Thai PBS เปิดเวทีสาธารณะ "AI และอนาคตของห้องข่าว" รับมือสื่อยุค AI

เว็บไซต์มิวเซียมสยาม (Museum Siam) โดยพระมหาอิสระ ชัยภักดี ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ ตีความ "บัณเฑาะก์" เป็นกะเทย บวชพระได้ไหม?  อย่างน่าสนใจว่า สังคมส่วนใหญ่มักเริ่มต้นประเด็นที่บุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ

วันนี้ (19 ก.ค.2565) ร.ต.ยุทธนา สำเภาเงิน ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย ในฐานะโฆษกประจำสำนักงานเลขาธิการสภาผู้

กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Torslur Ngorknavung ซึ่งครูผู้ฝึกสอนนักกีฬาฟุตบอล โพสต์ตามหารองเท้าสตั๊ดของนักกีฬาโรงเรียนใน อ.คอนสวรรค์ จ.ชัยภูมิ ที่ถูกขโมยรองเท้าสตั๊ด รวมถึงทรัพย์สินอีกหลายรายการ ทำให้ไม่ได้

เว็บไซต์มิวเซียมสยาม (Museum Siam) โดยพระมหาอิสระ ชัยภักดี ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ ตีความ "บัณเฑาะก์" เป็นกะเทย บวชพระได้ไหม?  อย่างน่าสนใจว่า สังคมส่วนใหญ่มักเริ่มต้นประเด็นที่บุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ หรือ LGBTQ+ ไม่สามารถอุปสมบทเป็นพระสงฆ์ได้ โดยนำเอาข้อความในพระไตรปิฎกมาเป็นที่ตั้งว่า นั่นหมายถึง "ห้ามบัณเฑาะก์บวช" หากบวชแล้วก็ต้องให้สึก แต่เมื่อพิจารณาคำว่า "บัณเฑาะก์" นั้นหมายถึงใคร กินความแค่ไหน หรือมีการตีความไว้ว่าอย่างไรบ้าง ข้อมูลจากคัมภีร์อรรถกถา ซึ่งเป็นคัมภีร์ที่พระมหาเถระ ได้ร่วมกันพิจารณาขยายความถึงข้ออรรถ ข้อธรรมต่างๆ อธิบายเพื่อให้เข้าใจได้ง่าย จะพบว่าในคัมmaxbet coภีร์สมันตปาสาทิกา ในข้อว่า "บัณเฑาะก์" พระอรรถกถาจารย์อธิบายขยายความแยกออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่ อรรถกากล่าวว่า "อาสิตตบัณเฑาะก์" และ "อุสุยยบัณเฑาะก์" สามารถบวชได้ "ปักขบัณเฑาะก์" สามารถบวชได้ในวันที่ไม่มีกำหนัด ส่วน "โอปักกมิยบัณเฑาะก์" และ "นปุงสกัปบัณเฑาะก์" นั้นไม่สามารถบวชได้ การอนุญาตให้บัณเฑาะก์บวช พระอรรถกถาจารย์ หมายความว่า ต้องเป็นบัณเฑาะก์ก่อนที่จะเข้ารับการอุปสมบท เมื่อบัณเฑาะก์ผู้นั้นมีความประสงค์ที่จะเลือกเพศสภาพแห่งความเป็นชาย ละทิ้งกริยาอาการแห่งหญิง ตั้งใจที่จะมาอุปสมบทบำเพ็ญภาวนา ก็สามารถที่จะกระทำได้ แต่เมื่อบวชแล้วต้องบังคับข่มใจสละ ความประพฤติเดิมนั้นออกเสีย คือเมื่อเลือกที่จะบวชแล้ว ถือได้ว่าเป็นการเลือกเพศสภาพแห่งความเป็นชายของตน ข่มจิตใจอาการแห่งความเป็นหญิงไม่ให้ฟุ้งซ่านขึ้น การอธิบายของพระอรรถกถาจารย์นี้ สะท้อนให้เห็นถึงการเปิดโอกาสของพระพุทธศาสนา ส่วนประเภทที่ห้ามบวชนั้นล้วนมีปัญหาเกี่ยวกับเพศกำเนิดทางกายภาพที่บกพร่อง ในส่วนของผู้ทำการบวชให้ ได้แก่ ประชุมสงฆ์อันมีพระอุปัชฌาย์เป็นประธาน พระอุปัชฌาย์นี้ต้องทำหน้าที่ตรวจสอบกุลบุตรผู้ที่เข้ามาขออุปสมบทว่าสามารถบวชได้หรือไม่ ในขั้นตอนนี้พระอุปัชฌาย์จะถามอันตรายิกธรรมกับนาคท่ามกลางหมู่สงฆ์ หนึ่งในนั้นมีข้อหนึ่งถามว่า พระอุปัชฌาย์จึงจะอุปสมบทให้ ในขั้นตอนนี้จึงถือเป็นการคัดกรอง สอบถามความแน่ใจและย้ำเตือนบุคคลที่จะเข้ามาอุปสมบทถึงการเลือกและยอมรับการปฏิบัติอย่างสมณเพศ ถึงจุดนี้คงได้คำตอบแล้วว่า "บัณเฑาะก์" สามารถบวชได้หรือไม่ แต่สิ่งที่ควรพิจารณามากกว่าคือ เมื่อบวชแล้วจะประพฤติตนอย่างไรมากกว่า กระแสความเชื่อเรื่องบาปบุญกุศลจากอดีต ยังคงส่งต่อสู่ปัจจุบัน อาจเกิดช่องทางสร้างความเชื่อที่หลากหลายได้ ในขณะเดียวกัน เมื่อพุทธศาสนาเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจเข้ามาประพฤติปฏิบัติ ตามความศรัทธาของตนแล้ว พระภิกษุสามเณรนั้นควรจะต้องยกระดับประคับประคองจิตใจ ให้ไม่ก้าวล่วงพระธรรมวินัยด้วยเช่นกัน จีวร เป็นเครื่องแบบ (Uniform) ที่ย้ำเตือนให้ภิกษุต้องระมัดระวังในการประพฤติปฏิบัติตน ต้องข่มกลั้นจิตใจ ต้านทานต่อกระแสโลก กระแสความต้องการของตน 13 เหตุขัดขวางที่คู่พระผู้สวดจะถามผู้อุปสมบทในพิธี ส่วนใหญ่มีที่มาจากเหตุในอดีตที่ทำให้หมู่คณะภิกษุสงฆ์ต้องมัวหมอง ซึ่งในพระไตรปิฎกและอรรถกถาแสดงไว้ ได้แก่ 5 คำถามแรกนี้ ผู้อุปสมบทต้องตอบว่า นตฺถิ ภนฺเต (นัตถิ ภันเต) ซึ่งแปลว่า ไม่ ในอดีตนั้นมีคนเป็นโรคมาขอบวช เพื่อให้หมอเทวดา ชีวกโกมารภัจจ์ รักษา (ปกติหมอเทวดาจะรักษาเฉพาะกษัตริย์ กับภิกษุสงฆ์เท่านั้น) พอรักษาหายแล้วก็สึก ไม่ได้ตั้งใจมาบวชเพื่อศึกษาพระธรรมของพระพุทธเจ้า ส่วน 8 ข้อหลังต้องตอบว่า อาม ภนฺเต (อามะ ภันเต) แปลว่า ใช่ครับ ที่มา : มิวเซียมสยาม

วันที่ 6 พ.ค.2568 เพจเฟซบุ๊ก คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ จ.สงขลา สรุปเนื้อหาจากรายงานเรื่อง The Impacts of Harmful Subsidies on Biodiversity and Ecosystems in Thailand” (UN