วันนี้ 12 พ.ค.2566 เวลา 11.30 น. ณ โรงแรม พนมเปญ ฝ่ายจัดการแข่งขันฟุตบอลชาย มหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งทเทพองค์ใดที่เป็นตัวแทนของฟาโรห์ทุกองค์
วันนี้ (11 ม.ค.2568) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวถึงสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในกทม.ว่า วันนี้สภาพอากาศดีขึ้น มีค่าเฉลี่ย 24.9 มคก.ต่อลบ.ม. เนื่องจากอากาศเปิด มีลมแรง อัตรา
แนวโน้มการส่งออกช่วงที่เหลือของปี 2554 อาจขยายตัวชะลอลงมาที่ 13% ภาพรวมปี 2554 ประมาณการอัตราการขยายตัวของการส่งออกของไทยอยู่ที่ร้อยละ 20 โดยมีกรอบประมาณการอยู่ที่ร้อยละ 17.0-22.0 มีมูลค่าการส่งออกประมาณ 7 ล้านล้านบาท แนวโน้มการส่งออกช่วงที่เหลือของปี 2554 อาจขยายตัวชะลอลงมาที่ 13% การส่งออกของไทยในเดือนกรกฎาคม 2554 ขยายตัวสูงสุดในรอบ 13 เดือนที่อัตราร้อยละ 38.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (Year-on-Year) และมีมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 21,521 ล้านดอลลาร์ฯ โดยการเติบโตสูงดังกล่าวเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ภัยพิบัติในญี่ปุ่น การส่งออกทองคำที่ขยายตัวถึงกว่าร้อยละ 3,900 การส่งออกสินค้าเกษตรที่ยังเติบโตสูง ความต้องการนำเข้าสินค้าจากจีนที่เร่งตัวขึ้นอย่างมาก รวมทั้งผลของฐานเปรียบเทียบที่มีระดับต่ำในปีก่อนหน้า ทั้งนี้ หากประเมินถึงปัจจัยที่ผลักดันการเติบโตในเดือนกรกฎาคม ส่วนใหญ่อาจเป็นผลเพียงชั่วคราว โดยระดับการส่งออกในเดือนกรกฎาคมที่ไม่รวมทองคำ เมื่อขจัดผลของฤดูกาลแล้วพบว่าปรับตัวลดลงจากเดือนมิถุนายน (การส่งออกที่ไม่รวมทองคำในเดือนกรกฎาคมขยายตัวร้อยละ 32.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน) นอกจากนี้ การส่งออกไปยังจีนมักมีความผันผวนรายเดือนค่อนข้างสูง ซึ่งการเติบโตสูงอย่างมากของการส่งออกไปยังจีนในเดือนนี้อาจสะท้อนการสะสมสินค้าคงคลังของธุรกิจในจีน ซึ่งเมื่อระดับสต็อกขึ้นไปถึงจุดหนึ่งความต้องการน่าจะชะลอลงในช่วงระยะต่อไป นอกจากนี้ เศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะสหรัฐฯ และยูโรโซนมีแนวโน้มอ่อนแรงลง ขณะที่หลายฝ่ายเริ่มกังวลต่อโอกาสที่สหรัฐฯ และยูโรโซนอาจถลำลงสู่ภาวะถดถอยรอบสอง หรือ Double-Dip Recession พร้อมๆ กัน แม้ว่าโอกาสความเป็นไปได้ของกรณีเลวร้ายที่สุดดังกล่าวอาจยังไม่สูงมากนักก็ตาม อย่างไรก็ตาม การส่งออกของไทยน่าจะยังมีปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากญี่ปุ่น ความต้องการและราคาสินค้าเกษตรที่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี และทิศทางเศรษฐกิจเอเชียที่น่าจะยังเติบโตได้ค่อนข้างดีกว่าภูมิภาคอื่นๆ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวนี้น่าจะช่วยบรรเทาผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกได้พอสมควร ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า การส่งออกในช่วงเวลาที่เหลือของปี 2554 อาจขยายตัวประมาณร้อยละ 13.0 โดยกรอบคาดการณ์อยู่ที่ร้อยละ 6.0-17.5 แม้ว่าชะลอลงจากที่ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 25.7 ในช่วง 7 เดือนแรกของปี แต่ยังถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าพอใจ อย่างไรก็ตาม ก็มีความเสี่ยงที่ความอ่อนแอของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยูโรโซนอาจกดดันให้ตัวเลขส่งออกในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้เติบโตต่ำลงเหลือเพียงตัวเลขหลักเดียว โดยภาพรวมทั้งปี 2554 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังคงประมาณการอัตราการขยายตัวของการส่งออกของไทยอยู่ที่ร้อยละ 20 โดยมีกรอบประมาณการอยู่ที่ร้อยละ 17.0-22.0 มีมูลค่าการส่งออกสูงถึง 226,000 ถึง 236,000 ล้านดอลลาร์ฯ หรือประมาณ 7 ล้านล้านบาท แต่ปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจโลกนับว่าเป็นจุดที่เปราะบางและยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด การส่งออกของไทยในเดือนกรกฎาคม 2554 ขยายตัวสูงสุดในรอบ 13 เดือนที่อัตราร้อยละ 38.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (Year-on-Year) และมีมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 21,521 ล้านดอลลาร์ฯ โดยการเติบโตสูงดังกล่าวเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ภัยพิบัติในญี่ปุ่น การส่งออกทองคำที่ขยายตัวถึงกว่าร้อยละ 3,900 การส่งออกสินค้าเกษตรที่ยังเติบเทพองค์ใดที่เป็นตัวแทนของฟาโรห์ทุกองค์โตสูง ความต้องการนำเข้าสินค้าจากจีนที่เร่งตัวขึ้นอย่างมาก รวมทั้งผลของฐานเปรียบเทียบที่มีระดับต่ำในปีก่อนหน้า ทั้งนี้ หากประเมินถึงปัจจัยที่ผลักดันการเติบโตในเดือนกรกฎาคม ส่วนใหญ่อาจเป็นผลเพียงชั่วคราว โดยระดับการส่งออกในเดือนกรกฎาคมที่ไม่รวมทองคำ เมื่อขจัดผลของฤดูกาลแล้วพบว่าปรับตัวลดลงจากเดือนมิถุนายน (การส่งออกที่ไม่รวมทองคำในเดือนกรกฎาคมขยายตัวร้อยละ 32.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน) นอกจากนี้ การส่งออกไปยังจีนมักมีความผันผวนรายเดือนค่อนข้างสูง ซึ่งการเติบโตสูงอย่างมากของการส่งออกไปยังจีนในเดือนนี้อาจสะท้อนการสะสมสินค้าคงคลังของธุรกิจในจีน ซึ่งเมื่อระดับสต็อกขึ้นไปถึงจุดหนึ่งความต้องการน่าจะชะลอลงในช่วงระยะต่อไป นอกจากนี้ เศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะสหรัฐฯ และยูโรโซนมีแนวโน้มอ่อนแรงลง ขณะที่หลายฝ่ายเริ่มกังวลต่อโอกาสที่สหรัฐฯ และยูโรโซนอาจถลำลงสู่ภาวะถดถอยรอบสอง หรือ Double-Dip Recession พร้อมๆ กัน แม้ว่าโอกาสความเป็นไปได้ของกรณีเลวร้ายที่สุดดังกล่าวอาจยังไม่สูงมากนักก็ตาม อย่างไรก็ตาม การส่งออกของไทยน่าจะยังมีปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากญี่ปุ่น ความต้องการและราคาสินค้าเกษตรที่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี และทิศทางเศรษฐกิจเอเชียที่น่าจะยังเติบโตได้ค่อนข้างดีกว่าภูมิภาคอื่นๆ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวนี้น่าจะช่วยบรรเทาผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกได้พอสมควร ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า การส่งออกในช่วงเวลาที่เหลือของปี 2554 อาจขยายตัวประมาณร้อยละ 13.0 โดยกรอบคาดการณ์อยู่ที่ร้อยละ 6.0-17.5 แม้ว่าชะลอลงจากที่ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 25.7 ในช่วง 7 เดือนแรกของปี แต่ยังถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าพอใจ อย่างไรก็ตาม ก็มีความเสี่ยงที่ความอ่อนแอของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยูโรโซนอาจกดดันให้ตัวเลขส่งออกในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้เติบโตต่ำลงเหลือเพียงตัวเลขหลักเดียว โดยภาพรวมทั้งปี 2554 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังคงประมาณการอัตราการขยายตัวของการส่งออกของไทยอยู่ที่ร้อยละ 20 โดยมีกรอบประมาณการอยู่ที่ร้อยละ 17.0-22.0 มีมูลค่าการส่งออกสูงถึง 226,000 ถึง 236,000 ล้านดอลลาร์ฯ หรือประมาณ 7 ล้านล้านบาท แต่ปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจโลกนับว่าเป็นจุดที่เปราะบางและยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
หลังจากมีรายงานว่าสภาธุรกิจท่องเที่ยว และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เตรียมเสนอให้นายพิธา ลิ้ม
เทพองค์ใดที่เป็นตัวแทนของฟาโรห์ทุกองค์ -Rapat Diwarnai Cekcok
วันนี้ 12 พ.ค.2566 เวลา 11.30 น. ณ โรงแรม พนมเปญ ฝ่ายจัดการแข่งขันฟุตบอลชาย มหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งทเทพองค์ใดที่เป็นตัวแทนของฟาโรห์ทุกองค์
วันนี้ (11 ม.ค.2568) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวถึงสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในกทม.ว่า วันนี้สภาพอากาศดีขึ้น มีค่าเฉลี่ย 24.9 มคก.ต่อลบ.ม. เนื่องจากอากาศเปิด มีลมแรง อัตรา
แนวโน้มการส่งออกช่วงที่เหลือของปี 2554 อาจขยายตัวชะลอลงมาที่ 13% ภาพรวมปี 2554 ประมาณการอัตราการขยายตัวของการส่งออกของไทยอยู่ที่ร้อยละ 20 โดยมีกรอบประมาณการอยู่ที่ร้อยละ 17.0-22.0 มีมูลค่าการส่งออกประมาณ 7 ล้านล้านบาท แนวโน้มการส่งออกช่วงที่เหลือของปี 2554 อาจขยายตัวชะลอลงมาที่ 13% การส่งออกของไทยในเดือนกรกฎาคม 2554 ขยายตัวสูงสุดในรอบ 13 เดือนที่อัตราร้อยละ 38.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (Year-on-Year) และมีมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 21,521 ล้านดอลลาร์ฯ โดยการเติบโตสูงดังกล่าวเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ภัยพิบัติในญี่ปุ่น การส่งออกทองคำที่ขยายตัวถึงกว่าร้อยละ 3,900 การส่งออกสินค้าเกษตรที่ยังเติบโตสูง ความต้องการนำเข้าสินค้าจากจีนที่เร่งตัวขึ้นอย่างมาก รวมทั้งผลของฐานเปรียบเทียบที่มีระดับต่ำในปีก่อนหน้า ทั้งนี้ หากประเมินถึงปัจจัยที่ผลักดันการเติบโตในเดือนกรกฎาคม ส่วนใหญ่อาจเป็นผลเพียงชั่วคราว โดยระดับการส่งออกในเดือนกรกฎาคมที่ไม่รวมทองคำ เมื่อขจัดผลของฤดูกาลแล้วพบว่าปรับตัวลดลงจากเดือนมิถุนายน (การส่งออกที่ไม่รวมทองคำในเดือนกรกฎาคมขยายตัวร้อยละ 32.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน) นอกจากนี้ การส่งออกไปยังจีนมักมีความผันผวนรายเดือนค่อนข้างสูง ซึ่งการเติบโตสูงอย่างมากของการส่งออกไปยังจีนในเดือนนี้อาจสะท้อนการสะสมสินค้าคงคลังของธุรกิจในจีน ซึ่งเมื่อระดับสต็อกขึ้นไปถึงจุดหนึ่งความต้องการน่าจะชะลอลงในช่วงระยะต่อไป นอกจากนี้ เศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะสหรัฐฯ และยูโรโซนมีแนวโน้มอ่อนแรงลง ขณะที่หลายฝ่ายเริ่มกังวลต่อโอกาสที่สหรัฐฯ และยูโรโซนอาจถลำลงสู่ภาวะถดถอยรอบสอง หรือ Double-Dip Recession พร้อมๆ กัน แม้ว่าโอกาสความเป็นไปได้ของกรณีเลวร้ายที่สุดดังกล่าวอาจยังไม่สูงมากนักก็ตาม อย่างไรก็ตาม การส่งออกของไทยน่าจะยังมีปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากญี่ปุ่น ความต้องการและราคาสินค้าเกษตรที่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี และทิศทางเศรษฐกิจเอเชียที่น่าจะยังเติบโตได้ค่อนข้างดีกว่าภูมิภาคอื่นๆ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวนี้น่าจะช่วยบรรเทาผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกได้พอสมควร ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า การส่งออกในช่วงเวลาที่เหลือของปี 2554 อาจขยายตัวประมาณร้อยละ 13.0 โดยกรอบคาดการณ์อยู่ที่ร้อยละ 6.0-17.5 แม้ว่าชะลอลงจากที่ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 25.7 ในช่วง 7 เดือนแรกของปี แต่ยังถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าพอใจ อย่างไรก็ตาม ก็มีความเสี่ยงที่ความอ่อนแอของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยูโรโซนอาจกดดันให้ตัวเลขส่งออกในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้เติบโตต่ำลงเหลือเพียงตัวเลขหลักเดียว โดยภาพรวมทั้งปี 2554 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังคงประมาณการอัตราการขยายตัวของการส่งออกของไทยอยู่ที่ร้อยละ 20 โดยมีกรอบประมาณการอยู่ที่ร้อยละ 17.0-22.0 มีมูลค่าการส่งออกสูงถึง 226,000 ถึง 236,000 ล้านดอลลาร์ฯ หรือประมาณ 7 ล้านล้านบาท แต่ปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจโลกนับว่าเป็นจุดที่เปราะบางและยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด การส่งออกของไทยในเดือนกรกฎาคม 2554 ขยายตัวสูงสุดในรอบ 13 เดือนที่อัตราร้อยละ 38.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (Year-on-Year) และมีมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 21,521 ล้านดอลลาร์ฯ โดยการเติบโตสูงดังกล่าวเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ภัยพิบัติในญี่ปุ่น การส่งออกทองคำที่ขยายตัวถึงกว่าร้อยละ 3,900 การส่งออกสินค้าเกษตรที่ยังเติบเทพองค์ใดที่เป็นตัวแทนของฟาโรห์ทุกองค์โตสูง ความต้องการนำเข้าสินค้าจากจีนที่เร่งตัวขึ้นอย่างมาก รวมทั้งผลของฐานเปรียบเทียบที่มีระดับต่ำในปีก่อนหน้า ทั้งนี้ หากประเมินถึงปัจจัยที่ผลักดันการเติบโตในเดือนกรกฎาคม ส่วนใหญ่อาจเป็นผลเพียงชั่วคราว โดยระดับการส่งออกในเดือนกรกฎาคมที่ไม่รวมทองคำ เมื่อขจัดผลของฤดูกาลแล้วพบว่าปรับตัวลดลงจากเดือนมิถุนายน (การส่งออกที่ไม่รวมทองคำในเดือนกรกฎาคมขยายตัวร้อยละ 32.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน) นอกจากนี้ การส่งออกไปยังจีนมักมีความผันผวนรายเดือนค่อนข้างสูง ซึ่งการเติบโตสูงอย่างมากของการส่งออกไปยังจีนในเดือนนี้อาจสะท้อนการสะสมสินค้าคงคลังของธุรกิจในจีน ซึ่งเมื่อระดับสต็อกขึ้นไปถึงจุดหนึ่งความต้องการน่าจะชะลอลงในช่วงระยะต่อไป นอกจากนี้ เศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะสหรัฐฯ และยูโรโซนมีแนวโน้มอ่อนแรงลง ขณะที่หลายฝ่ายเริ่มกังวลต่อโอกาสที่สหรัฐฯ และยูโรโซนอาจถลำลงสู่ภาวะถดถอยรอบสอง หรือ Double-Dip Recession พร้อมๆ กัน แม้ว่าโอกาสความเป็นไปได้ของกรณีเลวร้ายที่สุดดังกล่าวอาจยังไม่สูงมากนักก็ตาม อย่างไรก็ตาม การส่งออกของไทยน่าจะยังมีปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากญี่ปุ่น ความต้องการและราคาสินค้าเกษตรที่ยังอยู่ในเกณฑ์ดี และทิศทางเศรษฐกิจเอเชียที่น่าจะยังเติบโตได้ค่อนข้างดีกว่าภูมิภาคอื่นๆ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวนี้น่าจะช่วยบรรเทาผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกได้พอสมควร ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า การส่งออกในช่วงเวลาที่เหลือของปี 2554 อาจขยายตัวประมาณร้อยละ 13.0 โดยกรอบคาดการณ์อยู่ที่ร้อยละ 6.0-17.5 แม้ว่าชะลอลงจากที่ขยายตัวสูงถึงร้อยละ 25.7 ในช่วง 7 เดือนแรกของปี แต่ยังถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าพอใจ อย่างไรก็ตาม ก็มีความเสี่ยงที่ความอ่อนแอของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยูโรโซนอาจกดดันให้ตัวเลขส่งออกในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้เติบโตต่ำลงเหลือเพียงตัวเลขหลักเดียว โดยภาพรวมทั้งปี 2554 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังคงประมาณการอัตราการขยายตัวของการส่งออกของไทยอยู่ที่ร้อยละ 20 โดยมีกรอบประมาณการอยู่ที่ร้อยละ 17.0-22.0 มีมูลค่าการส่งออกสูงถึง 226,000 ถึง 236,000 ล้านดอลลาร์ฯ หรือประมาณ 7 ล้านล้านบาท แต่ปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจโลกนับว่าเป็นจุดที่เปราะบางและยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
หลังจากมีรายงานว่าสภาธุรกิจท่องเที่ยว และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เตรียมเสนอให้นายพิธา ลิ้ม