562 ผ่านการรับรองมาตรฐาน 2 บริษัทวันที่ 19 ก.ย.2562 ผ่านการรับรองมาตรฐาน 1 บริษัทวันที่ 18 ต.ค.2562 ผ่านการรับรองมาตรฐาน 1 บริษัทวันที่ 21 พ.ย.2562 ผ่านการรับรองมาตรฐาน 3 บริษัทวันที่ 2 เม.ย.2563 ผ่านการรับรองมาตรฐาน 1 บริษัทวันที่ 9 มิ.ย.2563 ผ่านการรับรองมาตรฐาน 1 บริษัทวันที่ 31 ก.ค.2563 ผ่านการรับรองมาตรฐาน 1 บริษัท ความน่าสนใจ อยู่ที่ 3 บริษัทรอบแรก เพราะจะเชื่อมโยงไปถึงเงิน “ค่าขนม” ที่ผู้รับเหมาบริษัท บริษัททราฟิคอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด 3 บริษัทรอบแรก คือ บริษัทโพลิเมอร์ อินโนเวชั่น จำกัด, บริษัท สยามนวกรรม จำกัด , และบริษัทไทย อีลาสโตพาร์ท จำกัด บริษัทเอกชนทั้ง 3 ราย แจ้งที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกัน คือ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เมื่อตรวจสอบการจดทะเบียน กรรมการผู้ถือหุ้น บางบริษัทเป็นกลุ่มเดียวกันมีเชื่อมโยงกัน เช่น กรรมการผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัทไทย อีลาสโตพาร์ท จำกัด มีนามสกุลเดียวกับ กรรมการผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัทโพลิเมอร์ อินโนเวชั่น จำกัด นอกจากนั้นแล้ว ยังพบข้อมูลอีกว่า - บริษัท ไทย อีลาสโตพาร์ท จำกัด แต่งตั้ง ห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) โชคประดิษฐ์ก่อสร้าง เป็นตัวแทนจำหน่ายเพียงผู้เดียวในประเทศไทย เป็นระยะเวลา 2 ปี นับตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค.2561- บริษัท สยามนวกรรม จำกัด แต่งตั้ง ห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) พัชราการยาง เป็นตัวแทนจำหน่ายเพียงผู้เดียวในประเทศไทย เป็นระยะเวลา 2 ปี นับตั้งแต่วันที่ 3 ก.ย.25613 บริษัท โพลิเมอร์ อินโนเวชั่น จำกัด แต่งตั้ง บริษัท ไทย ภัสนันท์ พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด เป็นตัวแทนจำหน่ายเพียงผู้เดียวในประเทศไทย เป็นระยะเวลา 2 ปี นับตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2561 และเมื่อดูข้อมูลของ ตัวแทนจำหน่ายน้ำยาง คือ ห้างหุ้นส่วนจำกัดโชคเว บ ตรง pgประดิษฐ์ก่อสร้าง, ห้างหุ้นส่วนจำกัดพัชราการยาง, และบริษัท ไทย ภัสนันท์ พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด ก็พบว่า มีเจ้าของเป็นกลุ่มทุนเดียวกันคือ ผู้บริหารเทศบาลในเรื่องนี้ ตั้งแต่เริ่มต้น และชื่อของคนใกล้ชิดปลัดเทศบาล ก็มีกิจการธุรกิจโรงรับจำนำ อีกทั้งยังมีชื่อเป็นคนรับโอนเงิน “ค่าขนม 40 ล้านบาท” โรงรับจำนำก็เป็นนิติบุคคบลที่สั่งจ่ายเช็ค ให้ผู้รับเหมาทำถนน ..แบบนี้ เรียกว่า กินรวบ ทั้งขายน้ำยาง และ “ค่าขนม” โครงการทำถนน (มีหลักฐานใน EP : 3-4) โครงการถนนยางพารา 1 หมู่บ้าน 1 กิโลเมตร ระยะทาง 75,032 กิโลเมตร หน่วยงานราชการบางหน่วยงาน ออกประกาศประกวดราคาจ้างเหมาโครงการก่อสร้างถนน กำหนดคุณสมบัติให้ผู้เสนอราคา และร่างขอบเขตงาน (TOR) ต้องแนบเอกสารรับรองมาตรฐานวัสดุและคุณสมบัติน้ำยางฯ ที่ผูกขาดเพียง 3 บริษัทในขณะนั้น ส่งผลให้ราคาน้ำยางที่ใช้ในโครงการ ปรับราคาขึ้นสูงกว่าที่ขาย จากลิตรละ 45-50 บาท (รวมค่าขนส่ง) เป็น 85 บาท (ไม่รวมค่าขนส่ง) ผู้รับเหมาที่ได้รับงาน ต้องหาทางลดราคาวัตถุดิบ หรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ แน่นอนว่า ก็ต้องไปทำให้คุณภาพของถนนต่ำลงด้วย คำนวณว่า หากถนนใช้น้ำยางฯ 10-12 ตัน / 1 กม. จะมีส่วนต่างเกิดขึ้นถึง 400,000 - 480,000 บาท / กม. และสมมติฐาน แค่ “ค่าขนม” 15 % เราจะสูญเสียงบประมาณไปเข้ากระเป๋าใครบ้าง.. เท่าไหร่ และหากผู้รับเหมา ไม่ต้องจ่าย “ค่าขนม” เราจะประหยัดงบประมาณ ไปได้เท่าไหร่ และนำไปพัฒนารูปแบบอื่นๆ ได้
วันนี้ (12 มี.ค.64) นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน และฝ่ายค้านเพื่อประชาชน แถลงท่าทีและการ